“สุริยะใส” วิเคราะห์กระแสต่ออายุรัฐบาลมาจาก 5 ปัจจัย ระบุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คสช. ต้องคิดให้มาก แนะเชิญทุกฝ่ายทำสัญญาประชาคม ทำโรดแมปปฏิรูปแทนทำประชามติ พร้อมแนะฝ่ายการเมืองหันกลับมาปฏิรูปพรรคตัวเอง เหตุความไม่ไว้วางใจนักการเมืองมีสูงมาก
นายสุริยะใส กตะศิลา อาจารย์วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่า กระแสต่ออายุรัฐบาล 2 ปี เพื่อปฏิรูปก่อนเลือกตั้งนั้น เป็นกระแสที่คาดหมายได้ แต่ที่แปลกใจ คือ กระแสนี้มาเร็วและมาแรงเกินคาด โดยเฉพาะท่าทีที่ไม่ปฏิเสธของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และระดับสูงในคณะ คสช. ซึ่งกระแสนี้น่าจะเกิดจากสาเหตุ 5 ประการ คือ 1. ความไม่เชื่อมั่นว่ากลับไปเลือกตั้งแล้ว การเมืองจะกลับคืนสู่สภาวะปกติไม่แตกแยกเผชิญหน้ากันอีก
2. รูปธรรมของการปฏิรูปยังไม่ชัดเจน ไม่เป็นรูปเป็นร่าง 3. ผลงานของ คสช. กล้าทำกล้าแก้ปัญหาในเรื่องใหญ่ๆ ที่รัฐบาลปกติทำไม่ได้หรือไม่ทำ เช่น ปัญหาสลากราคาแพง ปัญหาบุกรุกที่ป่าสงวน ปัญหาค้ามนุษย์ เป็นต้น 4.พรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคที่มีโอกาสตั้งรัฐบาลหรือชนะเลือกตั้ง ยังไม่ปฏิรูปตัวเอง ซึ่งอาจทำให้ได้ผู้มีอำนาจหน้าเดิมๆ 5. ยังไม่เห็นสัญญานปรองดองที่เป็นรูปธรรม ซ้ำร้ายความแตกแยกขัดแย้งยังปรากฏอยู่เป็นระยะ
นายสุริยะใส กล่าวว่า แม้กระแสต่ออายุของรัฐบาลจะมีที่มาที่ไปก็ตาม แต่ผู้เกี่ยวข้องต้องระมัดระวังเพราะเป็นประเด็นละเอียดอ่อนต้องคิดกันให้มาก ที่สำคัญ ระยะเวลาตามโรดแมปของ คสช. ก็เหลือเวลากว่า 1 ปี ถ้าจะทำเรื่องปฏิรูปให้ป็นเรื่องเป็นราวก็ยังอยู่ในวิสัยที่พอทำได้
ส่วนฝ่ายการเมืองที่คัดค้านประเด็นนี้ก็ต้องกลับมาคิดปฏิรูปพรรคให้เป็นรูปธรรม เพราะความไม่ไว้วางใจต่อนักการเมืองเพิ่มสูงมากขึ้นจนน่าใจหาย จนส่งผลต่อสถาบันการเมืองในภาพรวม
“ผมเป็นห่วงว่าการทำประชามติเรื่องต่ออายุรัฐบาลอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดก็ได้อาจเกิดความแตกแยกซ้ำซ้อนเข้ามาอีก เพราะเป็นประเด็นอ่อนไหว การทำสัญญาประชาคมจัดทำโรดแม็ปร่วมกัน กางปฏิทินกำหนดหลักไมล์ปฏิรูปให้ชัดเจน ว่าจะทำเรื่องใดบ้าง โดยเชิญทุกฝ่ายมาพูดคุยอาจจะดีกว่า”