xs
xsm
sm
md
lg

ฮุนเซนกร้าว!คดี7คนไทย ลั่นไม่มีหน้าไหนช่วยได้ แฉสถานทูตบีบสารภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-การพิจารณาคดีศาลเขมรยังไม่คืบ ยื่นขอประกัน7ไทยแล้วคาด5วันรู้ผล "ฮุนเซน"ประกาศกร้าวผ่านทีวี ไม่สนหน้าไหน ไม่ว่า "ทักษิณ-ส.ส.เพื่อไทย-สหประชาชาติ" จะขอให้ปล่อยตัวไม่ได้ ต้องรอคำสั่งศาลเขมรอย่างเดียว แฉ"กษิต"เคยโทร.หาถึง 10 กว่าครั้ง แต่ไม่รับสาย ด้าน"มาร์ค"เรียก"เทือก-กษิต-ประวิตร" ถกเครียดหาทางช่วย แต่จนปัญญาที่ฮุนเซนไม่เจรจาด้วย แฉสถานทูตบีบให้รับสารภาพหวังขออภัยโทษภายหลัง

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า วานนี้(10 ม.ค.) ทนายความได้ยื่นขอประกันตัว 7 คนไทยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลกัมพูชา ซึ่งจะใช้เวลา 5 วันพิจารณา และหากได้รับประกันแล้ว ทางศาลจะแจ้งให้ทราบถึงเงื่อนไขในการประกันตัว ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้ ในส่วนของการดำเนินคดีนั้น ในชั้นนี้ศาลยังไม่ได้กำหนดว่าจะมีการไต่สวนหรือพิจารณาคดีเมื่อใด แต่คาดว่าจะมีความคืบหน้าในวันสองวันนี้

นายธานี กล่าวว่า ขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากำลังทำเรื่องขออนุญาตให้ผู้แทนกลุ่มประชาชนไทยหัวใจรักชาติที่เดินทางไปกัมพูชาได้เข้าพบผู้ต้องหาที่แสดงความประสงค์ที่จะพบกับกลุ่มผู้แทนดังกล่าว ซึ่งเท่าที่ทราบมีเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆยังอยู่ระหว่างการประสานงาน

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุความคืบหน้าได้มากไปกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากต้องรอให้กระบวนการไต่สวนของศาลกัมพูชาเสร็จสิ้นก่อน ขณะนี้หวังเพียงว่า จะไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับคนไทยที่ถูกจับ กุมตัว และต้องประเมินสถานการณ์ก่อนว่า ถึงเวลาหรือยังที่กระทรวงการต่างประเทศ ต้องรายงานความจำเป็นให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โทรศัพท์สายตรงถึง สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในการช่วยเหลืออีกครั้ง

นายชวนนท์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ญาติของคนไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมตัวไปทั้งหมดได้เข้าเยี่ยมทั้ง 7 คนแล้ว ที่เรือนจำเพรย์ซอร์ ส่วนทนายพันธมิตรฯ ยังไม่ได้พบกับทนายชาวกัมพูชาที่ว่าความให้ แต่ได้คุยกับญาติ และเอกอัครราชทูตไทยประจำ ณ กรุงพนมเปญ

สำหรับความเคลื่อนไหวของศาลชั้นต้น กรุงพนมเปญ ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีการไต่สวนฝ่ายกัมพูชา หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 ม.ค.ได้ไต่สวนฝ่ายไทยไปแล้ว และเมื่อวานนี้ เป็นการไต่สวนเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมตัวคนไทยทั้ง 7 คน รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ผู้เห็นเหตุการณ์ ซึ่งประเด็นนี้ เชื่อมโยงกับความพยายามของทางการกัมพูชา ที่จะเพิ่มข้อหาจารกรรมข้อมูลทางทหาร แก่ นายวีระ สมความคิด และนางนฤมล

ทั้งนี้นายณฐพร โตประยูร หนึ่งในทีมที่ปรึกษา กล่าวว่า แนวทางการต่อสู้โดยรวม ที่ปรึกษาจะแนะนำทนายความให้นำกฎหมายระหว่างประเทศมาต่อสู้ ซึ่งกัมพูชาจะตัดสินฝ่ายเดียวไม่ได้เนื่องจากผิดข้อตกลง เจนีวา ข้อ 3 ฉบับที่ 4 เมื่อปี 1949 โดยระบุไว้ว่า เมื่อมีกรณีพิพาทระหว่างชายแดน จะต้องมีการตั้งผู้แทนจากทั้ง 2 ประเทศ เป็นคณะของอนุญาโตตุลาการ ขึ้นมาพิจารณา ไม่สามารถใช้กฎหมายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตัดสินได้

**“ฮุนเซน”ไม่สนหน้าไหนก็ช่วยไม่ได้

เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วานนี้ ตามเวลาประเทศไทย สถานีโทรทัศน์ ซึ่งบุตรสาวของสมเด็จฯฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา บริหารงานอยู่ ได้นำเทปบันทึกภาพพิธีมอบประกาศนียบัตรที่วิทยาลัยครูกรุงพนมเปญ มาออกอากาศ โดยหลังจากที่สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้กล่าวให้พรนักศึกษาเสร็จ ได้กล่าวตอนหนึ่งถึงกรณี 7 คนไทยที่ถูกดำเนินคดีข้ามแดนผิดกฎหมาย และเข้าไปในเขตทหารโดยไม่ได้รับอนุญาตว่า ถึงชั่วโมงนี้แล้วไม่มีใครที่จะสามารถมาเจรจาขอให้ปล่อยตัวโดยที่ไม่ผ่านกระบวนการทางกฎหมายของกัมพูชาได้ เพราะเรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว อยู่ที่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไร หากตัดสินว่าผิด คนไทยทั้ง 7 คนก็สามารถจะอุทธรณ์สู้คดีได้ภายใน 30 วัน

นอกจากนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน ระบุว่า ตอนนี้มีข่าวลือว่าจะมีคนมาช่วย 7 คนไทย ขอยืนยันว่าไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย และพรรคเพื่อไทย ก็ไม่สามารถที่จะมาช่วยได้ หรือแม้แต่สหประชาชาติ ก็ไม่สามารถเข้าแทรกแซงช่วยเหลือได้เช่นกัน

** แฉ"กษิต"โทรหา 10 ครั้งแต่ไม่รับสาย

ทั้งนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน กล่าวด้วยว่า เมื่อคืนที่ 29 ธ.ค. มีโทรศัพท์จากรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย โทร.เข้ามาที่เบอร์ของตน 10 ครั้ง แต่ตนไม่ได้รับสาย คาดว่าจะเป็นเรื่องขอให้ปล่อยตัว 7 คนไทย ซึ่งถูกจับกุมในบ่ายวันนั้นนั่นเอง

ส่วนการประกันตัว 7 คนไทยนั้น ล่าสุดมีรายงานว่า ทนายความได้ไปยื่นเอกสารขอประกันตัวแล้ว แต่กระบวนการพิจารณาของศาลกัมพูชานั้น ใช้เวลาประมาณ 5 วัน จึงจะทราบว่าจะให้ประกันตัว 7 คนไทยหรือไม่

**มาร์คเรียก"เทือก-กษิต-ประวิตร"ถก

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เชิญนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม มาหารือ เพื่อหาทางช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คน โดยนายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่าจะไม่ให้กระทกระเทือนสิทธิของประเทศ ตอนนี้กำลังติดตามคดี ซึ่งต้องดูว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร โดยจะดูวันจันทร์ และวันอังคารนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไทยจะเปลี่ยนนโยบายจากการตั้งรับหรือไม่ นายกฯ กล่าวย้ำว่า กำลังดูแนวโน้มของคดีวันจันทร์ และวันอังคารนี้ ซึ่งจากการที่ทนายเข้าไปก็ยังเป็นเรื่องของการไต่สวนของอีกฝ่าย แต่ส่วนใหญ่ตัวเรื่องไม่ได้สลับซับซ้อนมาก และในการหารือกันครั้งนี้ คงจะมีการกำหนดแนวทางกันไว้ แต่ขออนุญาตเปิดเผยในช่วงเวลาที่เหมาะสม ยืนยันว่าจะต้องมีการติดตาม และทบทวน เพราะแม้กระทั้งข่าวสารที่กัมพูชาเสนอ มันแสดงให้เห็นว่า ถ้าไม่มีการสะสางเรื่องนี้ จะทำให้เกิดปัญหาที่จะลุกลามบานปลายได้

**จนปัญญา"ฮุนเซน"ไม่เจรจาด้วย

เมื่อถามต่อว่า ระดับรัฐบาลกับรัฐบาลไม่สามารถคุยกันได้หรืออย่างไร นายกฯ กล่าวว่า คุยกันได้ แต่เวลานี้ทางกัมพูชาจะบอกว่า มันไม่ใช่ในส่วนของการบริหาร เขาจะบอกว่าอยู่ในส่วนของศาล

อย่างไรก็ตาม ยืนยันทั้ง 2 ประเทศจะต้องช่วยกันทำให้ความสัมพันธ์ไปในทิศทางที่ดี เพราะประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายมีมาก ไม่ควรให้เรื่องหนึ่งเรื่องใด หรือเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใดมากระทบ ขณะเดียวกันแต่ละประเทศต้องรักษาสิทธิ รักษาอธิปไตยของตนเอง

เมื่อถามว่า จะถึงขั้นลดระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนั้น เมื่อถามต่อว่าหากพื้นที่ตรงนั้นไม่ปลอดภัย ทางยูเอ็นเอชซีอาร์ คงไม่ขอให้พื้นที่ตรงนั้นเป็นที่อยู่ผู้ลี้ภัย แสดงว่าเป็นพื้นที่ของเรา พอเสร็จเหตุการณ์พวกนี้ไม่กลับ แต่กลับขยายบ้านเรือนต่อ นายกฯ กล่าวว่า สภาพการรุกล้ำมันเกิดหลายจุด และแนวที่กำหนดไว้ก็เป็นความพยายามในการป้องกันไม่ให้ขยายตัว เลยกลายเป็นปัญหาอีกทางหนึ่ง ซึ่งเข้าใจว่า ตอนที่ทำรั้วลวดหนามในสภาพเดียวกันหลายๆ จุด แต่ทำไปทำมา กลายเป็นการห้ามคนข้ามไปทางโน้น

สภาพอย่างนี้เกิดขึ้นมา 30 ปี ถือเป็นความเดือดร้อนต่อเนื่อง จึงได้บอกว่าเรื่องนี้ต้องมีการทบทวนว่า จะต้องทำยังไง เพียงแต่ต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม

** ทำใจถูกวิจารณ์ขี้ขลาด

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการคุยกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หรือคิดว่าถึงเวลาจะต้องคุยแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า มีการประสานงานหลายๆระดับ และจะเลือกวิธีการรูปแบบที่เหมาะสม เมื่อถามว่าคิดว่าท่าทีรัฐบาลเหมาะสมแล้วหรือยัง เพราะบางฝ่ายมองว่า ขี้ขลาดเกินที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์ ตนเองเข้าใจ ไม่มีใครอยากเห็นคนไทย โดยเฉพาะ 7 คนนี้ตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ เพียงแต่การวิพากษ์วิจารณ์จากการที่ตนสังเกตดู อาจอยู่บนฐานข้อมูลซึ่งไม่ตรงกับที่รัฐบาลมี

เมื่อถามว่า ผิดใช่ไหม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อันนี้เป็นหลายส่วนเช่น ความคิดเห็นที่อาจจะไม่ทราบว่า มีการดำเนินการอะไร อย่างไรบ้าง เพราะการทำงานในเรื่องแบบนี้คงไม่ใช่สิ่งที่ต้องมาพูด หรือบรรยาย หรือเปิดเผยได้ทั้งหมด แต่ขอยืนยันว่าทุกอย่างรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมของคนไทย และเมื่อเหตุการณ์คลี่คลายจังหวะเวลาที่เหมาะสม ก็พร้อมที่จะชี้แจง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการหารือ นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์อีก โดยเดินทางกลับบ้านพักทันที ซึ่งรายงานว่านายกฯ ท้องเสีย

** แฉสถานทูตบีบให้รับสารภาพ

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ แถลงการณ์ ดำเนินการช่วยเหลือ 7 คนไทย ในประเทศกัมพูชาว่า ประเด็นแรก สถานทูตไทยในพนมเปญ กีดกันคณะที่ปรึกษากฎหมายเครือข่ายประชาชนฯ ในการพบพี่น้องคนไทยทั้ง 7 คน รวมทั้งทนาย หลังจากคณะกรรมการเครือข่ายประชาชนมีมติส่ง นายการุณ ใสงาม กับนาย ณฐพร โตประยูร เป็นที่ปรึกษากฎหมาย ในการสู้คดีให้กับนายวีระ สมความคิด ที่ถูกจับกุม

นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ท่าทีของสถานทูตไทยในกัมพูชามีลักษณะกีดกัน ทำให้การทำงานในการต่อสู้คดี อาจจะไม่บรรลุเป้าหมายของเครือข่าย ที่ต้องการให้คนไทยกลับมา และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะแนวทางการต่อสู้คดีของเครือข่าย ที่ปฏิเสธอำนาจศาลของกัมพูชา ที่จะพิจารณาคดีนี้ เพราะขัดหลักกฎหมายสากล ตามสนธิสัญญา เจนีวา ฉบับที่ 4 แต่ทางการไทยกลับยอมรับ และต้องการให้เร่งพิจารณาคดี เพื่อจะได้ขอประกันตัว หรือขอพระราชทานอภัยโทษ จากกษัตริย์กัมพูชา

