MGRออนไลน์ -- บริษัทคาลาชนิคอฟแห่งสหรัฐ ได้เปิดตัวไรเฟิ้ล AK รุ่นใหม่เอี่ยมเมื่อไม่กี่วันมานี้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมครั้งสำคัญ ของไรเฟิ้ลที่อยู่คู่กับโซเวียต/รัสเซียมายาวนานตั้งแต่ยุคสงครามโลก และ ยังใช้เป็นปืนประจำกายกำลังพลในกว่า 10 ประเทศเสมอมา จนนับจำนวนรวมกันได้เป็นล้านๆ กระบอก และ เป็นไรเฟิ้ลที่ทรงพลานุภาพที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง ที่เคยผลิตออกมาในโลก
บริษัทคาลาชนิคอฟยูเอสเอ (Kalashnikov USA) นำเอเค "อัลฟ่า" (AK Alpha) ออกแสดงในงานแสดงอาวุธปืน ShotShow 2016 ที่เมืองลาสเวกัส มลรัฐเนวาดา สัปดาห์ปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นงานแสดงอาวุธปืนใหญ่ที่สุดในสหรัฐและในโลก จัดกันเป็นประจำทุกปี
เอเคอัลฟ่าเกือบจะไม่หลงเหลือรูปลักษณ์เดิมๆ ที่ดูทรหดบึกบึน แบบโบราณๆ ให้เห็นอีก หากมองดูเพียงแวบเดียวก็อาจจะไม่รู้สึกเอะใจด้วยซ้ำ ว่าที่อยู่ต่อหน้านั้้นคือ "อาก้า" ปืนเจ้าตำนาน หากเพ่งพินิจพิจารณาจริงๆ จัง ๆ ก็อาจจะพอจำเค้าเดิมๆ ได้ลางเลือน เหลืออยู่สัก 10% เห็นจะได้ ทั้งนี้ก็เนื่องจาก "อาก้าอเมริกา" ได้เปลี่ยนรูปแปลงโฉม ให้ดูเออร์โกโนมิกส์ ใช้วัสดุน้ำหนักเบาสมัยใหม่ห่อหุ้ม จนกลายเป็นปืนยุคใหม่
ยังเหลือแต่ส่วนภายในเท่านั้น ที่คงเป็นอาก้าอันแข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลง และ ยังคงใช้กระสุนขนาด 7.62x39 มม. มาตรฐานของค่ายโซเวียตอยู่เช่นเดิม วิดิโอคลิปชิ้นหนึ่งที่ปล่อยออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งเปรียบเทียบให้เห็นของเก่ากับของใหม่ ทำให้คนรักปืนผาหน้าไม้รอคอยดูของจริงแบบใจจดใจจ่อ
แน่นอนว่าเมื่อเป็นปืนยุคใหม่ก็จะต้องติดรางพิแคนตินนี่มาครบถ้วน เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเล็งและอุปกรณ์อื่นๆ ได้แบบฟูลออปชั่น AK Alpha ยังเปลี่ยนรางพิคันตินนี ไปติดตั้งรางแบบอื่นแทนได้อีกด้วย
ตามข้อมูลในเว็บไซต์บริษัทผู้ผลิต ไรเฟิ้ล AK Alpha ที่จะออกวางจำหน่ายในตลาดสหรัฐปลายปีนี้ จะทำออกมาเพียงรุ่นเดียว ยิงได้ครั้งละ 1 นัด ไม่มีโหมดยิงอื่นให้เลือกเหมือนอาก้ามาตรฐานต้นแบบ ที่เลือกได้ 3 โหมด 1 นัด 3 นัด และยิงรัวอัตโนมัติ ทั้งนี้ดูจะเป็นการแสดงความห่วงใยต่ออนาคตตลาดสหรัฐ ที่กระแสต่อต้านการให้พลเมืองมีอาวุธร้ายแรงในครอบครองพุ่งขึ้นสูงมาก หลังเกิดการสังหารหมู่สะเทือนขวัญซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีเด็กตัวเล็กๆ ในโรงเรียนประถมศึกษา เสียชีวิตจำนวนมาก
รัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังรณรงค์ เรียกร้องให้รัฐสภา ที่พรรครีปับลิกันมีเสียงข้างมาก ผ่านรัฐบัญญัติฉบับหนึ่ง เพื่อใช้ควบคุมควบคุมการมีอาวุธร้ายแรงในครอบครองอย่างเฉียบขาด แม้จะทำให้อุตสาหกรรมอาวุธปืนในประเทศขุ่นเคืองก็ตาม
กล่าวโดยรวม AK Alpha ถือเป็นการปฏิวัติรูปโฉมของไรเฟิ้ลตระกูล AK-47, AMK ครั้งสำคัญในรอบศตวรรษ โดยมิได้แตะต้องระบบปฏิบัติการและ กลไกภายในที่ใช้แรงดันจากแก๊ส แบบดั้งเดิม ที่ยังเป็นระบบทันสมัยที่สุด มาจนกระทั่งทุกวันนี้ ทั้งหมดยังเป็นไปตาม ที่กำหนดไว้ในสิทธิบัตร
.
