xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ ส่งเรือ Catamaran ขนส่งความเร็วสูง .. อินทรีซ่อนเล็บ เยือนเวียดนามครั้งแรก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<FONT color=#00003>ภาพจากจินตนาการของศิลปิน เผยแพร่วันที่ 13 มี.ค.2557 เรือมิลลิน็อกเก็ต (USNS Millinocket) ติดปืนอีเล็กโตรแม็กเนติก เรลกัน (Railgun) บนดาดฟ้า เรือ JHSV 3 เริ่มเยือนเวียดนาม วันจันทร์ 17 ส.ค.นี้ และ ยังเป็นเพียงเรือขนส่งความเร็วสูง (Join High Speed Vessel) ธรรมดาๆ แต่ภาพนี้บอกให้รู้ว่า ในอนาคตอนาคตเรือชั้นสเปียร์เฮด (Spearhead-Class) จะเป็นอีกรุ่นหนึ่ง ที่สามารถทำให้เป็นเรือรบได้. --  US Navy Photo Illustration. </b>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - กองทัพเรือสหรัฐฯ ส่งเรือขนส่งความเร็วสูงรูปทรงคาตามารัน (Catamaran) เยือนเวียดนามสัปดาห์นี้ พร้อมกับเรือเมอร์ซี่ (USNS Mercy, T-AH 19) “โรงพยาบาลลอยน้ำ” ทั้ง 2 ลำเข้าจอดในอ่าวด่าหนัง ตอนเช้าวันจันทร์ 17 ส.ค. อันเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ “หุ้นส่วนแปซิฟิก 2015” หรือ Pacific Partnership 15

เรือเมอร์ซี ไม่ใช่ “คนแปลกหน้า” ในด่าหนัง แต่สำหรับเรือมิลลิน็อกเก็ต (USSN Millinocket, JHSV 3) นับเป็นครั้งแรก ที่เรือขนส่งเร็วที่สุดของกองทัพเรือสหรัฐฯ ไปเยือนเวียดนาม และเป็นเพียงเรือ JHSV ลำที่ 3 ที่เข้าประจำการในช่วง 3 ปีมานี้ และยังเป็น JHSV ลำแรกลำเดียวที่ประจำการในกองทัพเรือที่ 7 ย่านอินโด-เอเชีย-แปซิฟิก ปัจจุบัน

ตามรายงานของกองทัพเรือสหรัฐฯ นครด่าหนังจะเป็นจุดสุดท้ายของการเยือนภายใต้โครงการ PP15 ของ JHSV 3 คู่กับเรือเมอร์ซี ซึ่งจะเปิดให้คณะเยือนของเจ้าบ้านหลายคณะขึ้นเยี่ยมชม ขณะที่ลูกเรือทั้ง 2 ลำมีกำหนดออกปฏิบัติงานบำเพ็ญสาธารณประประโยชน์หลายโครงการ

การฝึกซ้อมสำคัญที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้า ยังรวมทั้งการร่วมปฏิบัติงานทางการแพทย์ ในสถานการณ์ฉุกเฉินระหว่างทีมเจ้าหน้าที่เวียดนาม กับเจ้าหน้าที่ประจำเรือเมอร์ซี ภายใต้สถานการณ์สมมติที่มีผู้บาดเจ็บ 50 คน ส่งขึ้นไปยังโรงพยาบาลลอยน้ำ โดยฝ่ายสหรัฐฯ จะสาธิตวิธีการลำเลียงคนเจ็บ กับการให้บริการแก่คนเจ็บจำนวนมากพร้อมๆ กัน ภายใต้สถานการณ์เสมือนจริง

สองฝ่ายยังมีกำหนดแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กับความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในกรณีเกิดเหตุภัยพิบัติและภัยธรรมชาติ แถลงข่าวของกองทัพเรืออ้างการเปิดเผยของ น.อ.เมลานี เมอร์ริค (Capt Melanie Merrick) ผู้บังคับการเรือเมอร์ซี
.

.

.
“ดิฉันคาดหวังว่าลูกเรีอเมอร์ซี จะได้รับความประทับใจจากเทคโนโลยีก้าวหน้าต่างๆ ของทีมการแพทย์ฝ่ายเวียดนามเจ้าภาพ..” และ “เนื่องจากดิฉันอาศัยอยู่แถบชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ มาเป็นเวลาหลายปี จึงรู้จักพิษภัยของเฮอริเคนเป็นอย่างดี และประสงค์ที่จะได้เรียนรู้จากหุ้นส่วนชาวเวียดนามของเราเกี่ยวกับการวางแผนรับมือเหตุการณ์ตามแนวชายฝั่ง” น.อ.เมอร์ริค กล่าว

ระหว่างการเยือนครั้งนี้ ทีมแพทย์ของเรือเมอร์ซี จะร่วมกับทีมแพทย์เวียดนามให้บริการผ่าตัดกระดูกแก่คนไข้จำนวนหนึ่งด้วย

ตามตัวเลขของกองทัพเรือสหรัฐฯ ระหว่างออกตระเวนเยือนชาติพันธมิตรในย่านอินโดเอเชียแปซิฟิก ภายใต้โครงการ PP15 ในขณะที่มุ่งเน้นการฝึกซ้อมร่วม และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แต่ฝ่ายสหรัฐฯ ได้ให้บริการรักษาพยาบาลแก่คนไข้ในภูมิภาคนี้ไปประมาณ 270,000 ราย ให้บริการสัตว์เลี้ยงอีกราว 38,000 ตัว และบริการด้านวิศกรรม และก่อสร้างในประเทศต่างๆ อีกกว่า 180 โครงการ

ระหว่างเยือนเวียดนามครั้งนี้ก็เช่นกัน ทีมทหารช่าง “ม้าแดง” (Red Horse) ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ จะร่วมกับทีม “ซีบีส์” (Seabees) จากกองพันก่อสร้างยกพลขึ้นบกที่ 1 ของกองทัพเรือ ซ่อมแซมอาคารทางการแพทย์ จำนวน 3 หลัง ในนครด่าหนัง และซ่อมแซม ปรับปรุง ยกระดับ ห้องน้ำให้แก่ศูนย์เด็กด้อยโอกาส

วงดุริยางค์ของกองทัพเรือแปซิฟิก มีกำหนดเปิดการแสดงในหลายจุด รวมทั้งที่บริเวณ “สะพานมังกร” ที่มีชื่อเสียงของนครนี้ด้วย กองทัพเรือระบุในเอกสารแถลงข่าวที่ออกในตอนเช้าวันจันทร์นี้
.
<FONT color=#00003>เรือมิลลิน็อกเก็ต (USNS Millinocket) กองบัญชาการขนส่งทางทะเล กองทัพเรือแปซิฟิกสหรัฐ แล่นเข้าสู่บริเวณอ่าวด่าหนัง ตอนเช้าวันจันทร์ 17 ส.ค.นี้ ภายใต้โครงการ  Pacific Partnership 2015 ตระเวนเยือนมิตรประเทศฯ ในย่านอินโดเอเชียแปชิฟิก โดยเวียดนามเป็นปลายทางสุดท้าย ในปีที่สองฝ่ายกำลังฉลองครบรอบ 20 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต. -- US Navy Photo/Lt J G Elizabeth Feaster. </b>
2
<FONT color=#00003>มองจากหัวเรือ USNS Mercy (T-AH 19) ขณะแล่นเข้าสู่อ่าวด่าหนัง ในภาคกลางเวียดนาม ตอนเช้าวันจันทร์ 17 ส.ค.นี้ โรงพยาบาลลอยบน้ำ  ลำนี้ เคยไปเยือนที่นี่ เมื่อหลายปีก่อน. --  US Navy/MC1 Trevor Andersen. </b>
3
การเยือนของเรือมิลลิน็อกเก็ต กับเรือเมอร์ซี นับเป็นการเยือนครั้งที่ 6 ในรอบ 10 ปี โดยเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯ และยังมีขึ้นในปีที่ 2 ประเทศกำลังฉลองครบรอบปีที่ 20 การสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างกัน ซึ่งทำให้ความร่วมมือด้านต่างๆ พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งด้านการลงุทนและการค้า กับการป้องกันประเทศด้วย

เดือน เม.ย.ที่้ผานมา สหรัฐฯ ส่งเรือรบ 2 ลำ ไปเยือนนครด่าหนัง คือ เรือโจมตีชายฝั่งฟอร์ตเวิร์ต (LCS-3 Forth Worth) กับเรือฟิตซ์เจอรัลด์ (USS Fitzgerald, DDG 62) ซึ่งเป็นเรือพิฆาต ติดจรวดนำวิถี และระบบเอจีสชั้นอาร์ลีห์เบิร์ก (Arleigh Burke-Class) และเป็นพิเศษยิ่งก็คือ ผบ.เรือฟิตซ์เจอรัลด์ คือ น.อ.เลบ๋าฮึง (Le Ba Hung) มีเชื้อชาติเวียดนาม เกิดที่นครเหว (Hue)

เรือมิลลิน็อกเก็ต อยู่ในแผนการจัดหาเรือความเร็วสูงร่วมกัน หรือ Joint High Speed Vessel ระหว่างกองทัพบก กับกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่มีจำนวนทั้งหมด 10 ลำ

สำหรับกองทัพเรือ เนื่องจาก JHSV เข้าสังกัดหน่วยขนส่งทางทะเล ก็จึงใช้รหัส USNS หรือ US Navy Sealift โดยตรง แทนที่จะเป็น USS เช่นเรือรบ หรือเรือขนส่ง/ยกพลขึ้นบก อื่นๆ อีกหลายรุ่น สำหรับเรือมิลลิน็กเก็ต อยู่ในชั้น “สเปียร์เฮด” (Spearhead-Class) ตามเรือต้นของชั้น คือ USNS Spearhead, JHSV 1 ที่ประจำการในแถบชายฝั่งตะวันออก-มหาสมุทรแปซิฟิก ไปจนถึงกองทัพเรือที่ 5 ในย่านเมดิเตอร์เรเนียน มาตั้งแต่ปี 2555

ลำที่ 2 ในชั้นเดียวกันคือ เรือช็อกทอว์ (USNS Choctaw, JHSV 2) เข้าประจำการเมือปี่ที่แล้ว ในย่านทะเลแคริบเบียน กับแอตแลนติกตะวันตก/ใต้ สังกัดกองทัพเรือที่ 4 หรือกองบัญชาการกองทัพเรือภาคใต้สหรัฐฯ

เรือชั้นสเปียร์เฮด นับเป็นเรือรูปทรงคาตามารันที่สหรัฐฯ สร้างขึ้นเองชั้นแรก หลังจากเช่าเรือ HSV-2 “สวิฟต์” (Swift) ซึ่งเป็นเรือไฮบริด (Hybrid Catamaran) จากออสเตรเลีย เพื่อจุดประสงค์ในภารกิจขนส่ง-สนับสนุน และช่วยเหลือทางมนุษยธรรม และมีขนาดใหญ่กว่าเรือชั้นสเปียร์เฮด สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่า แต่ทำความเร็วได้เท่าๆ กัน -- (โปรดชมในคลิปที่ 2)
.

<FONT color=#000033>เรือเมอร์ซี (USNS Mercy, T-AH 19) กับ เรือขนส่งความเร็วสูงมิลลิน็อกเก็ต (USNS Millinocket, JHSV 3) แล่นในมหาสมุทรแปซิฟิก ในภาพวันที่ 27 พ.ค.ปีนี้ ทั้งสองลำอยู่ในสังกัดกองบัญชาการเดียวกัน และ อยู่ระหว่างตระเวนเยือนชาติพันธมิตรในย่านอินโดเอเชียแปซิฟิก กองทัพเรือสหรัฐกล่าวว่า เวียดนามเป็นจุดแวะเยือนสุดท้าย. -- US Navy Photo/Chief Mass Communication Specialist Christopher E Tucker.</b>
4
<FONT color=#000033>เรือมิลลิน็อกเก็ต ( USNS Millinocket, JHSV 3) แล่นเข้าขบวน กับเรือแองเคอเรจ (USS Anchoage, LPD 23) เรือโจมตีชายฝั่งโคโรนาโด ( USS Coronado, LCS 4) และ เรือมอนต์ฟอร์ดพอยต์ (USNS Montford Point, MLP 1) ระหว่างการฝึก RIMPAC 2014 ในภาพวันที่ 11 ก.ค.2557. --  US Navy Photo/Chief Mass Communication Specialist Mark C Schultz. </b>
5
<bR><FONT color=#000033>ใต้ท้องเรือมิลลิน็อกเก็ต ในภาพวันที่ 18 ก.ค.2558 ซึ่งเป็นช่วงที่ได้รับมอบหมาย ให้เข้าสู่ย่านอินโดเอเชีบแปซิฟิกเป็นครั้งแรก แสดงให้เห็น ห้องโดยสาร ที่ใช้เก้าอี้แบบเดียวกับที่ใช้ในสายการบิน บรรทุกได้กว่า 300 คน สร้างเพื่อเป็นเรือขนส่งความเร็วสูง สนับสนุนภารกิจกองทัพเรือ แต่เนื่องจากออกแบบให้เป็น โมดูลาร์ (Moldular) สามารถดัดแปลงติดอาวุธได้.  -- US Navy Photo/Mass Communication Specialist 3rd Class Gabrielle Joyner. </b>
6
<bR><FONT color=#000033>ภาพวันที่ 20 พ.ค.2558 ที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ มลรัฐฮาวาย แสดงให้เห็น โหลดแร้มป์ (Loading Ramp) ของเรือมิลลิน็อกเก็ต (USNS Millinocket) ซึ่งมีในเรือ JHSV ชั้นเดียวกันทุกลำ สำหรับรถถังหลักเอบรามส์ (M1A4 Abrams) ยานเกราะ และ ยานพาหนะต่างๆ แล่นขึ้นลงได้อย่างรวดเร็ว. --  US Navy Photo/Mass Communication Specialist 3rd Class Gabrielle Joyner. </b>
7
<bR><FONT color=#000033>เฮลิคอปเตอร์ ซีฮอว์ก บนดาดฟ้าเรือสเปียร์เฮด (USNS Spearhead, JHSV 1) ซึ่งเป็นเรือต้นของชั้น พร้อมโรงเก็บ ดาดฟ้าออกแบบให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อให้รับ ฮ.ขนาดกลาง ซึ่งรวมทั้ง CH-53E ซูเปอร์สตาลเลียน (Superstallion) ได้ และ หากจะติดตั้งปืนใหญ่เรือแบบ เรลกัน บริเวณนี้ ฮ.ประจำเรือ ก็ยังสามารถปฏิบัติการได้. -- US Navy Photo/Mass Communication Specialist 1st Class Phil Beaufort. </b>
8
สร้างขึ้นมาเพื่อการขนส่งทางทะเลที่รวดเร็ว และไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้เป็นเรือรบ แต่ภาพๆ หนึ่งกองทัพเรือสหรัฐฯ นำออกเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นภาพจากจินตนาการของวิศวกร แสดงให้เห็นเรือ JHSV ลำหนึ่ง ติดปืนอีเล็กโตรแม็กเนติก (Electromagnetic Gun) บนดาดฟ้า ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องจริงขึ้นได้ในอนาคต

