MGRออนไลน์ -- ตำรวจใน 2 นครใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ออกกวดขัน จับกุม ปราบปราม การค้าประเวณีอีกรอบหนึ่งในสัปดาห์นี้ เพียงไม่นานหลังจากปรากฏมีข่าวฉาวโฉ่ข้ามประเทศ ว่าทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐ ได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยปฏิบัติการลับ ในทีมอารักษาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จำนวน 3 คน โทษฐานแอบ "ติดต่อสัมพันธ์กับสตรีชาวต่างประเทศอย่างไม่เหมาะสม" ขณะไปปฏิบัติหน้าที่ ติดตามประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปเยือนเวียดนาม สัปดาห์ต้นเดือนนี้
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานเรื่องนี้วันที่ 21 พ.ย. และ กลายเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ทั่วโลกในข้ามวัน ซึ่งวลีที่ทำเนียบขาวใช้นั้น มิใช่อย่างอื่น หากหมายถึง การมีสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงขายบริการ -- อันเป็นข้อห้ามสำหรับเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัย ที่ติดตามผู้นำออกปฏิบัติงานในต่างประเทศ -- ทำเนียบขาวกล่าวว่า ทหารทั้งสามนายได้ "ละเมิดเคอร์ฟีว" ในเวียดนาม ซึ่งหมายถึงกฏที่ห้ามเจ้าหน้าที่ ออกจากที่พักในยามค่ำคืนนั่นเอง
แต่สื่อในเวียดนาม ดูจะงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นายเป็นทีมใด และเหตุเกิดที่ใด เนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์ อยู่ในเวียดนามเป็นเวลา 3 วัน ระหว่าง 10-12 พ.ย. และ อยู่ใน 2 นครใหญ่ โดยมีกำหนดการต่างๆ แน่นขนัด -- ครั้งแรกไปร่วมประชุมผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก หรือ เอเปก ในนครด่าหนัง ก่อนเดินทางเข้ากรุงฮานอย เพื่อการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ
แต่ทีมเตรียมการล่วงหน้าของสหรัฐ รวมทั้งหน่วยรักษาความปลอดภัย ได้เดินทางเข้าเวียดนามล่วงหน้าเป็นเวลาหลายวัน และ ออกปฏิบัติในหลายพื้นที่ ทั้งในโฮจิมินห์ ด่าหนัง และ เมืองหลวง -- มีเจ้าหน้าที่เวียดนาม เพียงไม่กี่คนที่ได้รับมอบหมาย ให้ปฏิบัติการร่วมมือช่วยเหลือ หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ยิ่งทำให้การสืบเสาะหาความจริงต่างๆ เป็นไปได้ยาก แทบจะไม่ทางตรวจสอบหาร่องรอย ของเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการลับจอมอื้อฉาวได้เลย
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยกับวอชิงตันโพสต์ว่า ทั้งสามคนเป็นทหารชั้นประทวน ของกองทัพบก เป็นทีมเชี่ยวชาญด้านการตดต่อสื่อสาร และ ทำหน้าที่ให้บริการ/ควบคุมระบบการสื่อสาร ในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูง ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์อยู่ในเวียดนาม -- ทั้งสามคนได้ถูกปลดให้พ้นจากหน้าที่ในทำนียบไว้ท์เฮ้าส์ทันที และ กระทรวงกลาโหมกำลังสอบสวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งจะมีการลงโทษทางวินัยติดตามมา
ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐ ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นใดอีก เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ่้นในเวียดนาม แต่วอชิงตันโพสต์รายงานว่า เรื่องแบบเดียวกันนี้เคยเกิดมาก่อน โดยทหารบกทีมเดียวกันนี้จำนวน 4 คน เคยถูกกล่าวหา "เที่ยวผู้หญิง" ขณะติดตามอารักขา รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ไปเยือนประเทศปานามา เดือน ส.ค.ปีนี้
.
แต่ดูเหมือนเหตุการณ์นี้ มีส่วนโดยตรง ทำให้ทางการเวียดนามออกกวดขัน การค้าประเวณีอีกครั้งหนึ่งในสัปดาห์นี้ หลังว่างเว้นไปพักใหญ่ ด้วยมั่นใจว่าทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง -- ซึ่งไม่เป็นไปตามนั้น
เว็บไซต์ "ตำรวจประชาชน" นครโฮจิมินห์ รายงานในวันศุกร์ 24 พ.ย.นี้ว่า ในคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปราบปรามอาชญากรรม สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่กองกำกับการ ปราบปรามสิ่งชั่วร้ายทางสังคม กับเจ้าหน้าที่ทหาร กำลังพลรวมกันนับร้อยๆ นาย ได้กระจายกำลัง ออกตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย จำนวน 8 แห่งอย่างต่อเนื่องกัน ในท้องที่ 2 เขต ที่เป็นย่านธุรกิจของนครใหญ่
การเข้าตรวจค้นเป้าหมายใหญ่แห่งหนึ่ง ในย่านใจกลางไซ่ง่อน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตะลึงงัน ต่อสิ่งที่ได้เห็นต่อหน้า -- เว็บไซต์ตำรวจกล่าวว่า เมื่อเข้าตรวจค้นร้านคาราโอเกะ "จอลลี่" (Jolly) ที่ถนนเลลาย (Lê Lai) ในเขต 1 พบหญิงสาวกว่า 100 คน แต่งกายดี สวมชุดหรือเสื้อผ้า เซ็กซี่ แต่ดูเรียบร้อย งามตา นั่งรอให้บริการลูกค้า ที่เข้าไปหาความสำราญจากการขับร้อง หรือ ขับกล่อม
แต่เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ร้านคาราโอเกะจอลลี่ เป็นที่ขึ้นชื่อ -- ให้มากกว่าการขับร้อง -- โดยห้องร้องเพลงชั้นล่าง เป็นเพียงสถานที่ เริ่มต้นการไปสู่สวรรค์ชั้นบน ที่ซอยเป็นห้องวีไอพี สำหรับให้แขกกับสาวสวยที่เลือกแล้ว เข้าไปขับกล่อมกันต่อ
เว็บไซต์ของตำรวจโฮจิมินห์กล่าวอีกว่า เมื่อเห็นเจ้าหน้ที่กรูเข้าไปข้างใน สาวสวยหลายคนได้พยายามหลบหนี ด้วยกลัวจะถูกจับกุม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฝ่ายตำรวจก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะกฎหมายการป้องกันและปราบปรามค้าประเวณี บัญญัติให้ต้องจับกุมแบบ "คาหนังคาเขา" เท่านั้น -- จึงได้ตรวจค้นหายาเสพติด/อาวุธ รวมทั้งลงทะเบียนประวัติ ซึ่งได้พบว่าหญิงสาวส่วนใหญ่ มีอายุระหว่าง 20-25 ปี และ เป็นชาวจังหวัดทางภาคตะวันตก ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง
ทั้งหมดทำงานที่นั่นโดยไม่มีการเซ็นสัญญาจ้างงาน เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น จึงส่งมอบเรื่องให้สำนักงานแรงงานและกิจการสังคม ดำเนินการตอ่ไป และ ตำรวจได้ประกาศห้ามหญิงสาวกว่า 100 คน ไปชุมนุมกันภายในร้านคาราโอเกะแห่งนี้อีก เนื่องจากเป็นการทำที่ขัดต่อกฎหมายสวัสดิภาพทางสังคม
.
เจ้าหน้าที่อีกทีมหนึ่งสนธิกำลังกัน เข้าตรวจค้นภัตตาคารวันโด (Vạn Đô) ริมถนนเจิ่นผู (Trần Phú) ในเขต 5 และ พบหญิงสาวจำนวนหลายสิบคน ทำหน้าที่เป็นพนักงานเสิร์ฟ แต่ตำรวจได้เบาะแสมาล่วงหน้าว่า ภัตตาคารใหญ่แห่งนี้ เปิดเป็นห้องคาราโอเกะ ไว้ชั้นบนหลายห้อง สำหรับแขกวีไอพีกับหญิงสาว -- แต่ก็ทำได้เพียงเปรียบเทียบปรับเจ้าของร้าน ที่ไม่มีใบอนุญาตสำหรับบริการคาราโอเกะ ไม่มีสัญญาจ้างงาน และ ห้องชั้นบนไม่มีทางหนีไฟ
การตรวจค้นภัตตาคารห่มฟุก (Hồng Phúc) ที่ถนนเลห่มฟอง (Lê Hồng Phong) ในเขต 5 เจ้าหน้าที่พบหญิงสาวกว่า 20 คน แต่งกายล่อแหลม เซ็กซี่ กำลังขับกล่อมแขกหนุ่มๆ อยู่ในห้องคาราโอเกะขนาดใหญ่ที่ชั้นบน -- เจ้าหน้าที่ทำได้เพียงเปรียบเทียบปรับเจ้าของร้าน ที่ไม่มีใบอนุญาติประกอบการคาราโอเกะ และ ไม่มีสัญญาจ้างงาน
กว่า 10 ปีมานี้คอมมิวนิสต์วียดนาม ทำสงครามอย่างยากลำบาก กับสิ่งที่เรียกว่า "ความชั่วร้ายทางสังคมสามประการ" ซึ่งได้แก่ การทุจริตคอร์รัปชั่นในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูง การค้าและเสพยาเสพติด และ การค้าประเวณี อันเป็นการศึกที่หลายฝ่ายกล่าวว่า -- มองไม่เห็นชัยชนะ
อย่างไรก็ตามการปราบปรามได้ผลดีมาเป็นลำดับ อย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ปรากฏมีหญิงโสเภณีตามริมทาง ไม่มีการขายบริการทางเพศริมถนน มาเป็นเวลาหลายปีแล้วในไซ่ง่อน ขณะที่ทางการกรุงฮานอยประกาศ "ถนนปลอดโสเภณี" เมื่อปีที่แล้ว -- หญิงโสเภณีหมดไปจากท้องถนนจริง แต่การขายบริการทางเพศ ยังไม่หมด และ แนบเนียนยิ่งขึ้น
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ห่าโนยเหมย (Hà Nội Mới/ฮานอยใหม่) คืนวันพฤหัสบดี 23 พ.ย.เช่นเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองหลวง ได้จัดกำลังออกตรวจค้น สถานที่เป้าหมายหลายแห่ง ในเขตบาดี่ง (Ba Đình) ซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจสำคัญย่านหนึ่ง และ เข้าตรวจค้นร้านสปาของครอบครัวหนึ่ง -- ที่นั่นไม่มีการขายบริการทางเพศ แต่เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เจ้าของใช้เป็นแหล่งติดต่อหญิงสาว เพื่อการดังกล่าว
ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่จับกุมหญิงสาวจำนวน 4 คน ขณะให้บริการแขกอยู่ในโรงแรมหลังหนึ่ง การสอบปากคำทำให้ เจ้าหน้าที่สามารถสืบย้อน กลับไปยังร้านสปาแห่งนั้น และ พบว่าสามี-ภรรยาเจ้าของร้าน ได้หักค่านายหน้าออกจากค่าบริการของพวกเธอ ครั้งละ 30% -- จึงแสดงตัวจับกุมบุคคลทั้งสอง ฐานเป็นผู้จัดหาหญิงสาว เพื่อการค้าประเวณี.