พระนครศรีอยุธยา - แม่สุดทนโร่แจ้ง ปวีณา ช่วยเหลือลูกสาววัย 15 หลังถูกอาหลอกบังคับพาไปขายบริการนานกว่า 7 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.30 น.วานนี้ (14 พ.ย.) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร สว.กก.2 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบราม เข้าตรวจสอบอพาร์ตเมนต์ปิยะแมนชั่น ตำบลไผ่ลิง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ห้องหมายเลข S5 หลังจากมีผู้ปกครองได้มาร้องทุกข์ ว่า ลูกสาวอายุ 15 ปี ถูกหลอกไปขายตัว
โดยห้องดังกล่าวพบ น.ส ปาวีณา ทองเชื้อ อายุ 20 ปี ผู้เป็นอาเลี้ยง และชาย อายุ 61 ปี อดีตครูเกษียณอายุราชการ และยังพบ น.ส.ภัทร (นามสมมติ) อายุ 15 ปี หลังจากมี น.ส.แก้ว (นามสมมติ) แม่ของ น.ส.ภัทร เข้าร้องทุกข์ต่อมูลนิธิปวีณาให้ช่วยเหลือลูกสาว หลังทราบว่า ลูกสาวถูก น.ส.ปาวีณา ทองซื้อ อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นอาเลี้ยงหลอก และบังคับพาไปขายบริการทางเพศนานกว่า 7 เดือน จนลูกสาวทนไม่ไหวนำเรื่องดังกล่าวบอกกับแม่ จึงเข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่า ทางมูลนิธิได้รับการขอความช่วยเหลือจาก น.ส.แก้ว ซึ่งเป็นแม่ น.ส.ภัทร ว่า ลูกสาวถูกน.ส. ปาวีณา ซึ่งเป็นอาเลี้ยง หลอก และบังคับข่มขู่พาไปขายบริการทางเพศใน จ.พระนครศรีอยุธยา นานกว่า 7 เดือน แม่ของ น.ส.แก้ว ทนไม่ไหวจึงเข้ามาร้องเรียนที่มูลนิธิ ทางมูลนิธิจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เข้าให้การช่วยเหลือจับกุมตัวดังกล่าว
น.ส.แก้ว ผู้เป็นแม่ กล่าวว่า ตนได้แยกทางกับสามีเมื่อตอนลูกสาวอายุประมาณ 5 ปี ต่อมา มีสามีใหม่ และพาลูกสาวมาอยู่ด้วยที่บ้านสามีใหม่ โดยตนมีบุตรกับสามีใหม่ 1 คน และช่วงประมาณต้นปี 2560 สามีใหม่ถูกจับยาเสพติด ตนจึงได้นำลูกสาวไปฝากให้อยู่กับย่าเลี้ยง ซึ่งเป็นแม่ของสามีใหม่ที่ห้องเช่าย่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ช่วยดูแล เนื่องจากตนจะต้องเข้าทำงานเป็นกะเช้ากลางคืน หากปล่อยให้ลูกสาวอยู่ที่บ้านเพียงลำพังเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย และตนจะแวะไปเยี่ยมลูกทุกอาทิตย์
ต่อมา ช่วงเย็นของวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 ลูกสาวโทรศัพท์มาบอกตนว่า ถูก น.ส.ปาวีณา อาเลี้ยงหลอกบังคับข่มขู่พาไปขายบริการทางเพศนานกว่า 7 เดือน แล้วบังคับให้รับแขกกว่า 3 คนต่อวัน เมื่อได้ยินได้ฟังเรื่องราวตกใจ และเสียใจมาก เพราะคิดว่าที่ตนได้นำลูกสาวไปให้อยู่กับย่าเลี้ยงแล้วปลอดภัยที่สุด และดีกว่าให้ลูกอยู่เพียงลำพังแต่สุดท้ายสิ่งที่ไว้ใจกลับเป็นภัยใกล้ตัวเสียเอง
น.ส.แก้ว ผู้เป็นแม่ยังกล่าวอีกว่า ในครั้งแรกทประมาณเดือน พ.ค.2560 น.ส.ปาวีณา อาเลี้ยงบอกว่าให้มาช่วยทำงาน งานไม่หนักเพื่อช่วยกันหาเงินใช้จ่ายในครอบครัวเพียงไปเดินเที่ยว และกินข้าวกับแขกแล้วได้เงินเพียงเท่านั้น และ น.ส.ปาวีณา ได้พาไปส่งให้แก่แขกตามสถานที่ต่างๆ ที่ได้นัดเอาไว้ และในแต่ละครั้งจะได้ค่าตัวครั้งละ 500 ถึง 3,000 บาท เมื่อได้เงินมาจะเก็บทุกบาททุกสตางค์ หากไม่ยอมทำ น.ส.ปาวีณา ก็จะมีอารมณ์โกรธด่าทอ และทำร้ายทุบตีร่างกายทำให้กลัวไม่กล้าปฏิเสธ เพราะ น.ส.ปาวีณา มักจะพูดเสมอว่า อยู่บ้านเขาต้องช่วยกันทำมาหากิน และวันใดที่มีแขกในวันธรรมดาก็จะต้องให้หยุดเรียนเพื่อไปทำงาน
ล่าสุด เพิ่งรับแขกไปเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จนเช้ารุ่งขึ้น น.ส.ภัทร ทนไม่ไหว และไม่อยากทำงานแบบนี้จึงตัดสินใจบอกเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับแม่ และวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 แม่ตัดสินใจเดินทางมาพบ นางปวีณา เพื่อช่วยเหลือ ทางด้าน นางปวีณา หงสกุล จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เข้าตรวจสอบห้องดังกล่าว พบ น.ส ปาวีณา ทองเชื้อ อายุ 20 ปี และชายอดีตครูเกษียณอายุราชการ และยังพบ น.ส.ภัทร อยู่ภายในห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าทำการจับกุม และพบเงินที่ทำการล่อซื้อ และยาบ้าจำนวนหนึ่ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหา ทั้งหมดนำส่งกองปราบแผนกกอง 2 เพื่อสอบสวน และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป