เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการรายวัน-- รัสเซียได้ลงนามในสัญญาที่จะจัดส่งเครื่องบินรบแบบมิก-19 (MIG-29) ให้กับรัฐบาลทหารพม่า ซึ่งนับว่าเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดในการขยายกองกำลังทหารของประเทศที่ปกครองด้วยระบอบทหารมานานเกือบครึ่งศตวรรษ ทั้งนี้เป็นการรายงานของหนังสือพิมพ์ธุรกิจคอมเมอร์ซานต์ (Kommersant) ของรัสเซียในวันพุธ (23 ธ.ค.)
ข้อตกลงซื้อขายเครื่องบินรบระหว่างรัสเซียและพม่านี้เซ็นกันตั้งแต่ 2-3 สัปดาห์ก่อน ด้วยมูลค่า 400 ล้านยูโร (570 ล้านดอลลาร์) หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวรายงานอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวใกล้ชิดของบริษัทโรโซโบรอนเอ็กซ์พอร์ต (Rosoboronexport) ซึ่งเป็นบริษัทขายอาวุธของรัฐบาล
พม่าที่อยู่ภายใต้การคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ซึ่งนักรณรงค์สิทธิมนุษยชนกล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลทหารได้รับการช่วยเหลือด้านอาวุธมาโดยตลอดจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน อินเดีย และจากรัสเซียด้วย
รัสเซียก็เช่นเดียวกันกับจีนซึ่งต่างก็เป็นสมาชิกถาวรใน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้พิทักษ์ปกป้องรัฐบาลทหารมาตลอด โดยใช้สิทธิยับยั้ง (วีโต้) ข้อมติประณามใดๆ ต่อรัฐบาลทหารที่ออกโดยองค์การสหประชาชาติ
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับบริษัทจำหน่ายอาวุธจองทางการยังกล่าวอีกว่า รัสเซียได้ตกลงขายเครื่องบินรบ MIG-29 นี้ในขณะที่ทางจีนเองได้เสนอขายเครื่องบินขับไล่ที่ทันสมัยมากกว่าในรุ่น J-10 "ดรากอน" และ FC-1 "ธันเดอร์" ให้กับพม่าในเงื่อนไขที่ได้เปรียบมากกว่าเช่นกัน
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ยังได้ระบุว่า รัสเซียได้ส่งเครื่องบิน MIG-29 จำนวน 12 ลำให้แก่พม่าแล้วครั้งหนึ่งในปี 2544
"นี่เป็นข้อตกลงซื้อขายครั้งใหญ่ที่สุดในการซื้อเครื่องบินรบในรุ่นนี้ หลังจากที่เคยทำสัญญากับแอลจีเรียในปี 2550 แล้วล้มเลิกไป" คอมเมอร์ซานต์กล่าว
แอลจีเรียได้ยกเลิกการสั่งซื้อเครื่องบินรบ MIG-29 จำนวน 34 ลำ มูลค่า 987 ล้านยูโร เนื่องจากคุณภาพของเครื่องบินต่ำกว่าที่คาดไว้ และ ในปี 2551 ยังได้ส่งเครื่องบินคืนรัสเซียอีกหลายลำด้วย
ปัจจุบัน MIG-29 มีประจำการในหลายประเทศแถบเอเชีย รวมทั้งกองทัพอากาศอินเดียและมาเลเซียด้วย เนื่องจากเป็นเครื่องบินขับไล่โจมตีที่มีประสิทธิภาพดีและราคาถูกกว่า เครื่องบินรบของชาติตะวันตก อย่างเทียบกันไม่ได้ ขณะที่ประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับได้
สำหรับ FC-1 "สายฟ้า" หรือ ที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า JF-17 นั้นผลิตจากโรงงานที่เมืองเฉิงตู (Chengdu) เช่นเดียวกันกับ J-10 แต่เป็นโครงการร่วมระหว่างจีนกับปากีสถาน เพื่อผลิตเครื่องบินรบเอนกประสงค์เอาไว้ใช้งาน ซึ่งเว็บไซต์บางแห่งกล่าวว่ามีราคาเพียงลำละ 5-7 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
ส่วน J-10 มีรูปลักษณ์ที่ละม้ายคล้ายคลึงกับเครื่องบินรบแบบเอฟ-16 ที่ผลิตในสหรัฐฯ เป็นอย่างยิ่ง แต่ต่างกันที่ประสิทธิภาพ ซึ่งเอฟ-16 บินได้เร็วกว่าและคล่องตัวมากกว่าในเชิงยุทธ์ รวมทั้งความแตกต่างในด้านประสิทธิภาพและเทคโนโลยีของระบบอาวุธที่ใช้ติดตั้งด้วย
แต่ข้อที่ได้เปรียบของ J-10 ก็คือ ราคาที่ถูกกว่า เอฟ-16 อย่างเทียบกันไม่ได้
ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการซื้ออาวุธของพม่า เพื่อเสริมความแข็งแร่งให้แก่กองทัพ ยังมีขึ้นขณะที่เวียดนามได้เซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินรบที่ยังไม่ทราบชนิดจากรัสเซีย กับเรือดำน้ำชั้นโล (Kilo Class) อีกจำนวน 6 ลำ ซึ่งเรื่องนี้มีขึ้นระหว่างการเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) ในสัปดาห์กลางเดือน ธ.ค.นี้
นอกจากนั้นสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีกลาโหมเวียดนาม นายพลโทอาวุโสฟุงกวางแทง (Phung Quang Thanh) ซึ่งกำลังเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ ยังได้ขอซื้อเฮลิคอปเตอร์กับเครื่องบินลำเลียงขนส่งจากฝรั่งเศส และ เรียกร้องให้ฝ่ายนั้นขายอาวุธและอุปกรณ์ทางทหารที่ทันสมัยให้แก่เวียดนามอีกด้วย.