นั่นคือ ปืนใหญ่พลังแม่เหล็กไฟฟ้า เป็น “เรลกัน” (Rail Gun) อีกชนิดหนึ่งที่มีอานุภาพการทำลายเป้าหมายรุนแรงมาก และอยู่ในชั้นตอนทดลอง-พัฒนาขั้นสุดท้าย ภายใต้หน่วยงานวิจัยของกองทัพเรือ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปืนใหญ่เรือมาตรฐาน ติดตั้งบนเรือพิฆาตชั้นซูมวอลต์ (Zumwalt-Class) หรือกระทั่งเรือพิฆาตชั้นอาร์ลีห์เบิร์ก “ไฟลต์ 3” (Flight III) ที่กำลังจะต่อออกมา

“เรือพิฆาตล่องหน” ลำแรก คือ เรือซูมวอลต์ (USS Zumwalt, DDG 1000) มีกำหนดนำเข้าประจำการในปีหน้า และกำลังต่ออีก 2 ลำ ทั้ง 3 ลำอาจจะติดปืนใหญ่เรือขนาด 155 มม. ที่ใช้กระสุนจรวด ยิงได้ไกลนับพันกิโลเมตร

เรือ JHSV ยาว 103 เมตร รูปทรงคาตามารัน จัดเป็นเรือประเภท “2 กระดูกงู” ที่มีขนาดเท่าๆ กัน วางอยู่คนละข้างของลำ สร้างสมดุลให้แก่ลำเรือ ทำให้แล่นได้ด้วยความเร็วสูง กินน้ำลึกเพียงประมาณ 4 เมตร สามารถเข้าถึงได้ทุกจุด ในทะเลน้ำตื้น เช่นเดียวกับเรือ LCS ลำเลียงพล อุปกรณ์ และยานพาหนะ รวมทั้งรถถัง M1A2 “เอบรามส์” (Abrams) เข้าถึงท่าเรือทั่วไปในทั่วโลก

เรือชั้นสเปียร์เฮด ทำความเร็วได้สูงสุด 43 นอต (ราว 80 กม./ชม.) และ 35 นอต (ราว 65 กม./ชม.) เมื่อบรรทุกเต็มอัตรา บนเรือใช้เจ้าหน้าที่หลักๆ เพียง 22 คน บรรทุกกำลังพลได้กว่า 360 นาย หรือบรรจุได้ราว 1 กองร้อย พร้อมอาวุธครบมือ กับยานหุ้มเกราะ/ยานพาหนะประจำหน่วย มีเฮลิคอปเตอร์ SH-60/MH-60 “ซีฮอว์ก” (Seahawk) ประจำ 1 ลำพร้อมโรงเก็บ และชั้นดาดฟ้าสามารถรองรับอากาศยานปีกหมุน ได้ถึงระดับ CH-53E ซูเปอร์สตาลเลียน (Super stallion)

ด้านท้ายเรือทำ “แรมป์” (Loading Ramp) สำหรับรถถังหลัก M1A2 และยานพาหนะอื่นๆ ขึ้นลงได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของเรือขนส่งชั้นนี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น