เอเจนซีส์ – ล่าสุดนายกรัฐมนตรีสโลวีเนีย มิโร เซราร์(Miro Cerar)ประกาศหากอียูไม่จัดการแก้ปัญหาวิกฤตผู้อพยพให้จบ อาจต้องขั้นสหภาพยุโรปต้องถึงจุดจบ และมีการประกาศแยกตัว หลังจากภาพมุมสูงทางอากาศแสดงถึงแถวทอดยาวของผู้อพยพชาวซีเรีย และจากตะวันออกกลางที่มีทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนหนุ่มจำนวน 14,000 คนในวันอาทิตย์(25) ต่างมุ่งมั่นเดินตัดข้ามทุ่งในบอลข่านที่ต้องทนทั้งสภาพอากาศหนาวเย็น และลมพัดแรงจัดมุ่งหน้าเข้าสโลวาเนียของเซราร์ เพื่อเดินทางต่อไปยังเยอรมัน ฝรั่งเศส และอังกฤษ
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(26)ว่า ภาพมุมสูงทางอากาศแสดงให้เห็นถึงแถวยาวของผู้อพยพจำนวนมากที่ดูเหมือนต่างเตรียมพร้อมมาอย่างดีเพื่อการเดินทางที่ยากลำบากในการอพยพเข้าสู่ยุโรปถึงแม้ต้องผจญกับสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ โดยมีทั้งลมแรงและอุณหภูมิลดต่ำ
โดยในภาพข่าวเมื่อวานนี้(25)ของเอพีชี้ว่า ผู้อพยพจำนวนมากที่มีทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนหนุ่มร่วม 14,000 คนกำลังเดินเท้าต่อแถวยาวข้ามทุ่งใน Rigonce สโลวีเนีย หลังจากคนเหล่านั้นถูกกักตัวไว้เป็นเวลานานหลายวันบริเวณพรมแดนโครเอเชีย
ซึ่งในบางช่วงเวลาของการเดินทาง ผู้อพยพจากซีเรีย และตะวันออกกลางเหล่านี้ต่างต้องตกในสภาพที่ต้องเดินทางภายใต้ทั้งฝนตก อุณหภูมิลดต่ำ และลมพัดแรงจัด
อย่างไรก็ตามปัญหาวิกฤตผู้อพยพเข้าสู่ยุโรปทำให้นายกรัฐมนตรีสโลวีเนีย มิโร เซราร์(Miro Cerar)ได้ใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาประกาศข้อเรียกร้องไปยังผู้มีอำนาจในกรุงบรัสเซลส์ โดยขู่ว่าหากยังไม่จัดการอะไรอย่างเป็นรูปธรรม ในอนาคตอันใกล้อาจต้องเห็นสหภาพยุโรปตกในสภาพที่ต้องแตกเป็นเสี่ยง
“หากเรายังไม่สามารถหาข้อยุติได้ในวันนี้ และหากเรายังไม่ลงมือเริ่มทำอะไรอย่างสุดกำลังในวันนี้ ผมเชื่อมั่นว่าจะต้องถึงวันที่พบกับจุดจบของสหภาพยุโรปอย่างแน่นอน เพราะหากเรายังไม่ออกนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม ผมคิดว่าเราคงจะได้มีโอกาสเห็นอียูแตกเป็นเสี่ยงในไม่ช้า” เซราร์กล่าว
โดยการประกาศข้อเรียกร้องของเซราร์เกิดขึ้น 9 วันหลังจากที่ฮังการีออกมาตรการฉุกเฉินปิดพรมแดนด้านใต้ เป็นผลทำให้ผู้อพยพเหล่านี้ต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางเข้าสู่สหภาพยุโรปโดยใช้ช่องทางผ่านเข้าสโลวีเนีย ประเทศเล็กๆในกลุ่มอียูแทน ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมเป็นต้นมา มีผู้อพยพจำนวน 62,000 คนเข้าสู่สโลวีเนีย และแค่เพียงในวันอาทิตย์(25) มีผู้อพยพไหลเข้าสโลวาเนียถึง 14,000 คน
นอกจากนี้ผู้นำสโลวีเนียยังได้ประณามโครเอเชีย ประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกัน ที่ปล่อยให้ผู้อพยพจำนวนมากไหลผ่านเข้ามาในสโลวีเนีย โดยไม่มีการประสานงานติดต่อกับเจ้าหน้าที่รักษาพรมแดนสโลวีเนียให้ทราบล่วงหน้า
ซึ่งโครเอเชียเองตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นกัน หลังจากมีผู้อพยพจำนวนไม่ต่ำกว่า 230,000 คนเดินทางผ่านเข้าประเทศนับตั้งแต่กลางเดือนกันยายนล่าสุด
เดลีเมลชี้ผู้ผู้อพยพใช้สโลวีเนียเป็นปากทางเข้ายุโรปเพื่อต้องการไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเยอรมัน ฝรั่งเศส และอังกฤษ และรวมไปถึงประเทศในกลุ่มนอร์ดิกที่มีสวัสดิการสังคมดี