xs
xsm
sm
md
lg

เป็นประวัติกาล ทัพฟ้า-ราชนาวีไทยทำได้สำเร็จ เชื่อม "เอริอาย" กริพเพน กับเรือหลวงนเรศวร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<FONT color=#000033>เป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของสองเหล่าทัพ หลังจากดำเนินการ และ พยายามมาเป็นเวลา 2-3 ปี การบูรณาการสัญญาณเรดาร์ ระหว่างเครื่องบินตรวจการณ์เตือนภัยล่วงหน้า กับเครื่องบินรบและเรือรบที่อยู่เบื้องล่าง จะทำให้ทุกฝ่ายมองเห็น และ รู้จุดที่ตั้งฝ่ายตรงข้ามร่วมกัน ช่วยให้ฝ่ายอำนวยการรบ สามารถตัดสินใจได้ถูกต้องแม่นย่ำ เครื่องบินรบกับเรือรบ สามารถแยกโจมตี หรือ โจมตีเป้าหมายต่างๆ ร่วมกันได้โดยไม่ผิดพลาด. -- ภาพกองทัพอากาศไทย. </b>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- กองทัพอากาศกับราชนาวีไทย ประสบความสำเร็จในการเชื่อมต่อระบบข้อมูล ระหว่างเครื่องบินตรวจการณ์และเตือนภัยล่วงหน้า ซึ่งติดระบบเรดาร์เอริอาย (Erieye) กับเครื่องบินขับไล่ JAS-39 "กริพเพ่น" (Gripen) ของกองทัพอากาศ และ เรือหลวงนเรศวร อันเป็นความพยายามในการผสมผสาน การใช้อุปกรณ์ทันสมัยด้วยกัน ซึ่งได้ช่วยเพิมขีดความสามารถในเชิงยุทธวิธี ให้สองเหล่าทัพสามารถประสานการปฏิบัติการได้ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นับเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองเหล่าทัพ มีระบบบูรณาการสัญญาเรดาร์ใช้งานร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์จากสวีเดน ด้วยเทคโนโลยีของกลุ่มซาบ (Saab Group) ทีจัดหามาหลายปีก่อนหน้านี้

"กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ ร่วมกันทดสอบภาคทะเล ของระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี ระหว่าง เครื่องบิน Erieye, เครื่องบิน Gripen และ เรือหลวงนเรศวรเมื่อดำเนินการเรียบร้อย จะเป็นการบูรณาการสัญญาณเรดาร์ จาก บ.ทั้ง 2 แบบ เข้ากับเรดาร์เรือ เพื่อเพิ่มระยะในการตรวจจับเป้าหมาย และนำไปประกอบการบัญชาการยุทธ, การส่งเป้าหมายและการโจมตีเป้าหมายร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ" กองทัพเรือประกาศเรื่องในในเว็บไซต์ วันอังคาร 22 ก.ย.ที่ผ่านมา

นับเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งในการพัฒนา การบูรณาการระบบเรดาห์ของอากาศยานกับเรือเข้าด้วยกัน หลังจากเมื่อเดือนที่แล้วกองทัพเรือ ประสบความสำเร็จในการใช้ระบบเรดาร์ของสวีเดน ที่ติดตั้งบนเรือหลวงนเรศวร ซึ่งเป็นเรือที่ต่อจากสาธารณรัฐประชาชนจีน บูรณาการเข้ากับระบบ ยิงจรวดอีเอสเอสเอ็ม (Evolved SeaSparrow Missile) ระบบจรวดนำวิถีต่อสู้อากาศยานประสิทธิภาพสูง ที่ผลิตจากสหรัฐ ยิงทำลายเป้าหมายซึ่งเป็นโดรน ยิงขึ้นจากเรือลำเลียงพลยกพลขึ้นบกสหรัฐลำหนึ่ง ได้อย่างแม่นยำ

นั่นคือเหตุการณ์ที่กลายเป็นไฮไล้ต์สำคัญสำหรับฝ่ายไทย ระหว่างการฝึก CARAT 2015 ไทย-สหรัฐ ที่บริเวณฐานทัพเรือสัตหีบ และ กลายเป็นเหตุการณ์ที่สื่อกลาโหมหลายแห่งรายงานไปทั่วโลก

การเชื่อมต่อระบบข้อมูลสัญญาเรดาร์ หรือ ที่เรียกกันง่ายๆ ทั่วไปว่า ระบบ "ดาต้าลิงค์" ระหว่างเครื่องบินตรวจการณ์เตือนภัยล่วงหน้า Saab 340 AEW&C กับ JAS-39 และ เรือฟริเกตชุดเรือหลวงนเรศวร จะทำให้หน่วยรบทางอากาศ และ บนผิวน้ำ สามารถแชร์ข้อมูลทางยุทธวิธีระหว่างกัน และ "มองเห็นกัน" รวมทั้ง "มองเห็นเป้าหมายร่วมกัน" ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อการอำนวยการรบ

ถึงแม้ว่าสวีเดน จะยังไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกกลุ่มร่วมพันธมิตรป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ แต่ประเทศนี้ได้ผลิตระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกอย่าง ที่สามารถเข้ากันได้ทุกประการกับระบบของนาโต้ ซึ่งหมายถึงระบบของโลกตะวันตกทั้งมวลรวมทั้งสหรัฐด้วย

ตามข้อมูลของบริษัทผู้ผลิต เครื่องบินตรวจการณ์ Saab 340 ติดตั้งระบบเรดาร์แบบเอริอาย (Erieye Radar System) ซึ่งเป็นระบบเรดาร์ตรวจไกลทางอากาศ เพื่อเแจ้งเตือนล่วงหน้าและควบคุมสภาพ (Airborne Early Warning and Control System - AEW&C) เป็นเรดาร์ระบบแอ็กทีฟสแกนอาเรย์ (Active Electronically Scanned Array - AESA) สามารถมองเห็นในมุมกว้าง 300 องศา ไกล 450 กิโลเมตร มีระยะตรวจจับ 350 กม. ปฏิบัติงานได้ในทุกสภาพอากาศ แม้ในท่ามกลาง "สงครามทางอีเล็กทรอนิกส์" ของฝ่ายต่างๆ ระบบยังสามารถแยกมิตร แยกศัตรูได้อีกด้วย

การแจ้งสิ่งที่ AEW&C มองเห็นหรือตรวจพบ เข้าสู่ระบบเรดาร์ของเครื่องบินรบ และ ระบบเรดาร์ของเรือฟริเกต จะช่วยให้ทุกฝ่ายรู้ตำแหน่งที่ตั้ง และ มองเห็นภัยข่มขู่ลวงหน้า "ระบบดาต้าลิงค์" นี้ ช่วยให้ฝ่ายอำนวยการสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เครื่องบินรบกับเรือรบ สามารถแยกปฏิบัติการโจมตี หรือ ร่วมโจมตีเป้าหมายต่างๆ ได้

ปัจจุบันกองทัพอากาศไทยมี Saab 340 AEW&C ประจำการจำนวน 2 ลำ ได้รับมอบครบตั้งแต่เดือน ต.ค.2555 และ ตามข้อมูลในเว็บไซต์ Saab Group ประเทศอื่นๆ ที่ใช้ระบบ AEW&C บนเครื่องบิน Sab 340 ได้แก่ กรีซ ปากีสถาน สวีเดน (4 ลำ) และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่สั่งซื้อจำนวน 2 ลำ.
.

2
กำลังโหลดความคิดเห็น