รอยเตอร์ - จีน และเวียดนามควรทำงานร่วมกันเพื่อคงไว้ซึ่งสันติภาพ และความมั่นคงในทะเลจีนใต้ จัดการและควบคุมข้อขัดแย้งต่างๆ นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน กล่าวต่อ นายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุ้ก ของเวียดนาม
จีนอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด ขณะที่บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเวียดนาม ต่างก็อ้างสิทธิเหนือพื้นที่บางส่วนในทะเลจีนใต้ที่เชื่อว่าอุดมด้วยแหล่งน้ำมัน และก๊าซเช่นกัน
เวียดนาม อยู่ท่ามกลางการเสริมแสนยานุภาพทางทหารอย่างเงียบๆ ที่นักวิเคราะห์ระบุว่า เป็นการเสริมกำลังเพื่อการป้องปรามในการรักษาเขตเศรษฐกิจพิเศษระยะ 200 ไมล์ทะเล ขณะที่จีนรุกคืบการอ้างกรรมสิทธิเหนือดินแดนในทะเลจีนใต้
ศาลอนุญาโตตุลาการ ในกรุงเฮก มีคำตัดสินคดีที่ฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องเมื่อเดือน ก.ค.ว่า จีนไม่มีสิทธิทางประวัติศาสตร์ในการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำในทะเลจีนใต้ แต่ปักกิ่งปฏิเสธที่จะยอมรับคำตัดสินดังกล่าว ขณะที่เวียดนามนั้นยินดีต่อคำตัดสิน โดยระบุว่า เวียดนามสนับสนุนการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ และยืนยันการอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือดินแดนของตัวเอง
ในการพบหารือที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันจันทร์ (12) นายกรัฐมนตรีของจีนกล่าวต่อผู้นำเวียดนามว่า ทะเลจีนใต้เกี่ยวข้องในสองประเด็น คือ สิทธิอธิปไตย และสิทธิทางทะเล รวมทั้งความรู้สึกของชาติ กระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุวันนี้ (13)
“จีนและเวียดนามควรทำงานร่วมกันอย่างหนัก ปฏิบัติตามฉันทมติในระดับสูงอย่างรอบคอบ คงไว้ซึ่งความมั่นคงทางทะเล จัดการและควบคุมข้อขัดแย้ง ส่งเสริมความร่วมมือทางทะเล ร่วมกันรักษาความสงบสุขและความมั่นคงทางทะเลและภูมิภาค และกำหนดเงื่อนไขสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มั่นคง” นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง กล่าว
กระทรวงการต่างประเทศของจีนอ้างถึงคำกล่าวของผู้นำเวียดนาม ที่ระบุว่า ปัญหาทางทะเลควรจัดการอย่างเหมาะสมด้วยสันติวิธี บนพื้นฐานของความเสมอภาค และความเคารพซึ่งกันและกัน และไม่ควรปล่อยให้ปัญหาทางทะเลส่งผลกระทบต่อการพัฒนาความสัมพันธ์
เมื่อต้นเดือน ก.ย. นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ได้เสนอวงเงินสินเชื่อ จำนวน 500 ล้านดอลลาร์ ให้แก่เวียดนามสำหรับความร่วมมือด้านการป้องกัน ที่ช่วยให้เวียดนามสามารถเสริมแสนยานุภาพทางทหารเพื่อการป้องปรามได้มากยิ่งขึ้นท่ามกลางความไม่ลงรอยในทะเลจีนใต้ ซึ่งสถาบันศึกษาสันติภาพานาชาติแห่งสตอกโฮล์ม (SIPRI) ที่ติดตามการค้าอาวุธตลอดช่วงเวลา 5 ปี ระบุว่า การจัดซื้อจัดจ้างด้านการป้องกันประเทศของเวียดนามเพิ่มสูงเกือบ 700% จนถึงปี 2558.