สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายฟรองซัวส์ มูแลงส์ อัยการกรุงปารีส เปิดเผยในวันเสาร์ว่า ผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุโจมตีในกรุงปารีส จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 129 ราย (ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันล่าสุด) และบาดเจ็บอีกมากกว่า 350 คน เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 13 พ.ย. ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) อาจแบ่งออกเป็น 3 ทีม โดยเจ้าหน้าที่กำลังสืบหาว่าพวกเขามาจากที่ใด และหาแหล่งเงินทุนอย่างไร
นายมูแลงส์บอกต่อผู้สื่อข่าวในกรุงปารีสเมื่อคืนวันเสาร์ว่า "จากการสืบสวนในตอนนี้ เราสามารถบอกได้ว่า อาจมีผู้ก่อการร้ายอย่างน้อย 3 ทีมอยู่เบื้องหลังพฤติกรรมป่าเถื่อนนี้" นายมูแลงส์ระบุด้วยว่า คนร้ายมี 7 คน ใช้ปืนไรเฟิลอัตโนมัติ คาลาชนิคอฟ และสวมเข็มขัดติดระเบิดเหมือนกัน ขณะที่หนึ่งในคนร้ายได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นชาวฝรั่งเศสอายุ 30 ปี จากเมืองคูร์คูรอนส์ ทางตะวันตกของกรุงปารีส มีประวัติอาชญากรรมแต่ไม่เคยติดคุก
นายมูแลงส์ยังพูดถึงการสืบสวน ซึ่งยังอยู่ในขั้นแรกเท่านั้น โดยตำรวจกำลังมุ่งการสืบสวนไปที่ยานพาหนะ 2 คัน หนึ่งในนั้นเป็นรถยนต์รุ่น เซียต (Seat) สีดำ ซึ่งคนร้ายใช้ในเหตุโจมตี 2 จุดและจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังตามหาร่องรอยไม่พบ รถยนต์อีกคันเป็น โฟล์กสวาเกนรุ่นโปโล สีดำเช่นกัน และติดป้ายทะเบียนรถของเบลเยียม ถูกพบแล้วที่โรงละคร บาตากล็อง ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่ถูกโจมตี
โฟล์กสวาเกนคันนี้ถูกเช่ามาโดยชายชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ในประเทศเบลเยียม ผู้ถูกตำรวจชายแดนตรวจสอบบัตรประจำตัวก่อนเดินทางข้ามพรมแดนเบลเยียมเมื่อเช้าวันศุกร์ พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่สืบสวนเชื่อว่า 3 คนนี้เป็นหนึ่งในทีมที่ร่วมโจมตีในปารีสและสามารถหลบหนีไปได้
นอกจากนี้ยังพบหนังสือเดินทางสัญชาติซีเรียตกอยู่ใกล้ศพของ 1 ใน 3 มือระเบิดฆ่าตัวตายที่จุดระเบิดใกล้สนามกีฬา สต๊าด เดอ ฟรองส์ โดยรัฐมนตรีกรีซคนหนึ่งระบุว่า หนังสือเดินทางดังกล่าวเป็นของผู้อพยพชาวซีเรียซึ่งเดินทางผ่านเกาะเลรอสของกรีส ขณะที่มีรายงานว่าพบหนังสือเดินทางสัญชาติอียิปต์ด้วย
อีกด้านหนึ่ง ตำรวจเบลเยียมบุกจับกุมชาย 3 คนที่บ้าน 3 หลังในเมือง มูเลินบีค-แซงต์-ฌอง ในกรุงบรัสเซลส์ โดยนาย ซีกฮิลด์ ลาคอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเบลเยียมระบุว่า การบุกจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากมีการพบรถที่เช่าจากเบลเยียมใกล้สถานการณ์เกิดเหตุก่อการร้ายในปารีส ขณะที่นายมูแลงส์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีในปารีส
นายมูแลงส์บอกต่อผู้สื่อข่าวในกรุงปารีสเมื่อคืนวันเสาร์ว่า "จากการสืบสวนในตอนนี้ เราสามารถบอกได้ว่า อาจมีผู้ก่อการร้ายอย่างน้อย 3 ทีมอยู่เบื้องหลังพฤติกรรมป่าเถื่อนนี้" นายมูแลงส์ระบุด้วยว่า คนร้ายมี 7 คน ใช้ปืนไรเฟิลอัตโนมัติ คาลาชนิคอฟ และสวมเข็มขัดติดระเบิดเหมือนกัน ขณะที่หนึ่งในคนร้ายได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นชาวฝรั่งเศสอายุ 30 ปี จากเมืองคูร์คูรอนส์ ทางตะวันตกของกรุงปารีส มีประวัติอาชญากรรมแต่ไม่เคยติดคุก
นายมูแลงส์ยังพูดถึงการสืบสวน ซึ่งยังอยู่ในขั้นแรกเท่านั้น โดยตำรวจกำลังมุ่งการสืบสวนไปที่ยานพาหนะ 2 คัน หนึ่งในนั้นเป็นรถยนต์รุ่น เซียต (Seat) สีดำ ซึ่งคนร้ายใช้ในเหตุโจมตี 2 จุดและจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังตามหาร่องรอยไม่พบ รถยนต์อีกคันเป็น โฟล์กสวาเกนรุ่นโปโล สีดำเช่นกัน และติดป้ายทะเบียนรถของเบลเยียม ถูกพบแล้วที่โรงละคร บาตากล็อง ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่ถูกโจมตี
โฟล์กสวาเกนคันนี้ถูกเช่ามาโดยชายชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ในประเทศเบลเยียม ผู้ถูกตำรวจชายแดนตรวจสอบบัตรประจำตัวก่อนเดินทางข้ามพรมแดนเบลเยียมเมื่อเช้าวันศุกร์ พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่สืบสวนเชื่อว่า 3 คนนี้เป็นหนึ่งในทีมที่ร่วมโจมตีในปารีสและสามารถหลบหนีไปได้
นอกจากนี้ยังพบหนังสือเดินทางสัญชาติซีเรียตกอยู่ใกล้ศพของ 1 ใน 3 มือระเบิดฆ่าตัวตายที่จุดระเบิดใกล้สนามกีฬา สต๊าด เดอ ฟรองส์ โดยรัฐมนตรีกรีซคนหนึ่งระบุว่า หนังสือเดินทางดังกล่าวเป็นของผู้อพยพชาวซีเรียซึ่งเดินทางผ่านเกาะเลรอสของกรีส ขณะที่มีรายงานว่าพบหนังสือเดินทางสัญชาติอียิปต์ด้วย
อีกด้านหนึ่ง ตำรวจเบลเยียมบุกจับกุมชาย 3 คนที่บ้าน 3 หลังในเมือง มูเลินบีค-แซงต์-ฌอง ในกรุงบรัสเซลส์ โดยนาย ซีกฮิลด์ ลาคอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเบลเยียมระบุว่า การบุกจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากมีการพบรถที่เช่าจากเบลเยียมใกล้สถานการณ์เกิดเหตุก่อการร้ายในปารีส ขณะที่นายมูแลงส์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีในปารีส