รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีเต็งเส่ง ได้พยายามที่จะโค่นล้มฉ่วย มาน คู่แข่งของตัวเอง แต่ล้มเหลวมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง ก่อนจะประสบความสำเร็จเมื่อตำรวจติดอาวุธบุกเข้าสำนักงานใหญ่พรรครัฐบาลในคืนวันที่ 12 ส.ค.
ตำรวจรวบรวมโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์จากบรรดาผู้ที่อยู่ภายในสำนักงานกองรวมไว้บนโต๊ะ และเฝ้าดูเหตุการณ์ ขณะที่ผู้สนับสนุนของเต็งเส่ง พบหารือกันเพื่อดำเนินการตามคำสั่งจากประธานาธิบดีที่จะปลดฉ่วย มาน ออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา (USDP)
ด้วยการอ้างสิทธิที่ครองอยู่ในพรรค เต็งเส่ง ได้เพิ่มโอกาสตัวเองในการรักษาเก้าอี้ประธานาธิบดีไว้ ขณะเดียวกัน ก็ทำลายความหวังในหมู่ผู้ที่อยู่ทั้งใน และนอกประเทศที่หวังให้การปฏิรูปดำเนินไปอย่างรวดเร็วขึ้นหลังการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.
“ผมได้ยินว่า มีคนเข้ามาข้างในสำนักงาน เมื่อผมเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ผมก็ถูกล้อมไปด้วยเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธ 6 นาย ถึงพวกเขาจะไม่ได้ใช้อาวุธ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ใครสื่อสารกับโลกภายนอก” หนึ่งในผู้ที่อยู่ภายในสำนักงานพรรคเมื่อตำรวจเข้าล้อม กล่าว
ฉ่วย มาน ไม่ได้อยู่ที่สำนักงานพรรคขณะนั้น และการปิดสำนักงานเป็นการรับประกันว่า ทั้งฉ่วย มาน และพันธมิตรของเขาจะไม่สามารถกระทำการต่อต้านใดๆ ได้ในชั่วโมงสำคัญที่ผู้สนับสนุนของประธานาธิบดีกำลังเข้าควบคุมพรรค
แผนการที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงการกวาดล้างในสมัยการปกครองของรัฐบาลทหารในอดีต ส่งผลให้ฉ่วย มาน ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกเป็นประธานาธิบดี
เต็งเส่ง ได้ทำการเคลียร์ทางที่อาจจะเป็นการรักษาตำแหน่งประธานาธิบดีของตัวเองไว้ หรืออาจจะกำหนดผู้สมัครชิงตำแหน่งโดยที่เขาเป็นผู้เลือก หากพรรคของเขาสามารถตั้งรัฐบาลผสมหลังการเลือกตั้ง
แม้ ฉ่วย มาน จะไม่ใช่นักปฏิรูปหัวรุนแรง แต่เขากลายเป็นกำลังหลักที่จะปฏิรูปพรรค และกำลังทำงานด้านนโยบายที่อาจขยายขอบเขตการปฏิรูป และยังสร้างความสงสัยให้แก่ฝ่ายของประธานาธิบดีด้วยการสร้างความสัมพันธ์กับอองซานซูจี
“มันเป็นวิกฤตภายในพรรค การเปลี่ยนแปลงผู้นำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับ USDP หรือพรรคการเมืองใดๆ ก็ตาม พวกเขาทำมันเพราะเป็นทางเลือกสุดท้าย” เย ตุ๊ต รัฐมนตรีกระทรวงข้อมูลข่าวสาร และโฆษกประธานาธิบดี กล่าว
เต็งเส่ง ดำเนินการปฏิรูปประเทศนับตั้งแต่ปี 2554 หลังตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหรนานครึ่งศตวรรษ แต่หลายคนรู้สึกว่า กระบวนการปฏิรูปได้ชะงักงัน
การปลดฉ่วย มาน ที่เปิดใจว่าต้องการจะทำหน้าที่ประธานาธิบดีนั้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำลายความเชื่อมั่นของต่างชาติ และภายในประเทศต่อกระบวนการปฏิรูป
