ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สมเด็จพระนโรดมสีหนุ อดีตกษัตริย์แห่งกัมพูชา ที่เคยเป็นคู่กรณีกับไทยในศาลโลกเมื่อเกือบครึ่งศตวรรษก่อน ทรงกล่าวหาว่าไทยยังอยากจะได้ปราสาทพระวิหารเป็นของตน ทั้งๆ ที่ศาลระหว่างประเทศตัดสินให้ตกเป็นของกัมพูชาไปแล้ว มีการเผยแพร่คำแถลงเรื่องนี้ในวันพฤหัสบดี 10 ก.พ.
“กองทัพไทยยังคงเก็บไว้ในใจเสมอมาว่าจะต้องเอาปราสาทของกัมพูชาให้ได้” สมเด็จพระสีหนุตรัสถึงเรื่องนี้ในคำแถลงที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ส่วนพระองค์ในวันที่ 8 ก.พ. ขณะทรงพำนักในกรุงปักกิ่ง เพื่อรักษาพระอาการประชวรด้วยมะเร็ง กับอีกหลายพระโรค
“ในปี 2505 ศาลได้แสดงให้เราเห็นอย่างชัดเจนและมีคำตัดสินว่าปราสาทพระวิหารเป็นของชาวเขมร” อดีตกษัตริย์ทรงระบุ
แต่การกล่าวหาของอดีกษัตริย์กัมพูชานับเป็นการบิดเบือนประเด็นอย่างสำคัญ เพราะทุกฝ่ายทราบดีว่าประเทศไทยไม่เคยถวิลหาปราสาทพระวิหารอีก และยังได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลโลกมาโดยตลอด
แต่สิ่งที่ไทยต่อสู้อยู่ในวันนี้เป็นพื้นที่รอบๆ ปราสาทพระวิหารที่ถูกบิดเบือนไปจากเส้นพรมแดนธรรมชาติ ตามสัญญาฝรั่งเศส-สยาม และตามที่แสดงเอาไว้ชัดเจนในแผนที่มาตรส่วน 1/50,000
เมื่อครั้งที่สละราชสมบัติลงเล่นการเมือง เจ้าสีหนุได้นำความขัดแย้งฟ้องต่อศาลระหว่างประเทศในกรุงเฮก ศาลใช้เวลาหลายปีในการไต่ส่วน แต่ในที่สุดก็ตัดสินยกให้เป็นของกัมพูชา เนื่องจากรัฐบาลไทยในยุคนั้นไม่ได้คัดค้านการใช้แผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่อีกฝ่ายหนึ่งใช้อ้างอิง ทั้งๆ ที่บิดเบือนเจตนารมณ์สนธิสัญญาพรมแดนฝรั่งเศส-สยามปี 1904
“เจ้านโรดมสีหนุ” จึงทรงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับไทยตลอดมา ทรงเป็นที่เกลียดชังของชาวไทย ในยุคหนึ่งเคยมีการพูดกันทั่วไปว่า “สี” ที่คนไทยเกลียดที่สุดคือ “สีหนุ”
สถานการณ์ที่แปรผันในประเทศ ทำให้เจ้าสีหนุต้องทรงระหกระเหิร ต้องเสด็จลี้ภัยในต่างแดนหลังถูกกองทัพที่นำโดย พล.อ.ลอนนอล โดยสหรัฐฯ หนุนหลังทำรัฐประหารโค่นล้มในปี 2515 ตามมาด้วยฝ่ายเขมรแดงยึดอำนาจในปี 2518
ในช่วงหลังจากถูกยึดอำนาจ เจ้าสีหนุได้สนับสนุนระบอบเขมรแดง ที่ต่อสู้ระบอบลอนนอล และต่อต้านมหาอำนาจตะวันตก โดยได้รับการสนับสนุนจากคอมมิวนิสต์จีน เคยเสด็จเข้าไปในฐานที่มั่นของฝ่ายเขมรแดง และพบกับผู้นำฝ่ายนั้นหลายคน รวมทั้งนายเคียวสมพร กับนายเอียงสารี ด้วย
สถานการณ์ยังพลิกผันต่อไปอีก เจ้าสีหนุทรงเปิดเผยว่า พระญาติกว่า 10 คน รวมทั้งพระโอรส พระธิดาจำนวนหนึ่ง ได้ตกเป็นเหยื่อของเขมรแดง และทรงประณามความโหดร้ายของคอมมิวนิสต์สายจีนกลุ่มนี้
อย่างไรก็ตาม เจ้าสีหนุยังต้องพึ่งพาเขมรแดงในการต่อสู้กับเวียดนามกับระบอบเฮงสัมริน-เจียซิม ที่มีฮุนเซนรวมอยู่ด้วย
กลุ่มอาเซียนที่มี ไทย สิงคโปร์ กับมาเลเซีย เป็นหัวหอกได้ผลักดันให้มีการจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายต่อต้านเวียดนามขึ้นมา โดยเจรจารวบรวมกองกำลังเขมร 3 ฝ่ายขึ้นเป็น “รัฐบาลผสมกัมพูชาประชาธิปไตย” ที่ได้รับการรับรองจากสหประชาชาติ โดยมีเจ้าสีหนุเป็นผู้นำ รวมกับฝ่ายเขมรแดงและฝ่ายของนายซอนซานที่เรียกทั่วไปว่า "เขมรเสรี"
ในช่วงทำสงครามต่อต้านเวียดนามกับระบอบฮุนเซนในกรุงพนมเปญระหว่างปี 2525-2532 เจ้าสีหนุเสด็จฯ มาประเทศไทยหลายครั้งเพื่อทรงเยี่ยมเยือนราษฎรในค่ายผู้อพยพของฝ่ายพระองค์หลายแห่ง ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดน และ เพื่อประชุมร่วมกับอีก 2 ฝ่าย
ในช่วงปีก่อนโน้น เจ้าสีหนุเคยมีสำนักงานในซอยสวนพลู กรุงเทพฯ โดยใช้เป็นสำนักงานของพรรคฟุนซินเปกโดยกรมหลวงนโรดมรณฤทธิ์ พระโอรสเป็นผู้นำทางทหาร
ในช่วงปีที่สถานการณ์บังคับให้ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันต่อต้านการรุกรานของเวียดนาม ทำให้ทั้งเจ้าสีหนุ กับชาวไทยทั่วไปต้องทิ้งความบาดหมางในอดีตเอาไว้ชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม คำแถลงของอดีตกษัตริย์แห่งกัมพูชาที่ออกมาในสัปดาห์นี้ ได้ทำให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน นำไปขยายผลต่อเพื่อโกยคะแนนนิยมในประเทศ หลังจากการศึกที่ชายแดนกับไทยไม่ประสบความสำเร็จ
ฮุนเซนเปิดเผยในวันพุธ 9 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลของเขาจะดำเนินตามรอยอดีตกษัตริย์สีหนุ โดยใช้นโยบายระยะยาวต่อสู้กับไทย เช่นเดียวกับเมื่อกว่า 50 ปีก่อน ที่เจ้าสีหนุใช้เวลาหลายปีกว่าจะนำเรื่องนี้ให้ศาลโลกติดสินจนประสบความสำเร็จ
คำแถลงของอดีตกษัตริย์สีหนุ ยังออกมาขณะที่ฮุนเซนกำลังพยายามทุกวิถีทาง ทำให้ความขัดแย้งทวิภาคีกับไทย กลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ก่อนหน้านี้ได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีปฏิบัติการเร่งด่วน ส่งทหารเข้ารักษาสันติภาพ และตั้งเขตกันชนขึ้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย