xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามเซ็นซื้อเครื่องบิน-เรือดำน้ำรัสเซียรับมือจีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 <bR><FONT color=#3366ff>ภาพจากเว็บที่ไม่ได้ระบุวันเดือนปีที่ถ่าย มีข้อมูลแต่เพียงว่าเป็นเรือดำน้ำโจมตีชั้นคิโล (แบบ 636) ยุคที่ 2 ของกองทัพเรือรัสเซีย ปรากฏตัวในเขตทะเลดำ ปัจจุบันเรือดำน้ำในชั้นนี้ พัฒนาขึ้นมาถึงยุคที่ 3 ที่มีความยาวมากขึ้น ขนาดใหญ่ขึ้น และ ติดอาวุธที่ทันสมัยยิ่งขึ้น สำนักข่าวในรัสเซียรายงานอ้างแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมกลาโหมว่า นายกรัฐมนตรีเวียดนมกับรัสเซัยได้เซ็นความตกลงกันเพื่อซื้อเรือดำนน้ำชั้นนี้จำนวน 6 ลำ  </FONT></bR>

ไซ่ง่อนหยายฟง/ASTVผู้จัดการรายวัน-- เวียดนามและรัสเซียได้ลงนามในสัญญาซื้อขายอาวุธและข้อตกลงในด้านพลังงานนิวเคลียร์ในวันอังคาร (15 ธ.ค.) ที่ผ่านมาในระหว่างการเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 2 วัน (14-15 ธ.ค.) ของนายกฯเหวียนเติ๋นยวุ๋ง ซึ่งนับเป็นสัญญาณในการฟื้นคืนความสัมพันธ์ระหว่างรัสซียกับเวียดนามฮานอย ที่เป็นพันธมิตรกันมาตั้งแต่ครั้งรัสเซียยังคงเป็นสหภาพโซเวียต

การเซ็นความตกลงดังกล่าวยังมีขึ้นในขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมเวียดนาม พลโทอาวุโสฟุงกวางแทง (Phung Quang Thanh) กำลังตระเวนเยือนสหรัฐฯ และ ฝรั่งเศส เพื่อขยายความร่วมมือด้านกลาโหมกับกลุ่มประเทศตะวันตก ขณะที่เวียดนามกำลังเผชิญแรงกดดันจากจีนมากขึ้นเรื่อยๆ ในกรณีพิพาทเหนือหมู่เกาะทะเลจีนใต้

นายกรัฐมนตรีรัสเซีย นายวลาดิเมียร์ ปูตินและนายกฯเวียดนาม นายเหวียนเติ๋นยวุ๋ง ได้ร่วมกันลงนามในความตกลงหลายด้าน รวมทั้งฝ่ายเวียดนามได้ตกลงซื้อ เรือดำน้ำและเครื่องบินที่ผลิตโดยรัสเซีย สื่อของทางการกล่าว

"เวียดนามได้ลงนามในสัญญาซื้อเรือดำน้ำ เครื่องบิน และอุปกรณ์ทางทหาร ในความร่วมมืออันดีกับรัสเซีย" นายกฯเวียดนาม กล่าวระหว่างแถลงข่าวในกรุงมอสโก โดยจะมีการตกลงในรายละเอียดที่เกี่ยวกับการซื้อขายระหว่างกระทรวงกลาโหมของเวียดนาม กับบริษัทโรโซโบรอนเอ็กซ์พอร์ต ( Rosoboronexport) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ส่งออกอาวุธ ที่ดำเนินการโดยรัฐบาล แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอื่นใดอีก
<bR><FONT color=#3366ff>ภาพจากเว็บไซต์ไม่ได้ระบุวันเดือนปีตลอดจนสถานที่ถ่าย แสดงให้เห็นเครื่องบินรบซูคอย 35 (Sukoi 35) ของกองทัพอากาศรัสเซีย ปัจจุบันกำลังพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นนี้เข้าสู่อีกยุคหนึ่ง สำนักข่าวในรัสเซียกล่าวว่ารัฐบาลเวียดนามได้สังซื้อไปแล้วจำนวน 2 ฝูง รวมทั้งรุ่นล่าสุดที่ยังเป็นเพียงเครื่อบินต้นแบบในขณะนี้ </FONT></bR>
อย่างไรก็ตามสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ (Interfax) ได้อ้างแหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์จะออกนามจากอุตสาหกรรมอาวุธว่า เวียดนามได้ตกลงที่จะซื้อเรือดำน้ำชั้น "คิโล" (Kilo Class) จำนวน 6 ลำ ในราคารวมมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ โดยบริษัทอุตสาหกรรมกลาโหมในรัสเซียจะสร้างเรือดำน้ำที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ให้แก่กองทัพเรือของเวียดนาม ปีละ 1 ลำ

ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ เรือดำน้ำชั้นคีโล ถูกนำเข้าใชการครั้งแรกในทศวรรษที่ 1980 ในยุคสหภาพโซเวียต เป็นเรือดำน้ำโจมตี ที่ใช้ในสงครามปราบเรือดำน้ำและจู่โจมเรือรบของข้าศึกบนพื้นผิวน้ำ ปัจจุบันได้พัฒนามาจนถึงยุคที่ 3 มีขนาดใหญ่ขึ้น จากที่มีท่อยิงตอร์ปิโดเพียง 4 ท่อ ได้พัฒนามาติดขีปนาวุธและอาวุธทันสมัยต่างๆ ที่ผลิตในรัสเซีย

นอกเหนือจากมีประจำการในกองทัพเรือของอินเดียแล้ว ปี 2550 กองทัพเรืออินโดนีเซียได้สั่งซื้อเรือดำน้ำชั้นนี้จากรัสเซียจำนวน 2 ลำ กองทัพเรือเวเนซูเอลา สั่งซื้อีกจำนวนหนึ่ง

สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์รายงานก่อนหน้านี้ ในปี 2550 และ 2551 เวียดนามยังได้ตกลงซื้อเครื่องรบแบบ SU35 จากรัสเซียรวมเป็น 2 ฝูง ในนั้น 1 ฝูงเป็น SU35 รุ่นล่าสุดที่ยังเป็นเพียงเครื่องบินต้นแบบ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยเกี่ยวกับราคาค่างวด หรือรายละเอียดอื่นใดอีกนับตั้งแต่นั้น
<bR><FONT color=#3366ff>ภาพจากเว็บไซต์ไม่ได้ระบุวันเดือนปีตลอดจนสถานที่ถ่าย แสดงให้เห็นเครื่องบินรบซูคอย 35 (Sukoi 35) ของกองทัพอากาศรัสเซียอีกลำหนึ่ง ปัจจุบันรัสเซียกำลังพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นนี้เข้าสู่อีกยุคหนึ่ง สำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์กล่าวว่า รัฐบาลเวียดนามได้สังซื้อไปแล้วจำนวน 2 ฝูง รวมทั้งรุ่นล่าสุดที่ยังเป็นเพียงเครื่อบินต้นแบบในขณะนี้ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องบินรบที่สั่งซื้อในสัปดาห์นี้ </FONT></bR>
ในการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีสองประเทศในสัปดาห์นี้ รัสเซียกับเวียดนามยังได้ทำการเซ็นความตกลงในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์แห่งแรกของเวียดนามด้วย โดยเมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา สภาเวียดนามได้อนุมัติโครงการดังกล่าว และรัฐบาลเวียดนามกำลังมองหานักลงทุนต่างชาติที่มีศักยภาพเพื่อเข้าร่วมทุน

เวียดนามกำลังหาทุนจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากนิวเคลียร์ที่ประกอบด้วยเครื่องปั่นไฟจำนวน 2 หน่วย กำลังปั่นไฟหน่วยละ 1,000 เมะวัตต์ ซึ่งก่อนหน้านี้เชื่อกันว่า เวียดนามจะเลือกใช้เทคโนโลยีของญี่ปุ่น

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกถูกกำหนดขึ้นใน จ.บิ่งทวน (Binh Thuan) ทางภาคใต้ตอนบนของประเทศ ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีก 2 โรงในอนาคต

ข้อตกลงที่ลงนามในรัสเซียครั้งนี้เป็นข้อตกลงในความร่วมมือกันระหว่างบริษัทการไฟฟ้าของเวียดนาม หรือ EVN (Electricity of Vietnam) กับบริษัทพลังงานรอสอะตอม (Rosatom) ซึ่งดำเนินการโดยรัฐของรัสเซีย โดยบริษัทของรัฐแห่งนี้ได้เซ็นความตกลงร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์กับฝ่ายเวียดนามในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา

"เวียดนามได้เชื้อเชิญรัสเซียอย่างเป็นทางการในการร่วมมือสร้างโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศภายใต้เงื่อนไขที่จำเป็นต่างๆ" นายกฯ เวียดนามกล่าว แต่ไม่ได้อธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด
<bR><FONT color=#3366ff>ภาพจากเว็บไซต์ไม่ได้ระบุวันเดือนปีตลอดจนสถานที่ถ่าย แต่เชื่อกันว่าเป็นเขตทะเลดำ แสดงให้เห็นเครื่องเรือดำน้ำชั้นคีโลของรัสเซีย จอดนิ่งที่ท่าแห่งหนึ่ง ปัจจุบันพัฒนาถึงยุคที่ 3 นอกจากติดตอร์ปีโดแล้ว ยังติดท่อยิงขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ (SAM) แบสเตรลา-3 (Strela-3) หรือ อิกลา (Igla) จำนวน 8 ท่อ ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเวียดนาม เซ็นสัญญาซื้อคีโลยุคใด</FONT></bR>
นอกจากนั้น เวียดนามกับรัสเซียได้ตกลงในหลักการจัดตั้งกองทุนจำนวน 500 ล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในการลงทุนในเวียดนาม ลาว และกัมพูชา อดีต "สามชาติอินโดจีน" ที่เคยมีสหภาพโซเวียตให้การสนับสนุนในยุคสงครามเย็น ไซ่ง่อนหยายฟงกล่าวในวันพุธที่ผ่านมา

ข้อตกลงระหว่างธนาคารเพื่อการลงทุนและพัฒนาแห่งเวียดนามและธนาคารวีเอ็นเอสทอร์ก (Vneshtorgbank) หรือ VTB ของรัสเซีย จะร่างสัญญาเพื่อลงนามในการเจรจาครั้งต่อไป ด้วยเงินทุนอย่างน้อย 100 ล้านดอลลาร์ในขั้นเริ่มต้นสำหรับปี 2553 เงินทุนดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในด้านการท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และโครงการด้านพลังงาน

อย่างไรก็ตามในรายงานฉบับเดิมไม่ได้ระบุว่าข้อตกลงดังกล่าวจะมีการเซ็นสัญญาเมื่อไหร่ แต่ระบุว่าการจัดตั้งเงินทุนดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะให้รัสเซียเข้าลงทุนในภูมิภาคนี้
<bR><FONT color=#3366ff>ภาพจากเว็บไซต์ไม่ได้ระบุวันเดือนปีเป็นของกองทัพเรืออินเดีย แสดงให้เห็นเรือดำน้ำชั้นคีโลที่อู่ต่อในนครเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย ซึ่งแล้วเสร็จและเตรียมจะนำเข้าประจำการแล้ว เวียดนามได้เซ็นสัญญาซื้อเรือดำนน้ำชั้นนี้จำนวน 6 ลำ รวมมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ โดยฝ่ายรัสเซียจะส่งมอบปีละ 1 ลำ  </FONT></bR>
<bR><FONT color=#3366ff>ภาพจากเว็บไซต์ไม่ได้ระบุวันเดือนปีตลอดจนสถานที่ถ่าย แต่เชื่อกันว่าเป็นเขตทะเลดำ แสดงให้เห็นเครื่องเรือดำน้ำชั้นคีโลของรัสเซีย กับลูกเรือขณะลอยลำ ปัจจุบันพัฒนาถึงยุคที่ 3 นอกจากติดตอร์ปีโดแล้ว ยังติดท่อยิงขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ (SAM) แบสเตรลา-3 (Strela-3) หรือ อิกลา (Igla) จำนวน 8 ท่อ ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเวียดนาม เซ็นสัญญาซื้อคีโลยุคใด</FONT></bR>
<bR><FONT color=#3366ff>ภาพจากเว็บไซต์ไม่ได้ระบุวันเดือนปี เป็นเรือดำน้ำชั้นคีโลยุคที่ 3 เข้าใจกันว่าจอดที่ท่าในวลาดิวอสต็อก ทางภาคตะวันออกไกลของรัสเซียในมหาสมุทรแปซิฟิก สัปดาห์นี้ผู้นำเวียดนามได้เซ็นสัญญาซื้อเรือดำน้ำรุ่นนี้จำนวน 6 ลำ จากรัสเซีย</FONT></bR>
วันที่ 14 ธ.ค. ที่ผ่านมารัฐมนตรีกลาโหมเวียดนาม ได้พบหารือกับนายโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ รวมทั้งพบหารือกับวุฒิสมาชิกสำคัญอีกหลายคน รวมทั้งนายจอห์น แม็คเคน อดีตทหารผ่านศึกสงครามเวียดนามซึ่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการกลาโหม กับวุฒิสมาชิกจิม เว็บบ์ แห่งพรรคเดโมแคร็ต

ฝ่ายสหรัฐฯ กล่าวว่าความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯ นั้นมีความสำคัญมาก สองฝ่ายจะแลกเปลี่ยนความร่วมมือระดับกลาโหมต่อกลาโหมกันต่อไป

อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมเวียดนามได้ออกหนังสือปกขาวแสดงจุดยืนต่อปัญหาความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ โดยระบุว่าเวียดนามจะใช้สันติวิธีและการเจรจาในการแก้ไขทุกปัญหา

หนังสือปกขาวกล่าวด้วยว่า เวียดนามจะขอให้สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เวียดนามเป็นสมาชิกอยู่ด้วย กับประชาคมระหว่างประเทศเข้าร่วมในขบวนการแก้ปัญหาและความขัดแย้งดังกล่าว.
<bR><FONT color=#3366ff>ภาพเอเอฟพีวันที่ 15 ธ.ค.2552 นายกฯ เวียดนาม นายเหวียนเติ๋นยวุ๋งและนายกฯรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน จับมือหลังลงนามในเอกสารข้อตกลงก่อตั้งกองทุนจำนวน 500 ล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าลงทุนในเวียดนาม ลาว และกัมพูชา ผู้นำเวียดนามและรัสเซียยังได้เจรจาความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยมีการเซ็นสัญญาข้อตกลงการซื้อขายอาวุธและการร่วมมือพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ด้วย  </FONT></bR>
กำลังโหลดความคิดเห็น