ในการสัมภาษณ์สมาชิกพรรครัฐบาล ที่ปรึกษาพรรค USDP และนักการทูต รอยเตอร์ได้ทราบว่าประธานาธิบดีเคยล้มเหลวมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้งที่จะปลดฉ่วย มาน ออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคด้วยการวางแผนการเบื้องหลัง
ฉ่วย มาน และพันธมิตรได้ขัดขวางความพยายามปลดเขาออกจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ 2 ครั้งในการประชุมผู้นำพรรค โดยครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค. และอีกครั้งหนึ่งในเดือน พ.ค. ตามการระบุของที่ปรึกษาพรรค และนักการทูตชาติตะวันตก
การประชุมทั้ง 2 ครั้งสิ้นสุดลงโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลัง 2 ฝ่ายต่อสู้กันเกี่ยวกับว่าใครคือผู้ที่ควรจะเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และหัวหน้าพรรค และรายชื่อผู้สมัครลงรับเลือกตั้งของพรรค แหล่งข่าวเผย
“ความพยายามเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปีก่อน” วิน อู สมาชิกรัฐสภาพรรค USDP ที่สนับสนุนฉ่วย มาน กล่าว
ฉ่วย มาน ใช้ตำแหน่งของเขาในการเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เพิ่มฐานสนับสนุนผลักดันที่จะกลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศ
เขาต่อต้านกองทัพด้วยการสนับสนุนการรณรงค์ของซูจีที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่สงวนที่นั่ง 1 ใน 4 ของรัฐสภาให้แก่นายทหารที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณเตือนสำหรับฝ่ายแข็งกร้าวที่คาดการณ์ว่า พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของซูจีจะชนะได้ที่นั่งส่วนใหญ่ในสภาในการเลือกตั้งเดือน พ.ย.นี้
“ฝ่ายแข็งกร้าวจากกองทัพ และประธานาธิบดีไม่ชอบอย่างมากต่อความพยายามของฉ่วย มาน ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉ่วย มาน พยายามที่จะปฏิรูปพรรค USDP และกองทัพสั่งให้เขาหยุด” สมาชิกสภาจากพรรค USDP กล่าว
สมาชิกในคณะกรรมการบริหารพรรค USDP บางคนส่งจดหมายถึงเต็งเส่ง ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้าเพื่อแสดงความวิตกเกี่ยวกับนโยบายของฉ่วย มาน และกระบวนการการพิจารณาตัดสินใจของพรรค เย ตุ๊ต กล่าว
ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นหนึ่งวันก่อนที่ฉ่วย มาน ถูกปลด เมื่อรายชื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรค USDP ได้ละเว้นเจ้าหน้าที่ทหารเกษียณราชการจากกองทัพเป็นส่วนใหญ่จากทั้งหมดประมาณ 150 คน ให้เข้าร่วมลงเลือกตั้ง
แม้จะยังไม่ชัดเจนว่า กองทัพมีบทบาทอย่างไรในการปลดฉ่วย มาน แต่กองทัพก็ต้องเห็นด้วยต่อการใช้กำลังในครั้งนี้ ผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง ระบุ
คำสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องได้รับการรับรองจาก พล.ต.โก โก รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกระทรวงนี้เป็นหนึ่งใน 3 กระทรวงที่ถูกจัดสรรให้แก่กองทัพภายใต้รัฐธรรมนูญที่ทหารร่างขึ้น
“สิ่งที่พวกเขาทำเป็นการแสดงถึงอำนาจที่แสดงให้คนอื่นเห็น ให้ทุกคนระวังว่าพวกเขาทำสิ่งเหล่านี้ได้” วิน อู กล่าว.