MGRออนไลน์ -- รัสเซียโจมตีทางอากาศ ที่ตั้งสำคัญกลุ่มรัฐอิสลามในซีเรียต่อเนื่อง วันพฤหัสบดี 17 พ.ย.ที่ผ่านมา และ เป็นครั้งแรกที่นำ Tu-95M "Bear" เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์เก่าแก่ที่ใช้งานมานาน 6 ทศวรรษ บินจากภาคเหนือของประเทศ ข้ามทะเลเหนือ อ้อมยุโรปทั้งทวีป เข้าทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก่อนปฏิบัติการ ยิงถล่มด้วยจรวด X-101
นับเป็นครั้งแรกที่ Tu-95 ลำหนึ่งบินโดยใช้เส้นทางนี้ เพื่อการโจมตีระยะไกล ซึ่งแม้กระทั่งในยุคโซเวียต ที่เป็น "อภิมหาอำนาจ" หนึ่งของโลก ก็ยังไม่เคยทำมาก่อน กระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงในเว็บไซต์ช่วงกลางคืนที่ผ่านมาว่า นับเป็นครั้งแรกที่ เครื่องบินทิ้งระเบิดเก่าแก่รุ่นนี้ ยิงโจมตีผ่ายตรงข้ามด้วยจรวด X-101 อันเป็นจรวดร่อนชนิดใหม่เอี่ยม ที่เพิ่งเปิดตัวและนำออกทดลองใช้โจมตีเป็นครั้งแรกในสงครามซีเรีย
ปฏิบัติการของ T-95 เมื่อวันพฤหัสบดี ทำให้ทุกฝ่ายต้องนึกถึงปฏิบัติการคล้ายกันของ Tu-160 ซึ่งเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์รุ่นใหม่ ในเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว โดยบินจากฐานทัพอากาศในคาบสมุทรเมอร์มังสค์ ทางตอนใต้ของอาร์คติก อ้อมสแกนดิเนเวีย และ ทวีปยุโรป พร้อมจรวดร่อนเต็มลำ ไปโจมตีที่ตั้ง ISIS ในซีเรีย โดยยิงจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก่อนจะบินย้อนเส้นทางเดิม อ้อมทวีปอันเป็นรังใหญ่ของกลุ่มนาโต้ กลับไปยังฐานทัพต้นสังกัด
Tu-160 "หงส์ขาว" ซึ่งเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ความเร็วเหนือเสียงที่ใหม่กว่า ออกปฏิบัติการครั้งนั้นด้วยจรวด X-101 ชนิดเดียวกัน เป็นการเปิดตัวและนำออกใช้ในการรบจริงครั้งแรก สำหรับจรวดโจมตีระยะไกล ที่เป็นความลับมาตลอดยุคสมัยของสหภาพโซเวียต
วิดีโอคลิปปฏิบัติการของ "พี่หมีใหญ่" เมื่อวันพฤหัสบดี ที่กระทรวงวกลาโหมรัสเซียนำออกเผยแพร่ แสดงให้เห็นการเติมน้ำมันกลางอากาศให้แก่ Tu-95 กับ เครื่องบินรบ Su-30SM จำนวน 2 ลำ บินคุ้มกัน ตามแบบแผนการรบและการโจมตีทางอากาศดั้งเดิม ที่ปฏิบัติกันมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 คลิปสั้นๆ ยังแสดงให้เห็นการปล่อยอาวุธนำวิถี Tu-95 ไปทำลายเป้าหมายในซีเรีย ขณะบินอยู่เหนือผืนน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่มองเห็นอยู่เบื้องล่าง
"เครื่องบินบินขึ้นจากสนามบินแห่งหนึ่งในดินแดนสหพันธรัฐรัสเซีย และ เติมน้ำมันกลางอากาศสองครั้ง เพื่อบินระยะทางกว่า 11,000 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางข้ามผืนน้ำทะเลเหนือ และ มหาสมุทรแอตแลนติกตะวันออก.. หลังจากใช้อาวุธปล่อยนำวิถีโจมตีแล้ว เครื่องบินได้บินกลับไปยังฐานทัพที่ตั้ง" กระทรวงกลาโหมในกรุงมอสโก แถลงผ่านเว็บไซต์กลางดึก โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับ ฐานทัพสังกัดของ Tu-65 แต่ทราบกันดีว่า อยู่ในย่านทะเลบัลติก ทางตอนเหนือของประเทศ
"และจะต้องโน้ตในที่นี้ว่า นี่เป็นการใช้อาวุธปล่อยนำวิถี X-101 ครั้งแรกของเครื่องบิน (Tu-5)" กระทรวงกลาโหมฯ ระบุ
.
