เอเอฟพี - ทางการฝรั่งเศสได้สอบปากคำมือปืนที่ต้องสงสัยว่าเป็นนักรบญิฮัดในวันอาทิตย์ (23 ส.ค.) หลังก่อเหตุโจมตีบนรถไฟสายปารีส-อัมสเตอร์ดัม แต่โดนผู้โดยสารจัดการจนสิ้นฤทธิ์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ระบุว่าคนร้ายรายนี้เคยไปเยือนซีเรียและเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง
การสอบปากคำ อาย็อบ เอล คัซซานี ผู้เป็นคนร้ายได้เน้นไปที่ข้อมูลของตัวเขากับเรื่องความเกี่ยวข้องกับพวกนักรบญิฮัดในซีเรีย
แหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ต่อต้านก่อการร้ายของสเปนระบุว่า คนร้ายเคยอาศัยอยู่ในสเปน 7 ปี จนกระทั่งเมือปีที่แล้วก็ได้เดินทางผ่านฝรั่งเศสไปซีเรีย
แบร์นาร์ด คาเซเนิฟ รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส ได้ยืนยันว่าหน่วยข่าวกรองของสเปนได้แจ้งต่อฝรั่งเศสว่าชายคนร้ายถูกหมายหัว เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง แต่คาเซเนิฟไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของเยอรมนีก็ได้หมายหัวคัซซานีเช่นกัน ตอนที่เขาโดยสารเที่ยวบินออกจากเบอร์ลินไปอิสตันบูลเมื่อเดือนพฤษภาคมของปีนี้ ส่วนรัฐมนตรียุติธรรมเบลเยียม “โคเอน กรีน” ก็ได้ยืนยันว่า คัซซานีเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองเบลเยียม
ด้านการรักษาความปลอดภัยคาดว่าจะเข้มงวดขึ้นสำหรับรถไฟระหว่างประเทศบนแผ่นดินยุโรป
ที่ผ่านมาผู้โดยสารของบริการรถไฟยูโรสตาร์ เส้นทางปารีส-ลอนดอน จะต้องผ่านการตรวจสอบก่อนขึ้นรถไฟแบบเดียวกับในสนามบิน แต่บริการรถไฟเส้นทางระหว่างเมืองหลวงของฝรั่งเศสกับบรัสเซลส์และอัมสเตอร์ดัมไม่มีการตรวจสอบแบบนั้น
อาย็อบ เอล คัซซานี ชาวโมร็อกโกวัย 25 ปี ที่เป็นคนร้าย เขาได้เปิดฉากยิงด้วยปืนไรเฟิลเมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ แต่โดนกำราบโดยผู้โดยสารอเมริกันและอังกฤษ ซึ่งทั้งหมดได้รับการชมเชยในภายหลังว่าเป็นวีรบุรุษ
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความยากลำบากของหน่วยข่าวกรอง ในการตามรอยผู้ที่อาจกลายเป็นนักรบญิฮัด และคาดว่าจะนำไปสู่การรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้นแก่บริการรถไฟระหว่างประเทศในแถบยุโรป
คนร้ายรายนี้พกพาปืนไรเฟิลจู่โจม “คาลาชนิคอฟ” (ปืนอาก้า) ปืนพกอัตโนมัติ “ลูเกอร์” พร้อมกระสุน 9 แมกฯ กับมีดพก 1 อัน โดยเขาได้เปิดฉากกราดยิงบนรถไฟความเร็วสูงขณะวิ่งผ่านเบลเยียมเข้าสู่ภาคเหนือของฝรั่งเศส
