ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- นักการทูตสหรัฐฯ ในกรุงฮานอยพึงพอใจ นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) มีความเป็นมิตรกับสหรัฐฯ ที่เคยเป็นคู่สงครามกันกว่า 20 ปี และยังเชื่อว่า นายยวุ๋ง จะสามารถครองเก้าอี้ต่อไปได้อีกสมัย ด้วยแรงสนับสนุนอันท่วมท้นทั้งในภาครัฐบาลและจากฝ่ายความมั่นคง
บันทึกของนักการทูตสหรัฐฯ เกี่ยวกับเรื่องนี้ในช่วงปลายปี 2553 ก่อนหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จะเปิดประชุมใหญ่ได้ไม่นาน ถูกเปิดเผยออกมาโดยเว็บไซต์วิกิลีกส์ (Wikileak) เว็บไซต์จอมปูด และ เผยแพร่โดยหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนในอังกฤษ ในวันพุธ 13 ม.ค.2553
นักการทูตสหรัฐฯ ยังแสดงความพึงพอใจในตัวนายเจืองเติ่นซาง (Truong Tan Sang) กรมการเมือง กรรมการประจำคณะเลขาธิการกลางพรรค ที่เชื่อว่า จะได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ โดยเป็นผู้นำระดับสูงอีกคนหนึ่งที่ปรารถนาเป็นมิตรกับสหรัฐฯ
นักการทูตสหรัฐฯ ยังอ้างความเห็นของหลายฝ่ายว่า ในปัจจุบันนายยวุ๋งกับนายซาง อาจจะเป็นสองบุคคลผู้มีอำนาจามากที่สุดในเวียดนาม ในขณะที่นายยวุ๋งเองมีความต้องการที่จะอยู่ในตำแหน่งผู้นำรัฐบาลต่อไปอีกเช่นกัน
บันทึกยังระบุอีกว่า ช่วงที่ผ่านมานายวุ๋งเสื่อมความนิยมลงพอสมควร เมื่อเขาสนับสนุนโครงการเหมืองบอกไซต์ของจีน (ในจังหวัดเขตที่ราบสูงตอนบน-ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมอย่างสูง) แต่ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายความมั่นคง คือ กระทรวงกลาโหม กองทัพและตำรวจอีกครั้งหนึ่ง เมื่อรัฐบาลของเขาเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามกับพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อเร็วๆ นี้
สิ่งที่นักการทูตสหรัฐฯ ระบุนี้หมายการที่รัฐบาลได้จับกุมคุมขัง และดำเนินคดีเจ้าของเว็บบล็อกหลายคน ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและพรรคคอมมิวนิสต์ ในปีที่แล้ว
“ผู้ที่เราติดต่อด้วยส่วนใหญ่เห็นว่านายยวุ๋ง ยังคงอยู่ในฐานะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป และแน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเป้าหมายของเขาเองด้วย”
“แม้ว่าจะได้รับการวิจารณ์พอสมควร นายกรัฐมนตรีได้พัฒนาการควบคุมระบอบราชการอย่างรวดเร็ว" บันทึกระบุนักการทูตสหรัฐฯ บรรยายในโทรพิมพ์ที่รั่ว ว่า นายยวุ๋ง กับ นายซาง ซึ่งปัจจุบันอายุ 61 ปีเท่ากัน เป็นนักปฏิบัตินิยม และนิยมเศรษฐกิจแบบตลาด และ ปรารถนาจะเห็นการพัฒนาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ผู้หนึ่งปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเอกสารที่ “รั่ว” ออกไป และกล่าวว่า ความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐฯ นั้นดำเนินไปบนพื้นฐานแห่งการเคารพกันและกัน และเป้าหมายที่มีร่วมกัน
นายยวุ๋ง ได้รับความสนใจจากนักวิเคราะห์เป็นอย่างมาก ระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 11 หรือ การประชุมใหญ่ผู้แทนระดับประเทศ ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่เริ่มขึ้นในวันพุธ 12 ม.ค.2554 นี่คือ เหตุการณ์สำคัญในชีวิตการเมืองของชาวคอมมิวนิสต์ที่มีขึ้นทุกๆ 5 ปี
แต่การเลือกผู้นำรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะยังไม่มีขึ้น จนกว่ารัฐสภาชุดใหม่จะเปิดการประชุมหลังการเลือกตั้งทั่วไปที่มีกำหนดขึ้นในกลางเดือน พ.ค.ศกนี้ แต่ตำแหน่งในคณะกรรมการกรมการเมืองชุดใหม่ที่กำลังจะเลือกกันในสมัชชาพรรค จะเป็นเครื่องบ่งชี้อนาคตของนายยวุ๋ง
สำหรับ นายซาง เคยเป็นตัวเก็งสำคัญเข้าชิงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคมาตั้งแต่สมัชชาครั้งที่ 10 ปี 2549 นักวิเคราะห์ในเวียดนาม กล่าวว่า นายซางอดีตเลขาธิการพรรคสาขานครโฮจิมินห์ ที่มีผลงานโดดเด่นในการปฏิรูปเศรษฐกิจ มีโอกาสที่จะได้เข้าชิงตำแหน่งการนำสูงสุดอีกครึ่ง เช่นเดียวกับตำแหน่งประธานรัฐสภา
การที่นักการทูตอเมริกัน ระบุว่า นายซาง อาจจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของเวียดนามมนั้น นับเป็นเรื่องใหม่เช่นกัน