1
ตามข้อมูลในเว็บข่าวกลาโหม X-101 หรือ Kh-101 เป็นอาวุธปล่อยนำวิถีโจมตีอากาศสู่พื้น ที่พัฒนามาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต เพื่อบรรจุเข้าประจำการ ติดตั้งแทน Kh-55 บนเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ ซึ่งรวมทั้ง Tu-5 ด้วย โลกตะวันตกเคยทราบข่าวรั่ว เกี่ยวกับการพัฒนาจรวดรุ่นนี้มาเป็นเวลานานหลายสิบปี แต่ยังไม่เคยมีฝ่ายใดได้เห็นของจริง จนกระทั่งรัสเซีย นำไปใช้ยิงโจมตีกลุ่มไอซิสในซีเรียครั้งแรกเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว
Kh-101 ติดหัวรบธรรมดา แต่หลายฝ่ายเชื่อว่ามีขีดความสามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ มีระยะยิงไกล 5,500 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 270 เมตร/วินาที เป็นความเร็วที่ต่ำกว่าความเร็วเสียง มีรายงานที่อ้างผลการทดลองของรัสเซียก่อนหน้านี้ว่า เป็นจรวดที่มีความแม่นยำ/ระยะพลาดเป้าเพียง 5-6 เมตร.
ปฏิบัติการของ Tu-95 ในวันพฤหัสบดี ได้รับการคุ้มกันจาก Su-30 และ เป็นปฏิบัติการโจมตีผสมผสานต่อเนื่องจากวันก่อน โดยมีเครื่องบินโจมตี Su-33 จากเรือบรรทุกเครื่องบินแอดมิรัล คุซเน็ตซอฟ กับ เครื่องบินทิ้งระเบิด จากฐานทัพอากาศเมย์มีม (Hmeymim) ในซีเรีย ที่รัสเซียใช้เป็นฐานปฏิบัติการในประเทศนี้ เข้าร่วมปฏิบัติการด้วย
กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวต่อไปอีกว่า เป้าหมายที่ถูกโจมตีอยู่ในดินแดนควบคุมของฝ่ายไอซิส ประกอบด้วยศูนย์ควบคุม/บัญชาการ คลังเก็บอาวุธและกระสุน ยานพาหนะทางทหาร กับโรงงานผลิตอาวุธ เป้าหมายทั้งหมดได้รับการยืนยันผ่านแหล่งข่าวกรองต่างๆ และ ผ่านการตรวจเช็คก่อนทำการโจมตี ที่สังเกตุการณ์และควบคุมจากยานบินไร้คนขับ (หรือโดรน)
.
.
ผู้สังเกตการณ์ในยุโรปหลายคน ได้ออกแสดงความเห็นในช่วงเวลาก่อนสว่างวันศุกร์นี้ ระบุว่านี่เป็นการแสดงให้เห็น ขีดความสามารถใหม่ ในการใช้อาวุธปล่อยนำวิถีสมัยใหม่ ของเครื่องบินรบที่ใช้มายาวนานกว่า 60 ปี อันเป็นสมรรถนะใหม่ ที่โลกภายนอกไม่เคยเห็นกันมาก่อน
"พี่หมีใหญ่" เคยออกร่วมปฏิบัติการในซีเรียครั้งหนึ่ง ช่วงปลายเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ครั้งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งให้เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ทั้งสามรุ่น คือ Tu-95MS, Tu-22M3 กับ Tu-160 ไปปฏิบัติการโจมตีที่ตั้งไอซิส และ Tu-95 ปฏิบัติการครั้งนั้นด้วยการทิ้งระเบิด
ขึ้นบินครั้งแรกปี พ.ศ.2496 บรรจุเข้าประจำการกองทัพอากาศสหภาพโซเวียเวียตในปี 2499 ซึ่งเป็นช่วงก่อนสงครามเวียดนามจะเริ่มขึ้น นานนับสิบปี
"Bear" เป็นฉายาที่ตั้งให้โดยกลุ่มนาโต้ ใช้เครื่องยนต์ใบพัด 4 เครื่องยนต์ ทำความเร็วสูงสุดได้ 920 กม./ชม. ได้ชื่อเป็นเครื่องบินในพัดเร็ว ที่บินได้เร็วที่สุดในโลกตั้งแต่เคยมีการสร้างกันมา และ ปัจจุบันก็ยังเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดใหญ่ที่สุดในโลกรุ่นหนึ่ง ใหญ่กว่า B-52 ของสหรัฐ
ตามประวัติความเป็นมาในเว็บไซต์บริษัทตูโปเลฟ (Tupolev) ผู้ผลิต ในระหว่างทศวรรษที่ 1950 จนถึง 1970 มีการสร้าง Tu-95 ออกมาทั้งหมดราว 500 ลำ เคยกระจายเป็นกำลังรบสำคัญ ตามสาธารณรัฐบริวารต่างๆ ของโซเวียต ปัจจุบันกองทัพอากาศรัสเซียยังเหลือรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้การได้ราว 55 ลำ
.
2
3
3
ส่วน Tu-22 "แบ็คไฟร์" (Backfire) เข้าประจำการในช่วงปลายสงครามเวียดนาม และ Tu-160 "แบล็คแจ็ค" (Blackjack) เป็นรุ่นใหม่สุด เข้าประจำการเมื่อปี 2530 สองรุ่นหลังติดเครื่องยนต์เจ็ต ความเร็วระดับซูเปอร์โซนิก ทหารรัสเซียเองชอบที่จะเรียก Tu-160 ว่า "หงส์ขาว" (White Swan) จากรูปทรงที่ดูแต่ไกล คล้ายพญาหงส์ที่สง่างาม
หลังสงครามเวียดนามยุติลงในปี 2518 อย่างน้อยที่สุดเคยมี Tu-95 จำนวน 1 ลำ ถูกส่งไปประจำการฐานทัพอากาศของโซเวียต ที่อ่าวกามแรง (Cam Ranh) ในภาคกลางเวียดนาม และ อยู่ต่อมาจนกระทั่งปี 2534 หลังมหาอาณาจักรของค่ายคอมมิวนิสต์ล่มสลาย
ภาพถ่ายจำนวนหนึ่ง ที่เผยแพร่ในยุคหลัง ยังแสดงให้เห็น Tu-22M เคยบินไปใช้ฐานทัพอากาศแห่งนั้น ในขณะที่เรือพิฆาตกับเรือดำน้ำโซเวียต หลายรุ่นประจำอยู่ที่ฐานทัพเรือ ซึ่งอยู่ใกล้กัน ในบริเวณอ่าวยุทธศาสตร์ของเวียดนาม
ปัจจุบัน Tu-95 ยังคงออกปฏิบัติการบินลาดตระเวณเป็นปรกติเหนือทะเลแปซิฟิก บ่อยครั้งที่บินเข้าใกล้น่านฟ้าญี่ปุ่น หรือ กองเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐ จนต้องถูกประกบด้วยเครื่องบินรบของอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อ "นำร่อง" ออกไป
ผู้สังเกตการณ์ยังกล่าวอีกว่า ปฏิบัติการของ Tu-95M ในวันพฤหัสบดี แสดงให้เห็นการเป็นเครื่องจักรกล สำหรับการศึกที่น่าเกรงขาม อย่างไม่เปลี่ยนแปลง และ ยังแสดงผลงานการอัปเกรดในช่วงที่ผ่านมา กับความมุ่งมั่นตามนโยบายของกองทัพรัสเซีย ที่จะใช้เครื่องทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์รุ่นใหญ่และเก่าแก่นี้ ประจำการต่อไป จนถึงช่วงทศวรรษที่ 2040 นั่นคือ อีก 24-25 ปีเป็นอย่างน้อย.