**ยื่นยูเอ็นประท้วงอำนาจศาลกัมพูชา

ประเด็นต่อมา คือการยื่นเรื่องกับสหประชาชาติประจำประเทศไทย โดยขอประท้วงอำนาจศาลกัมพูชา กรณี 7 คนไทย ที่ถูกลักพาตัว เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประจักษ์ชัดว่าคนไทยทั้ง 7 คน ถูกจับตัวโดยทหารกัมพูชา ซึ่งอยู่ในพื้นที่ราชอาณาจักรไทย และถูกนำตัวไปขึ้นศาลกัมพูชา จึงเข้าข่ายทหารกัมพูชา ลักพาตัวคนไทยออกจากดินแดนไทย ซึ่งผิดหลักสนธิสัญญา ฉบับที่ 4 ที่ระบุว่า กรณีเช่นนี้จะต้องใช้องค์การกลาง เช่น คณะกรรมการกลางกาชาดสากล พิจารณาเรื่องเท่านั้น และศาลกัมพูชาจะต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการกาชาดสากลพิจารณาเท่านั้น ไม่ใช่ศาลกัมพูชาจะพิจารณาเอง

นายไชยวัฒน์ แถลงอีกว่า เมื่อทางไทยและกัมพูชา ไม่ได้ทำให้การดำเนินการทางคดีเป็นไปตามสนธิสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 4 และกฎบัตรสหประชาชาติ ที่เกี่ยวข้อง และทางเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ได้เคยยื่นเรื่องประท้วงไปเรียบร้อย เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 54 ที่ผ่านมา แต่ทั้งการไทยและกัมพูชา ไม่ได้ตอบสนอง ประกอบกับพื้นที่ที่เกิดเหตุ เคยเป็นที่ตั้งของศูนย์ และค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชา ทั้งชั่วคราว และถาวร ตั้งแต่ปี 2518 โดยสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย แห่งสหประชาชาติ และได้ปิดตัวลงในปี 2542 เมื่อเขมรแดงกลุ่มสุดท้าย ยุติการต่อสู้

ดังนั้นเครือข่ายคนไทยหัวในรักชาติ ได้พิจารณาเห็นความจำเป็นจะต้องยื่นเรื่องดังกล่าวต่อ สหประชาชาติ ประจำประเทศไทย เพื่อเร่งดำเนินการโดยจะทำการยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการ วนวันที่ 10 ม.ค.54

** ต้องใช้มาตรการโต้ตอบกัมพูชา

นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ กล่าวว่า สำหรับกรณีทางการกัมพูชาการจับกุมตัว 7 คนไทย และได้มีการนำตัวขึ้นพิจารณาต่อศาลกัมพูชา นายปานเทพ เห็นว่า ต้องอาศัยข้อตกลงที่ไทยมีการตกลงกันแล้วในการตอกย้ำกับฝั่งกัมพูชามากขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้วรัฐบาลก็ต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นในการกดดัน ไม่ว่าจะเป็นตำรวจตระเวนชายแดน การค้าชายแดน การค้าของผิดกฎหมายตามแนวชายแดน รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในการใช้สาธารณูปโภคของไทย ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า การช่วยเหลือในเรื่องของการค้าที่มีต่อกัน

เมื่อถามว่า มาตรการกดดันจะทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนตึงเครียด นายปานเทพ กล่าวว่า ความตึงเครียดสามารถจำกัดขอบเขตได้ว่า เราจำกัดอยู่ที่เรื่องอะไร และกับใคร ในทุกประเทศ ประเทศที่มีแสนยานุภาพทางการทหารสูงกว่า จะมีอำนาจต่อรองโดยที่ไม่ต้องมีการปะทะ ถ้าใช้อำนาจการต่อรองนั้นเป็น แต่ว่าประเทศไทยนั้น ไม่เคยใช้อำนาจต่อรองในวิธีการดังกล่าว แต่กลับไปยอมรับสภาพการขึ้นกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลของทางฝั่งกัมพูชา ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่นายกฯ พูดเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.53 ที่ผ่านมาว่าไม่มีการขึ้นศาลกัมพูชา บัดนี้เขาขึ้นไปแล้ว และจะพิพากษา นายกฯ ต้องแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้นมากกว่าเดิม

นายเทพมนตรี กล่าวว่า ความจริงเราอาศัยเรื่องอำนาจการต่อรองได้ โดยเฉพาะถ้าหากเรามีการปิดชายแดนที่สำคัญ โดยเฉพาะชายแดนที่มีบ่อนการพนัน แล้วก็มีคนพูดแบบติดตลกว่า ควรจะให้นายบ่อนไปเจรจากับฮุน เซน ให้ปล่อยตัวคนไทย 7 คน เพราะมีอิทธิพลมากในเชิงธุรกิจ ถ้าจะใช้วิธีการแก้ไขโดยไม่ต้องเกิดการปะทะกัน หรือการใช้อาวุธ
กำลังโหลดความคิดเห็น