สปท.ถกวิธีปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน “เสรี” ไม่เห็นด้วย กรธ.ให้พรรคเปิดชื่อคนที่จะหนุนเป็นนายกฯ ล่วงหน้า ชี้ไม่ได้แก้ปัญหาทุจริตเลือกตั้ง แนะออกแบบกลไกป้องกันทุจริตให้ชัดเจนจะดีกว่า ขณะที่ “วันชัย” ฉะพรรคการเมืองเห็นแก่ตัว กลัววิธีการที่ กรธ.เสนอทั้งระบบเลือกตั้ง ที่มานายกฯ การถ่วงดุลตรวจสอบจะทำให้ตัวเองเสียเปรียบ “ถวิลวดี” เสนอปฏิรูประบบศาล สภาฯ ให้เข้มแข็งสู้คอร์รัปชัน
ในการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) วันนี้ (16 พ.ย.) มีการอภิปรายทั่วไปเพื่อเสนอวิธีการปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน โดยด้านการเมืองเตรียมประชุมหาแนวทางการปฏิรูประบบเลือกตั้ง-ที่มานายกฯ โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิก สปท.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง กล่าวว่า ในวันนี้ กมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมืองจะประชุมเพื่อหาแนวทางปฏิรูปพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง จะหยิบยกประเด็นที่ กรธ.เสนอมาทั้งเรื่องบัตรลงคะแนนการเลือกตั้ง ที่มานายกฯ และการให้พรรคการเมืองเปิดเผยรายชื่อคนที่จะเป็นนายกฯให้ประชาชนทราบล่วงหน้า เพื่อช่วยกันให้ความเห็นแต่ส่วนตัวมองว่าการให้พรรคการเมืองประกาศรายชื่อนายกฯ ล่วงหน้า ไม่ได้แก้ปัญหาทุจริตการเลือกตั้ง แต่ กรธ.ควรออกแบบกลไกที่จะมาป้องกันการทุจริตการเลือกตั้งให้ชัดเจนจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่า
ขณะที่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิก สปท.กล่าวว่า กรธ.กำลังพิจารณาระบบการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และที่มาของนายกรัฐมนตรี ตลอดจนการถ่วงดุลตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ เพื่อให้การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยมีความเหมาะสมกับสภาพสังคมไทย มีระบบการเลือกตั้งที่สุจริตและเป็นธรรม มีกลไกการป้องกันและขจัดการทุจริต ประพฤติมิชอบที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่นักการเมืองออกมาค้าน โดยมองว่าวิธีการที่ กรธ.เสนอนั้นจะทำให้พรรคเสียเปรียบ ถือเป็นการมองแต่ประโยชน์ของตัวเองมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน เป็นความเห็นแก่ตัวทางการเมือง ซึ่ง การร่างรัฐธรรมนูญต้องไม่ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่งเอาประเทศชาติและประชาชนเป็นตัวตั้ง มุ่งหน้าตามกรอบที่รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 กำหนดไว้ โดยเฉพาะประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับสภาพของสังคมไทย ขณะเดียวกันก็ต้องมีความมั่นคงทั้งทางการเมือง และการปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ นี่คือเรื่องสำคัญที่ กรธ.จะต้องร่างรัฐธรรมนูญให้เกิดความมั่นคงให้ได้
นอกจากนี้ สมาชิก สปท.ยังได้อภิปรายเรื่องการป้องกันและปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยนายประมนต์ สุธีวงศ์ สมาชิก สปท. ในฐานะอดีตประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สปช. กล่าวสรุปการทำงานของ กมธ.ว่า ปัญหาเรื่องการทุจริต เป็นเรื่องใหญ่และมีมานาน เปรียบได้กับมะเร็งร้ายที่เกาะกินสังคมไทย อีกทั้งยังเป็นอุปสรรคในการทำงานร่วมกับนานาชาติ และยังส่งผลให้ลดศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทย ที่ผ่านมา สปช.ได้ศึกษาและรวบรวมข้อเสนอแนะจากเวทีต่างๆ ว่าเราจะต้องทำอย่างไรถึงจะป้องกันและปราบปรามทุจริต โดยได้ทำเป็นยุทธศาสตร์ 3 ป. ประกอบด้วย ปลูกฝัง ป้องกัน และปราบปราม โดยในส่วนของปลูกฝังนั้นจะเป็น การสร้างค่านิยมให้แก่เยาวชน เพื่อให้พวกเขาต่อต้านการทุจริต โดยขั้นตอนนี้จะใช้เวลานาน และจะต้องทำการป้องกันไปพร้อมกันด้วย ในส่วนของการปราบปรามนั้นจะต้องมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้มีความรวดเร็วมายิ่งขึ้น
นางถวิลวดี บุรีกุล สมาชิก สปท.อภิปรายว่า ที่ผ่านมาตนได้ทำการศึกษาและสำรวจความคิดเห็นของประชาชน โดยยังคงพบว่ามีประชาชนบางส่วนที่ยังคงยอมรับการทุจริตได้ หากโครงการที่ใหญ่และสำคัญสำเร็จ อีกทั้งก็ยังมีคนบางส่วนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่อการคอร์รัปชั่นด้วย จุดนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งทัศนคติแบบนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการปรับปรุง ในส่วนแนวทางการปฏิรูปเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ตนขอเสนอให้ปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น รวมถึงการปรับปรุงระบบจริยธรรมของนักการเมือง และหาวิธีว่าทำอย่างไรที่จะให้การถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐสภาสามารถใช้ได้จริง
ทั้งนี้ การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมก็มีความสำคัญ ต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์ในการร่วมตรวจสอบ ทั้งนี้อยากจะให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ระบุไว้ว่า นักการเมืองจะต้องไม่เป็นเจ้าของกิจการสื่อ เพื่อป้องกันการใช้สื่อ ปกป้องตนเองในทางที่ผิดด้วย