ผู้โดยสารชาวฝรั่งเศสรายหนึ่งพยายามจะปลดอาวุธคัซซานี ขณะที่เขาออกจากห้องน้ำ แต่คนร้ายรอดไปได้แล้วมีการยิงปืนหลายนัด ตอนนั้นนักเดินทางอีกรายที่มีเชื้อสายฝรั่งเศส-อเมริกัน ผู้มีอายุ 50 กว่าๆ ก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม การก่อเหตุร้ายได้จบลงอย่างรวดเร็ว เมื่อทหารสหรัฐฯ 2 นายกับเพื่อนของพวกเขาได้ชาร์จเข้าใส่คนร้ายแล้วควบคุมตัวเอาไว้ได้
“ผมมองกลับไปแล้วก็เห็นชายคนหนึ่งเข้ามาพร้อมกับปืนคาลาชนิคอฟ ผมกับเพื่อนก็เลยก้มลง แล้วผมก็พูดว่า ไปจัดการเจ้าหมอนี่กันเถอะ” อเล็ก สคาร์ลาโทส ชายหนุ่มวัย 22 ปี บอกกับสื่อฝรั่งเศส เขาเป็นสมาชิกของกองกำลังป้องกันมาตุภูมิในรัฐโอเรกอน เพิ่งจะเดินทางกลับมาจากอัฟกานิสถาน
ทหารอเมริกันอีกรายคือ สเปนเซอร์ สโตน ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพอากาศ เขาคือคนแรกที่พุ่งเข้าหาคนร้าย เขาโดนเฉือนเข้าที่คอและเกือบจะโดนตัดนิ้วโป้งด้วยมีดพก
“ณ จุดนั้น ผมก็โผล่เข้าไปคว้าปืนจากคนร้ายแล้วเริ่มอัดเข้าที่หัวจนกระทั่งเขาหมดสติไป” สคาร์ลาโทส กล่าว
ส่วนเพื่อนของทหารทั้ง 2 ก็คือ แอนโทนี แซดเลอร์ นักศึกษาวัย 23 ปีจากมหาวิทยาลัยซาคราเมนโต กับชาวอังกฤษ “คริส นอร์แมน” ผู้เป็นที่ปรึกษาธุรกิจ ทั้งคู่ได้ช่วยในการจับคนร้าย
นอร์แมนวัย 62 ปี บอกว่า ปืนของคนร้ายอาจขัดลำกล้องทำให้ไม่มีการนองเลือดเพิ่มเติม
“ปฏิกิริยาแรกของผมคือซ่อนตัว แต่ผมมาคิดดูแล้วยังไงผมก็อาจจะต้องตายอยู่ดี ผมขอตายแบบออกแรงละกัน โดยพยายามจัดการคนร้าย แทนที่จะนั่งเฉยๆ หลบมุมรอให้โดนยิง ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นฮีโร่เลย ถ้าไม่มีสเปนเซอร์ ผมคิดว่าพวกเราอาจตายหมดแล้ว” เขาบอกนักข่าว
เมื่อคนร้ายหมอบลงไปกองกับพื้น สคาร์ลาโทสจึงได้ออกไปหาดูว่ามีคนร้ายรายอื่นอีกไหม ส่วนนอร์แมนช่วยมัดคนร้ายด้วยเนคไทของเขา
แม้ตัวเองจะได้รับบาดเจ็บ แต่สโตนก็ยังไปช่วยชายคนที่ถูกยิงบริเวณไหล่ แล้วทั้งคู่ก็ถูกส่งไปโรงพยาบาล โดยมีการเปิดเผยว่าทั้งคู่อาการดีขึ้นแล้ว สโตนได้ออกจากโรงพยาบาลในวันเสาร์หลังรับการผ่าตัดที่มือ
ส่วนคัซซานีโดนจับกุมได้ในท้ายที่สุด ตอนรถไฟขบวนนี้ที่มีผู้โดยสาร 554 คนไปหยุดที่สถานีอาร์ราส ทางเหนือของฝรั่งเศส
นักแสดงชาวฝรั่งเศส ฌอง-ฮิวจ์ อองแกลด ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยขณะพยายามดึงสัญญาณเตือนภัยบนรถไฟ เขากล่าวหาเจ้าหน้าที่บนรถไฟว่ามัวแต่หลบอยู่ในหัวขบวน แล้วปล่อยให้ผู้โดยสารจัดการกับเรื่องนี้กันเอง ซึ่งทางผู้จัดการของบริษัทรถไฟก็ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้
ประธานาธิบดีฟรังซัวร์ โอลองด์ ของฝรั่งเศสได้เตรียมที่จะทำการขอบคุณฮีโร่ชาวอเมริกันและอังกฤษเหล่านี้เป็นการส่วนตัวในวันจันทร์ที่พระราชวังเอลิเซ ส่วนประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ได้แสดงความยินดีต่อความกล้าหาญเป็นพิเศษของพวกเขา