“ประยุทธ์” เปิดมูลนิธิต้านทุจริต ย้ำเป็นปัญหายาวนาน ต้องสร้างเครือข่ายสามหลัก ป้องกัน-ปราบปราม-ปลูกจิตสำนึก เริ่มต้านโกงจากสถาบันครอบครัว ขัดแย้งเดินหน้าไม่ได้ ลั่นลงโทษคนโกงต้องเด็ดขาด ขออย่าตกเป็นครื่องมือคนไม่เข้ากระบวนการยุติธรรม ยันเลือกตั้งก.ค. 60 จำนำข้าวทำตามกฎหมาย บ่นเจอบิดเบือน เป็นทหารมาทั้งชีวิตยังไม่เหนื่อยเท่านี้ ขอบคุณการทำงาน ตร. ใครไม่ดีก็ออกไป
วันนี้ (4 พ.ย.) ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี-รังสิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดตัวมูลนิธิต่อต้านการทุจริต โดยมีนายวิชา มหาคุณ กรรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานมูลนิธิต่อต้านการทุจริต พร้อมด้วยผู้บริหารจากภาคราชการ ภาคเอกชน นักการเมือง และภาคประชาสังคมเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง นอกจากนี้ได้มีพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการต่อต้านการทุจริตระหว่างมูลนิธิต่อต้านการทุจริต มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด และสถาบันการศึกษาต่างๆ จำนวน 11 หน่วยงาน เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อีกด้วย
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาของบ้านเมืองที่ยาวนาน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งปฏิรูป 11ด้านหลัก โดยมีความก้าวหน้าตามลำดับ ซึ่งในนามของคณะทำงานของป.ป.ช. ถือว่ามีความคุ้นเคยกันมาโดยตลอด ทั้งที่ความเป็นจริงทั้งสองฝ่ายเจอกันไม่ได้ เพราะหากเจอกันจะถูกกล่าวหาว่าไม่น่าไว้วางใจ ทั้งที่จริงไม่มีอะไร เนื่องจากเป็นองค์กรอิสระจึงต้องให้ทำงานไป วันนี้เรื่องของการต่อต้านการทุจริตเราจะต้องรู้จักการสร้างเครือข่าย พร้อมกันตามแนวทาง สามหลัก คือ ป้องกัน ปราบปราม และปลูกจิตสำนึก ซึ่งวันนี้รัฐบาลดำเนินการในเรื่องของการปราบปรามแล้ว ขณะเดียวกันจะต้องมีเรื่องของการป้องกันด้วย โดยเฉพาะข่าวสารในสื่อโซเชียลมีเดีย ที่มีการบิดเบือน ส่งผลให้การแก้ไขเป็นได้ยากลำบาก เราจะต้องช่วยกันแก้ปัญหาให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า ประชาชน มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต้องแก้ปัญหาทุกอย่างอย่างต่อเนื่อง วันนี้ประเทศไทยมีปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องของรายได้ ที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง เกษตรกร ข้าราชการ มีรายได้น้อย งบประมาณก็น้อย ดังนั้นอยากให้ประชาชนคนไทยเข้าใจในบริบทของปัญหาภาพรวมของทั้งประเทศ ดังนั้นวันนี้จะต้องร่วมกันหาต้นตอของปัญหาการทุจริต และปัญหาของชาติ ประเทศไทยจะต้องไม่ติดกับดักความที่มีรายได้ปานกลาง และกับดักของประชาธิปไตย วันนี้จะต้องเริ่มการต่อต้านการทุจริตจากสถานบันครอบครัว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ถ้าขัดแย้งไปทั้งหมดวันนี้อะไรก็เดินหน้าไปไม่ได้ วันนี้มีวาทะกรรมเกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตย ละเมิดสิทธิเสรีภาพ หน้าที่ ทุกอย่างเอามาพันกันไปหมด ทำให้แก้ปัญหาไม่ได้ จึงต้องเอาปัญหาของประเทศมาดูว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างไร ซึ่งตนเข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยเวลาที่มีอยู่ไม่ได้หวังว่าจะอยู่นาน เพราะอยู่ไปก็ไม่ได้อะไร แต่ที่ได้คือประเทศชาติ ซึ่งการลงโทษคนโกงต้องเด็ดขาด เพราะการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นการทำผิดกฎหมาย ทำให้เกิดการสูญเสีย ทั้งเวลา และประชาธิปไตย เพราะทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม คนส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์ คนได้ประโยชน์เป็นคนส่วนน้อย จึงอยากให้เข้าใจกัน ที่ผ่านมามีแต่มุ่งจะหาเงินให้มากที่สุด คิดว่ามีเงินแล้วจะได้รับการเคารพนับถือ ซึ่งเราต้องกลับมาดูว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องหรือไม่ เพราะการเป็นหนี้สิ้นเป็นบ่อเกิดแห่งการทุจริต ข้าราชการก็มีการใช้ประโยชน์ แบ่งพักแบ่งพวกทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม ซึ่งตามหลักประชาธิปไตย นอกจากฟังเสียงส่วนใหญ่แล้ว ก็ต้องฟังเสียงส่วนน้อยด้วยเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง แต่ที่ผ่านมามีการแบ่งคนเป็นส่วนๆ ทำให้ทุกอย่างเสียหายกลายเป็นการเมืองไปทั้งหมด ซึ่งตนเองจะไม่ทำอย่างนั้น นักการเมืองไม่ต้องกลัวว่าตนเองจะเขียนอะไรไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งที่ผ่านมานักการเมืองพูดแต่ว่าจะเข้ามาอย่างไร มีอำนาจเต็มหรือไม่ ไม่เคยพูดถึงการป้องกันการทุจริตหรือการพัฒนาประเทศ ขณะเดียวกันสื่อก็ให้ความสำคัญแต่เรื่องรัฐธรรมนูญ
นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้ตนเองมีเวลาเหลือเพียง 18 เดือน แต่ยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไขอีกมาก ซึ่งที่ผ่านมามีการเลือกตั้งมาหลายครั้ง แต่ก็มีการปฏิวัติหลายครั้ง วันนี้ตนเองเข้ามารับผิดชอบจึงรู้ว่ามีปัญหามากมาย ถ้าให้ความร่วมมือจะปฏิวัติ 100 ครั้งก็ไม่มีประโยชน์ ขณะที่ตนเองไม่ปฏิเสธว่าเข้ามาอย่างไร แต่ให้เอาประเทศเป็นหลักเพื่อไม่ให้วันข้างหน้าเกิดปัญหาขึ้นอีก และต้องทำทุกอย่างเพื่อให้คนไทยทุกคน และสถาบันปลอดภัย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอทุกคนให้ความสำคัญเรื่องของการไม่ทุจริต ไม่ให้ถูกชักจูงในการแสวงหาผลประโยชน์ และขอฝากว่าอย่าทำงานด้วยความเกลียดชัง และความรู้สึกส่วนตัว แต่ต้องใช้กฎหมายดำเนินการ ซึ่งจะไม่ยอมให้มีการทุจริตแบบสมยอมเกิดหรือ และจะไม่ให้อภัยคนกระความทำผิดที่ไม่เข้ากระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะพยายามทำให้เข้าสู่กระบวนการให้ได้ โดยให้ข้าราชการ องค์กรอิสระทำงานด้วยความสบายใจไม่รู้สึกกดดัน ขณะเดียวกันต้องสร้างความน่าเชื่อถือ ความเชื่อมั่น และลดความหวาดระแวงในกระบวนการยุติธรรมด้วย ซึ่งวันนี้มี 2 ส่วนคือ กลุ่มที่เข้าสู่กระบวนการ และที่ไม่เข้ากระบวนการ ซึ่งกฎหมายมีทางออกอยู่แล้ว กฎหมายต้องว่ากัน แต่อย่าตกเป็นเครื่องมือคนที่ไม่เข้าสู่กระบวนการแล้วพูดจาให้ร้ายเสียหาย
นายกฯ กล่าวว่า จะต้องมีการเลือกตั้งในเดือนก.ค. 2560 ซึ่งตนไม่คิดที่จะอยู่เกินแม้แต่วันเดียว ไม่รู้เป็นกรรมหรือไม่ที่มาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ช่วยไม่ได้เดี๋ยวหาว่าตนบ่นอีก สื่อก็จับคำพูดตนมาวิจารณ์เป็นท่อนๆเรื่องๆ ไม่มองว่าพูดหลังการเหตุผล แล้วฟังไม่จบหรอก
“ผมสังเกตนะพอพูดตรงนี้ว่าจะปิดประเทศ ก็เอาละเริ่มกดส่งโทรศัพท์ละ ผมยังพูดไม่จบมันจะปิดอะไรตอนไหน ไม่สนใจผมแล้ว ผมก็โดนด่าทั้งวัน ต้องไปแก้ตัวต้องไปอธิบายให้กระทรวงการต่างประเทศ ไปอธิบายกับทูตทั้งหมด เราจะไม่สนใจเขาไม่ได้ เราจะบอกว่าเราปิดประเทศไม่ได้ เพราะวันนี้โลกเราไร้พรหมแดน วันหน้าอย่างไรเราก็ต้องเป็น องค์กรต่างๆเยอะแยะ การกระทำต่างๆ ถูกจับตาโดยต่างประเทศทั้งสิ้น เราจะบอกว่าเราอยู่ของเราก็ต้องมองย้อนหลังไปว่ารายได้ของประเทศมาจากไหน มาจากการค้าขายกับต่างประเทศเกิน 70 เปอร์เซ็นต์” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ยังมีคนบิดเบือนอยู่ทำให้เสียสมองไปมาก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาโครงการรับจำนำข้าว แทนที่จะเดินหน้าประเทศต่อไป ซึ่งในเรื่องของกฎหมายจะผิดหรือไม่ ไม่ทราบ และพูดไม่ได้ แต่มีข้าราชการเดือดร้อน และต้องมาเสียเวลาในเรื่องที่ไม่ควรจะเสีย โครงการนี้ชาวนาได้ประโยชน์หรือไม่ ไม่ทราบ แต่ต้องแยกให้ออกเรื่องของการทุจริต ถ้ายังมีโครงการแบบนี้อีกเราก็ไม่ได้มานั่งตรงนี้เพราะประเทศล้มไปแล้ว เพราะไม่มีเงิน วันนี้จึงต้องมาแก้ให้ได้ จึงขออย่าพูดว่าไม่เป็นธรรมเพราะกฎหมายมีอยู่แล้ว วันนี้ที่ต้องพูดเพราะอยากอธิบายว่าไม่ได้เกลียดชังใคร นอกจากนี้ ยังขอร้องสื่อในฐานะเป็นกระบอกเสียงของประชาชน และรัฐบาล มีสองหน้าที่คือเป็นสื่อ และเป็นคนไทยที่ต้องทำเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่อยู่ตรงกลางความผิดหรือถูก ขณะเดียวกันต้องทำให้ประชาชนมีความเข้มแข็งมีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ต้องฝากกรธ. และสปท. ในเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งที่ผ่านมามีหลายฉบับ แต่ต้องเขียนให้เขียนเป็นสากล และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการปฏิรูป
"วันนี้เหนื่อยพูดไปก็เจ็บคอ เครียด ไม่เคยทำงานหนักขนาดนี้ เป็นทหาร ผบ.ทบ. มา 38 ปี ไม่เคยเหนื่อยเท่านี้ ยอมรับว่าบางวันท้อแท้ ไม่อยากมาทำงาน แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องทำเพราะเป็นชายชาติทหาร ขอให้เห็นใจผมบ้างเพราะมีเวลาจำกัด เข้ามาแบบนี้ก็อันตราย ครอบครัวก็อันตราย ซึ่งไม่เป็นอะไรเพราะเสียสละอยู่แล้ว แม้แต่เพลงคืนความสุข วันนี้ก็มีคนมาทวงในท่อนที่ว่าขอเวลาอีกไม่นาน ก็มาทวงว่าแล้วเมื่อไหร่จะไปสักที ไม่สนใจเลยว่าทำอะไรไปให้บ้าง แต่วันนี้ต้องเดินหน้าตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ แต่ก็มีหลายคนอยากให้อยู่ต่อไปแบบนี้ จะปิดประเทศก็ได้ แต่อันตรายฉิบหาย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอบคุณการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตำรวจเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ถ้าโทษแต่ตำรวจแล้วใครจะมาดูแลประเทศ จะให้ยาม หรืออาสาสมัคร มาดูแลได้อย่างไร วันนี้คนมียศต้องได้รับการดูแลจากรัฐมากกว่าเก่า เพื่อให้มีกำลังใจในการทำงาน ใครไม่ดีก็ออกไป
ทั้งนี้ในช่วงท้าย นายวิชา มหาคุณ ประธานมูลนิธิฯ มอบพระพุทธรูปประจำป.ป.ช. พระมงคลนาถศาสดา ซึ่งเป็นพระไพรีพินาศ วัดบวรฯ ให้แก่นายกรัฐมนตรี