.
ต่างไปจากอาก้ารุ่นปู่รุ่นพี่ทั้งสองรุ่นหลัก ที่กล่าวมาแล้ว และ ต่างไปจาก AK-12 ที่คาลาชนิคอฟรัสเซีย ผลิตออกมาสำหรับกองทัพ และ เริ่มนำเข้าประจำการแล้ว AK Alpha หุ้มด้วยชิ้นส่วนโพลิเมอร์เกือบทั้งหมด ดูงามเรียบ งามหยด ตั้งแต่ปลายจดพานท้าย ที่เป็นแบบพับฐาน เลื่อนให้กระชับ สั้นลงหรือยืดออกได้ รวมทั้งมีชิ้นส่วนสำหรับประทับแก้ม ที่ปรับสูงต่ำได้เช่นกัน ซึ่งฟีเจอร์หลังๆ นี้ไม่เคยมีในเฟรม AK-47 ก่อนหน้านี้
ต่างไปจากอาก้า "บุลพับ" ที่เป็นเพียงการ "แต่งซิ่ง" และ ต่างไปจาก "ชุดโม" อีกหลากหลายที่วางขายในท้องตลาด เพื่อทำให้ AK-47 ดูสวยงาม หรือ ใช้ง่าย ใช้คล่องยิ่งกว่าเดิม AK Alpha เป็นการปฏิวัติรูปโฉมของปืนแบบโบราณให้เป็นปืนเหมาะกับยุคสมัย แค่คงประสิทธิพบกับความดุดันเอาไว้ครบถ้วนถาวร
ปุ่มสำหรับเลือกโหมดยิงด้วยนิ้วโป้งทำมาทั้งสองข้าง เช่นเดียวกันกับปุ่มปลดซองบรรจุกระสุนหรือแม็กกาซีนที่บรรจุ 30 นัดมาตรฐาน และ ปุ่มยึดคันเลื่อนสำหรับ "ขึ้นลำ" ในการยิงนัดแรก ที่ปลดไปติดตั้ง เพียงแค่เสียบเข้าในช่องที่ทำไว้ ทั้งด้านซ้ายและขวาของชุดยิง เอเคอัลฟ่าจึงกลายเป็นปืนแบบแอมบิเด็กซ์เทริส (Ambidextrous) เอาใจคนถนัดทั้งซ้าย และ ขวา อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
นอกจากนั้นคาลาชนิคอฟอเมริกาก็ยังฟุ้งอีกว่า เทคโนโลยียุคใหม่ที่ใช้ทำการผลิต ทำให้ AK Alpha ยิงแม่นยำกว่ารุ่นปู่รุ่นย่าอีกหลายเท่าตัว
รุ่นที่จะออกวางจำหน่ายปลายปีนี้ จะมีลำกล้องให้เลือก 2 ขนาด คือ 41.5 และ 31.4 ซม. สั้นกับยาว โดยใช้รหัส AKL กับ AKS กำกับ ซึ่ง L ก็คือ "ลอง" หรือ "ยาว และ S คือ "ช็อต" หรือ "สั้น" ทำให้เรียกกันง่าย และ เข้าใจได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม AK Alpha จะมีพานท้ายที่ปรับได้เป็นตัวกำหนดความยาวตลอดของปืน รุ่นยาวที่สุดที่มีให้เลือก จะชักออกไปได้ยาวสุด 95 ซม. หรือเกือบๆ เมตร น้ำหนัก 3.45 กก. เท่าๆ กับอาก้ามาตรฐาน และ ด้วยขนาดลำกล้องเท่าเดิม โดยไม่นับรวมแม็กกาซีนบรรจุ 30 นัดดังที่กล่าวมาแล้ว
.
2
ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐยังใช้มาตรการแซงชั่นทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียอยู่ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว หลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศผนวกดินแดนคาบสมุทรไครเมียในทะเลดำของยูเครน เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ตามความเรียกร้องต้องการของพลเมืองที่ส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายรัสเซีย -- แล้วเหตุไฉนจึงมี "อาก้า" ตระกูลรัสเซียแท้ๆ แถมยังเป็นรุ่นใหม่เอี่ยมอ่อง ไปวางจำหน่ายในสหรัฐ?
คำตอบก็คือ Kalashnikov USA เป็นบริษัทอเมริกันโดยแท้ ที่ซื้อสิทธิบัตรจาก Kalashnikov Concern บริษัทในรัสเซียไปผลิตในสหรัฐ มาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว จึงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมาตรการแซงชั่นของประธานาธิบดีโอบามา
เป็นที่ทราบกันอย่างดีว่า ในปัจจุบันกองทัพหลายประเทศในย่านนี้ มีไรเฟิ้ล AK-47 กับอีกหลายรุ่น เป็นปืนประจำกายกำลังพล มีทั้งของแท้ๆ ดั้งเดิมที่ตกค้างมาตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวียดนาม ว่ากันว่ามีทั้งAK-47 AK-74 และ AKM รวมจำนวนหลายแสนกระบอก กองทัพอินโดนีเซียมีทั้งของจริง ที่ผลิตในโซเวียตกับอีกบางประเทศในยุโรปตะวันออกเมื่อก่อน ในมาเลเซียมีอีกรุ่น กัมพูชาและลาว รวมทั้งกองทัพไทยใช้ "อาก้าจีน" เช่นนี้เป็นต้น
อาก้าอัลฟ่ารุ่นแรกสำหรับตลาดสหรัฐ จะมีแต่เฉพาะเวอร์ชั่นพลเรือน เพื่อให้คนทั่วไปครอบครองเอาไว้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินได้ แต่สำหรับตลาดอื่นๆ ทั่วโลก รวมทั้งในประเทศที่ห้ามใช้ และ ห้ามมีกระสุนแคลิเบอร์ 7.62x39 ไว้ในครอบครอง เพราะถือเป็น "อาวุธสงคราม" นั้น อาจจะมีข่าวดีในปีหน้า
Kalashnikov USA บอกว่า ในอนาคตที่ไม่ไกลจนเกินไป จะผลิตเอเคอัลฟ่าออกมาหลายขนาดลำกล้อง ทั้งสั้นและยาว และใช้กระสุนขนาดอื่นๆ รวมทั้งเวอร์ชั่น Alpha Military ที่จะผลิตออกเป็นทางเลือก สำหรับใช้ทางการทหารอีกด้วย
ข้ามสัปดาห์มานี้ วงการคนรักปืนผาหน้าไม้พูดคุยกันแซดว่า เรื่องนี้จะเป็นข่าวใหญ่ยิ่งขึ้น ถ้าหากว่าวันใดวันหนึ่งข้างหน้า กองทัพสหรัฐกับพันธมิตรชายมามอง AK Alpha และ เลือกเป็นไรเฟิ้ลประจำกายกำลังพลนาวิกโยธินหรือกองทัพบกบ้าง -- ซึ่งถ้าหากค่ายตะวันตกหันไปใช้ปืนตระกูลโซเวียต/รัสเซียของค่ายตะวันตก ก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานเลยทีเดียว.