ASTVผู้จัดการออนไลน์ - การฝึกซ้อมภายใต้รหัส “กะรัต” CARAT ประจำปี 2558 ระหว่างกองทัพไทย กับกองทัพสหรัฐฯ เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการวันพฤหัสบดี 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางความวิตกกังวล และรายงานเกี่ยวกับความตึงเคียดทางการทูตระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับชาติพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดในย่านนี้ และมีรายงานร่ำลือกันมานานว่า สหรัฐฯ อาจจะตัด หรือลดทอนความสัมพันธ์ร่วมมือทางด้านกลาโหมกับรัฐบาลทหารของไทย ที่เข้ายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งในเดือน พ.ค. ปีที่แล้ว
แต่การฝึกซ้อม Cooperation Afloat Readiness and Training ได้เริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 21 ระหว่างไทย กับสหรัฐฯ
ทหารเรือกับนาวิกโยธินสหรัฐฯ กว่า 1,000 นาย ได้ร่วมกับกำลังพลกองทัพไทย ฝึกที่บริเวณฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี การฝึกที่จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 3 ก.ย. จะมีทั้งฝึกชายฝั่ง และฝึกซ้อมทางทะเล เพื่อ “แบ่งปันความวิตกกังวลด้านความมั่นคงปลอดภัยทางทะเลร่วมกัน สร้างความสัมพันธ์ และเสริมขยายความสามารถในการอำนวยการร่วมกันระหว่างกองกำลังที่เข้าร่วม” กองทัพเรือสหรัฐฯ รายงานเรื่องนี้ในคำแถลงฉบับหนึ่ง
“กะรัต ไทยแลนด์ได้เป็นเวทีอันสำคัญสืบต่อกันมาในการส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัย” พล.ร.ต.ชาร์ลี วิลเลียมส์ (Rear Adm Charlie Williams) ผู้บัญชาการกองกำลังเฉพาะกิจ 73 ที่เข้าร่วมการฝึกกล่าว
ทหารกว่า 1,000 นาย จะร่วมกับทหารไทยจากหลายหน่วย ฝึกยกพลขึ้นบก ฝึกรบในทะเล ฝึกบนเรือ สาธิตการฝึกซ้อม ตรวจค้น และบุกยึด การฝึกลาดตระเวนชายฝั่ง ประดาน้ำ การช่วยเหลือกู้ภัย รวมทั้งการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณชน โดยหน่วย “ซีบีส์” (Navy Seabees) หรือ หน่วยทหารก่อสร้าง (Construction Battalions) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหน่วยรบระดับกองพัน พร้อมทั้งวงดุริยางค์ของกองทัพเรือที่ 7
กะรัต เป็นการฝึกซ้อมหลากหลายเนื้อหาที่จัดขึ้นประจำทุกปีระหว่างกองทัพสหรัฐฯ กับมิตรประเทศในภูมิภาคนี้ ซึ่งประกอบด้วย บังกลาเทศ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย กับติมอร์เลสเต และยังพยายามขยายความร่วมมือการฝึกซ้อมนี้กับอีกหลายประเทศ รวมทั้งเวียดนามด้วย
กะรัตไทยทุกปีที่ผ่านมา ครอบคลุมเนื้อหาการฝึกด้านความมั่นคงปลอดภัยทางทะเล กะรัตครั้งที่ 21 กับกองทัพไทยได้ขยายการเน้นหนักสู่เนื้อหาการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการช่วยเหลือในภัยพิบัติต่างๆ กับการบริการชุมชนด้วย ซึ่งเวลาผ่านมากว่า 2 ทศวรรษ การฝึกร่วมกะรัตระหว่างไทย และสหรัฐฯ ได้ “สะท้อนถึงการเติบโตทางวุฒิภาวะในความร่วมมือด้านกลาโหมระดับภูมิภาคระหว่างสองประเทศ” กองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าว
“การฝึกได้แสดงออกถึงพันธสัญญาของเราต่อหุ้นส่วนในภูมิภาคของเรา และเสถียรภาพกับความมั่นคงปลอดภัยในเอเชียแปซิฟิก” น.อ. (พิเศษ) เอช บี เล (Commodore H B Le) ผู้บังคับกองเรือพิฆาต 7 กองทัพเรือที่ 7 สหรัฐฯ กล่าว
หน่วยรบที่ฝ่ายสหรัฐฯ ส่งเข้าร่วม CARAT Thailand ปีนี้ประกอบด้วย เรือยกพลขึ้นบกเยอรมันทาวน์ (USS Germantown, LSD 42) เครื่องบินปราบเรือดำน้ำ P-3C “โอไรออน” (Orion) กองพันก่อสร้างเคลื่อนที่ 5 กองทัพเรือ หน่วยกู้ระเบิดกับวัตถุระเบิด 5 กลุ่มลาดตระเวนทางน้ำ 1 หน่วยประดาน้ำกู้ภัย 5 และกองกำลังนาวิกโนธินประจำกองทัพเรือส่วนหน้าที่ 3
นอกจากนั้น ยังประกอบด้วยทหาร และกำลังพลกองกำลังเฉพาะกิจ 73 และกองเรือพิฆาต 7 ที่รับผิดชอบด้านการวางแผนล่วงหน้า การประสานความร่วมมือหน่วยต่างๆ เพื่อการฝึกร่วมกับชาติพันธมิตร และกิจกรรมร่วมอื่นๆ กับกองทัพเรือเวียดนามด้วย กองทัพเรือสหรัฐฯ ระบุ
.
2
3
4
5
สำหรับเรือเยอรมันทาวน์ครั้งนี้ ได้เป็นการกลับคืนสู่อ่าวไทยครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2554 ครั้งที่มาร่วมการฝึกคอบร้าโกลด์กับไทย ร่วมกับเรือยกพลขึ้นบก และเรือจู่โจมยกพลขึ้นบกอีกหลายลำ กับเรือพิฆาต ในปีที่เป็นการ “ฝึกหนัก” อีกปีหนึ่งของคอบร้าโกลด์
กองเรือยกพลขึ้นบกที่นำโดยเรือเยอรมันทาวน์ เพิ่งแล้วเสร็จจากการฝึกซ้อมแบบเดียวกันนี้กับมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ นอกจากนั้น การฝึกกะรัตกับสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ก็ยังเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ ส่งเรือโจมตีชายฝั่ง 3 “ฟอร์ตเวิร์ธ” LCS 3 USS Fort Wort เข้าร่วม และยังเป็นครั้งแรกเช่นกันที่สหรัฐฯ ส่งยานปีกหมุนไร้การบังคับ “ลูกเสือไฟ” (MQ-8B “Fire Scout”) ยานลาดตระเวนระยะไกล ประจำเรือฟอร์ตเวิร์ธ เข้าร่วม
การฝึกกะรัตกับมาเลเซีย ที่สิ้นสุดลงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ยังตามมาด้วยการเยือนของ พล.ร.อ.สกอต สวิฟต์ (Adm Scot Swift) ผู้บัญชาการกองกำลังแปซิฟิกคนใหม่ของกองทัพสหรัฐฯ อีกด้วย
กองทัพเรือสหรัฐฯ ไม่ได้กล่าวถึงกำหนดการใดๆ เกี่ยวกับการเข้าร่วมของเรือโจมตีชายฝั่งในการฝึกซ้อมกะรัตร่วมกับไทยครั้งนี้ ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา ที่สหรัฐฯ เริ่มส่งเรือรบชั้นนี้มาประจำการในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังไม่เคยมีลำใดมาแวะเยี่ยมเยือนไทย.
