ASTVผู้จัดการออนไบลน์ - สำนักงานสอบสวนต่อต้านการคอร์รัปชันแห่งสิงคโปร์ (Anti-Corruption Investigation Bureau) ได้เริ่มการสอบสวนตามคำกล่าวหาที่ว่ามีการ “ฮั้วบอล” ในนัดที่ทีมชาติลาวลงสนามแข่งกับทีมชาติมาเลเซีย เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ซึ่งฝ่ายหลังชนะไป 3 ประตูต่อ 1 ในฟุตบอลซีเกมส์ที่ผ่านมา อาจจะมีการสมคบคิดกันเพื่อเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขัน ในขณะที่เฮดโค้ชชาวอังกฤษซึ่งเป็นผู้จัดการทีม U23 ของลาว ได้ปฏิเสธเสียงแข็ง
แมตช์ดังกล่าว บุนทะวี สีพาวง ที่เล่นตำแหน่งแบ็ก กับ แสงดาว อินทะลาด มิดฟีลด์ ซึ่งเป็นสองผู้เล่นหลักของทีมไม่ได้ลงแข่งด้วย ทำให้เป็นที่น่าสงสัย และหน่วยงานปราบปราบคอร์รัปชันของประเทศเจ้าภาพได้เรียกตัวผู้เกี่ยวข้องทุกคนไปให้ปากคำ
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ “นิวเพเพอร์” (New Paper) เดวิด บูธ ผู้จัดการและเฮดโค้ชวัย 66 ปี ของทีมลาว กล่าวว่า ตนเองยังไม่ทราบเกี่ยวกับการกล่าวหา กับการเรียกนักฟุตบอลไปสอบปากคำ ทั้งยังระบุว่า นักเตะทั้งสองคนซึ่งยังเป็นนักศึกษา ไม่ได้ลงสนามในนัดสำคัญดังกล่าวก็เนื่องจาก “ตกรถ ”ไปไม่ทัน มิใช่อย่างอื่น
นายไซบันดิด ราดซะพอน เลขาธิการสมาคมฟุตบอลลาว ก็ได้แสดงความแปลกใจที่นักเตะทีมลาวถูกกล่าวหา “ฮั้วบอล” ครั้งนี้ ทั้งตั้งคำถามเหตุใดหน่วยงานของประเทศเจ้าภาพ จึงต้องสอบสวนนักฟุตบอลเอง ขณะที่ฝ่ายลาวได้ติดต่อประสานงานต่อคณะกรรมกาจัดการแข่งขันซีเกมส์ สมาคมเองก็ได้สอบปากคำนักฟุตบอลที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งเชื่อได้ว่าพวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไร
ทีมชาติลาว เป็นกรณีล่าสุดที่ถูกสงสัยว่า มีการสมคบคิดกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันแบบ “ล้มบอล” ซึ่งแหล่งข่าวเปิดเผยต่อหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ว่า ก่อนหน้านี้ ทีม U23 ของลาวก็มีพฤติกรรมชวนสงสัยในรอบลงฟาดแข้งกับติมอร์เลสเต ในวันที่ 9 มิ.ย. ซึ่งฝ่ายหลังชนะทีมลาวไป 3 ประตูต่อ 2 โดยมาร์ติน ดาครูซ (Martin Da Cruz) ยิงประตูชัยให้ติมอร์เลสเต ได้ในนาที่ที่ 90+1
สิ่งที่ทำให้น่าสงสัยมากก็คือ นั่นเป็นช่วงที่เงินเดิมพันข้างติมอร์ฯ พุ่งขึ้นสูงอย่างผิดปรกติ
หนังสือพิมพ์ที่มียอดผู้อ่านสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในสิงคโปร์ยังระบุอีกว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทีมชาติลาวต้องสงสัยจะมีการฮั้วบอล เพราะเคยถูกผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งข้อสังเกตมาหลายครั้ง รวมทั้งการแข่งขันรอบคัดเลือกเวิลด์คัพเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งลาวเล่นแบบไม่เต็มกำลัง และในการการแข่งขัน U16 เอเอฟเอฟคัพ 2555 รวมทั้งในซีเกมส์ 2554 ด้วย
