“เพื่อไทย” มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ แหกปากโวยรัฐจับอาวุธสงครามระวังหน้าแหก ตะแบงขวางใช้กรมศุลกากรเข้าไปตรวจสอบเครื่องบินไม่ได้ แนะอย่าชิงทำลายอาวุธทิ้ง เสี้ยมประเทศเจ้าของอาวุธสงครามให้เป็นศัตรูกับไทย
วันนี้ (17 ธ.ค.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีการจับกุมเครื่องบินที่ขนอาวุธสงครามล็อตใหญ่ได้ระหว่างที่แวะเติมน้ำมันที่ท่าอากาศยานดอนเมืองว่า การที่รัฐบาลใช้กรมศุลกากรเข้าไปตรวจสอบเครื่องบินที่ขนอาวุธลำดังกล่าว ไม่น่าจะสามารถทำได้ เนื่องจากจุดส่งสินค้าไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย เครื่องบินลำดังกล่าวแค่แวะเติมน้ำมันและจะบินผ่านไปเฉยๆ ความจริงแล้วเราจะอนุญาตให้เติมน้ำมันหรือไม่ก็ได้ เนื่องจากไม่ได้มีการขออนุญาตลงจอดฉุกเฉิน การที่รัฐบาลพยายามอ้างว่าได้ร่วมมือกับสหประชาชาติในการจับกุมนั้น ไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่รับฟังได้ เพราะสหประชาชาติมีข้อห้ามใหญ่ในเรื่องของอาวุธอยู่เพียง 2 เรื่อง คือ อาวุธนิวเคลียร์ และอาวุธชีวภาพ ซึ่งอาวุธที่ตรวจพบดังกล่าวไม่เข้าข่าย อาจจะเป็นการซื้อขายที่ถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นหากการสอบสวนในชั้นศาลแล้วปรากฎว่ามีสัญญาซื้อขาย รัฐบาลอาจจะหน้าแหกก็ได้
นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้รัฐบาลได้สร้างศัตรูเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4-5 ประเทศคือ เกาหลีเหนือ จอร์เจีย เบลารุส คาซัคสถาน และประเทศเป้าหมายที่จะนำอาวุธไปส่ง ในระยะหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รู้สึกว่าจะพูดเรื่องนี้ได้ไม่เต็มปากเต็มคำ เหมือนอมอะไรไว้อยู่ ตนเป็นห่วงเรื่องประเด็นของความโกรธแค้นและการแก้แค้น รัฐบาลไม่ควรทำตัวเป็นสุนัขรับใช้สหรัฐอเมริกา หากเรื่องนี้ความจริงปรากฏออกมาว่าการซื้อขายอาวุธเป็นไปอย่างถูกต้องและนำไปใช้ประโยชน์ในการปราบจลาจลภายในประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือใช้เพื่อความมั่นคงของประเทศนั้นๆ เราจะรับผิดชอบอย่างไร เบื้องต้นขอแนะนำให้รัฐบาลอย่าเพิ่งทำอะไรกับอาวุธที่ยึดไว้ อย่าคิดนำไปใช้เองหรือด่วนตัดสินใจทำลายอาวุธทิ้ง ขอให้รอการสอบสวนให้เสร็จสิ้นก่อน และระหว่างนี้ก็ขอให้พูดให้น้อยๆ อย่าชี้แจงต่อสังคมอย่างไร้แก่นสาร เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้จบเหมือนกรณีของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย ที่ขึ้นต้นมาเป็นบทพระเอกแต่ลงท้ายกลับกลายเป็นผู้ร้าย