หน่วยงานต่อต้านคอร์รัปชันของสิงคโปร์ ประเดิมเป็นงานแรกในซีเกมส์ ด้วยการสอบสวนผลการแข่งขันระหว่างทีม U23 มาเลเซีย กับทีมติมอร์เลสเต โดยระบุว่า หัวหน้าทีมของฝ่ายหลัง “บิดเบนผลการแข่ง” เพื่อรับเงินตอบแทน 5,000 ดอลลาร์จากวงการพนัน
ทันทีที่ซีเกมส์ 2558 ปิดฉากลง หน่วยปราบคอร์รัปชันฯ ก็กล่าวหาว่า ทีม U23 อินโดนีเซีย ได้ลงพนันอย่างหนักในนัดฟาดแข้งกับทีม U23 เวียดนาม เพื่อชิงเหรียญทองแดงเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ซึ่งฝ่ายหลังชนะ 5 ประตูต่อ 0 และยังต้องสังสัยอีกว่า นักฟุตบอลทีมอินโดนีเซียอาจจะลงพนันเสียเองในแมตช์เจอทีม U23 ของไทยอีกด้วย
สำหรับลาวเองยังไม่มีการพูดถึงการกล่าวหาจากหน่วยงานของฝ่ายเจ้าภาพ แต่เจ้าหน้าที่ลาวยอมรับว่า การกีฬาของชาติ “มีปัญหา” เมื่อดูผลการแข่งขันโดยรวมจากซีเกมส์ 2558 ซึ่งไทยแช้มป์ปีนี้กวาดไป 95 เหรียญทอง และสิงคโปร์อันดับ 2 ได้ 84 เหรียญทอง ในขณะที่ลาวไม่ได้เหรียญทองแม้แต่เหรียญเดียว ทำได้ดีที่สุดเพียง 4 เหรียญเงิน กับ 25 เหรียญทองแดงทอง ซึ่งทำให้หล่นลงไปอยู่อันดับ 9 เหนือบรูไน กับติมอร์เลสเตเท่านั้น
หากเทียบกับซีเกมส์ครั้งที่ 25 ปี 2552 ที่ลาวเป็นเจ้าภาพ ครั้งนั้นนักกีฬาลาวทำได้ถึง 33 เหรียญทอง ครั้งที่ 26 ในอินโดนีเซีย ได้ 9 เหรียญทอง และครั้งที่ 27 “เนปีดอเกมส์” ในพม่า ก็ได้ถึง 13 เหรียญทอง เพราะฉะนั้นผลงานจากสิงคโปร์เกมส์จึงสร้างความผิดหวังให้แก่ชาวลาวเป็นอย่างยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ลาวพัดทะนา นายสมพู พงสา รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ ได้ออกแถลงเรื่องนี้ในวันที่ 19 มิ.ย. นัยว่าเพื่อช่วยผ่อนคลายความไม่พอใจของสังคม ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ โดยอธิบายสาเหตุหลัก 2 ประการที่ทำให้ลาวพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
ประการแรกเลยก็คือ เจ้าภาพได้เลื่อนซีเกมส์ 2558 เข้ามาให้เร็วขึ้น แทนที่จะเป็นช่วงเดือน พ.ย.เช่นครั้งก่อนๆ ทำให้นักกีฬาลาวมีเวลาฝึกซ้อมไม่เพียงพอ และประการหลัง เจ้าภาพสิงคโปร์ ไม่ได้บรรจุกีฬาท้องถิ่นหลายประเภทเข้าในการแข่งขัน โดยบรรจุกีฬาประเภทต่างๆ ของโอลิมปิกลงแทนเป็นจำนวนมาก ทำให้นักกีฬาลาวขาดโอกาส
นอกจากนั้น ในวันแข่งขันจริง ประเทศเจ้าภาพยัง "ມີການຈຳກັດຫລາຍດ້ານ ເປັນຕົ້ນດ້ານນ້ຳໜັກ, ກະຕິກາການແຂ່ງຂັນ ແລະບັນຫາອື່ນໆ, ເຊິ່ງເຮັດໃຫ້ນັກກິລາລາວ ເຮົາເສຍປຽບຫລາຍດ້ານ" ลาวพัดทะนาอ้างรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ ซึ่งระบุด้วยว่า สาเหตุที่ทำให้ลาวไม่ประสบความสำเร็จครั้งนี้ คณะรับผิดชอบงานกีฬาของประเทศจะนำไปเป็นบทเรียน และพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม.