xs
xsm
sm
md
lg

“ฮุนเซน” ชวนไทยทะเลาะทั้งปีหาเหตุเพิ่มงบกลาโหม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#FF0000>ภาพรอยเตอร์วันที่ 13 ต.ค.2552 กองทัพกัมพูชาโชว์ศักยภาพกับแสนยานุภาพในพิธีสวนสนาม ฉลองครบรอบปีที่ 15 การก่อตั้งกองพลน้อยที่ 70 ในกรุงพนมเปญ ซึ่งใครๆ ก็ร่ำลือกันว่าเป็นกำลังรบชั้นหัวกะทิของกองทัพ ฝึกมาดีที่สุด ติดอาวุธทันสมัยที่สุด เพราะต้องทำหน้าที่พิทักษ์ผู้นำกับครอบครัว รัฐบาลกัมพูชาเพิ่มงบฯ กลาโหมเป็น 23% ของงบประมาณปี 2553 เพื่อพัฒนากองทัพ แต่จะเป็นไปได้หรือไม่? </FONT></bR>

รอยเตอร์/ASTVผู้จัดการรายวัน-- กัมพูชา ประเทศที่ยังยากจนที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้เพิ่มเงินงบประมาณด้านกลาโหมกับความมั่นคงถึง 23% ในปีงบประมาณที่จะถึงนี้ หลังจากความพยายามเมื่อปีที่แล้วไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้บริจาค ที่ให้เงินช่วยเหลือแก่กัมพูชา พากันคัดค้าน

เชื่อกันว่าการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมในปีนี้ กำลังจะถูกต่อต้านกับกลุ่มประเทศผู้บริจาค ที่มีกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ เป็นหัวหอกสำคัญ

การเพิ่มงบฯ กลาโหมตามตัวเลขที่มีการเปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (30 ต.ค.) มีขึ้นหลังจากผู้นำกัมพูชาออกกล่าวหาประเทศไทยหลายครั้ง เกี่ยวกับความตึงเครียดที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศ รวมทั้งก่อการพิพาทกับฝ่ายไทยรอบใหม่โดยลั่นวาจาจะให้ที่พักพิงแก่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีนักการเมืองตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี และ หลบหนี

ตามตัวเลขดังกล่าว กัมพูชาได้ทุ่มเงินงบประมาณราว 274 ล้านดอลลาร์เพื่อการกลาโหมกับความมั่นคงในปี 2553 จากเงินงบประมาณแผ่นดินรวมทั้งสิ้น 1,970 ล้านดอลลาร์ นั่นคืองบฯ กลาโหมคิดเป็น 14% ของเงินงบประมาณแผ่นดินประจำปี เทียบกับ 1.7% ที่รัฐบาลจัดสรรเพื่อการพัฒนาชนบท และเพิ่มขึ้นจาก 223 ล้านดอลลาร์ในปีนี้

การเพิ่มงบประมาณกลาโหมเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหวในกัมพูชา ที่ยังต้องรับความช่วยเหลือจากรอบทิศ ในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นเงินปีละนับพันล้านดอลลาร์

"เงินงบประมาณก้อนโตสำหรับการกลาโหมนี้ มีจุดประสงค์เพื่อ (ใช้สำหรับ) มาตรการป้องกัน ต่อความขัดแย้งระหว่างประเทศ" สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างคำกล่าวของนายฟายสีฟาน (Phay Siphan) โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าววันเสาร์ที่ผ่านมา

แต่นายอูวิรักา (Ou Virak) หัวหน้าศูนย์เพื่อสิทธิมนุษยชนในกัมพูชากล่าวว่า "กลุ่มผู้บริจาคจะไม่พอใจอย่างแน่นอน" ขณะที่สมเด็จฯ ฮุนเซนกำลังพยายามสร้างกระแสชาตินิยมขึ้นมา เพื่อหาการสนับสนุนการเพิ่มเงินงบประมาณกลาโหม ท่ามกลางความขัดแย้งกับประเทศไทย

"การกระทำการดังกล่าวเท่ากับเปลี่ยนให้ประเทศกลายเป็นรัฐทหาร" นายวิรักษ์กล่าว
<bR><FONT color=#FF0000>ภาพแฟ้มเอเอฟพีถ่ายวันที่ 15 ต.ค.2551 ทหารเขมรกำลังหลบให้พ้นวิถีกระสุนระหว่างการปะทะกับทหารไทยที่ชายแดนด้านภูมะเขือ อาวุธประจำกายเป็นปืนกลอัตโนมัติ AK47 (อาก้า) ที่ใช้มาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น แสดงให้เห็นความไม่พร้อมรบและความอ่อนด้อยด้านอาวุธ ภาพนี้เป็นหนึ่งในบรรดา ภาพแห่งปี ประจำปี 2551 ของสำนักข่าวฝรั่งเศส (AFP) ปี 2553 รัฐบาลกัมพูชาเพิ่มงบฯ กลาโหมแบบก้าวกระโดด </FONT></bR>
ในเดือน ต.ค. 2551 รัฐบาลกัมพูชาได้พยายามเพิ่มเงินงบประมาณป้องกันประเทศตั้งแต่ 70-100% รวมประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าเพื่อใช้ในการปรับปรุงสวัสดิการความเป็นอยู่ของทหารและพัฒนาระบบต่างๆ ของกองทัพ

สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดการปะทะนองเลือดที่ชายแดนด้านภูมะเขือและทหารไทย 7 นายได้รับบาดเจ็บในช่วงกลางเดือน ซึ่งทหารฝ่ายกัมพูชาเสียชีวิต 3 คนและทหารไทย 7 นายได้รับบาดเจ็บ

รัฐบาลสมเด็จฯ ฮุนเซน ได้เตรียมเสนองบฯ กลาโหมก้อนใหญ่อย่างเป็นประวัติการนี้ต่อ สภาผู้แทนราษฎรที่พรรคประชาชนกัมพูชาชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้นในเดือน ส.ค. หลังจากปลุกกระแสชาตินิยมต่อต้านประเทศไทยขึ้นมา

คำแถลงของคณะรัฐมนตรีที่ออกวันที่ 17 ต.ค.2551 หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์เพียง 1 วัน ระบุว่า รัฐบาลได้ตัดสินใจเพิ่มงบประมาณสำหรับปี 2552 ขึ้นเป็นเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30% จากปีงบประมาณ 2551

สำหรับกัมพูชาซึ่งแม้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ในช่วงปีใกล้ๆ นี้ แต่เกือบครึ่งหนึ่งของประชากร 14 ล้านคนยังมีชีวิตอยู่กับความยากจนต่ำกว่ามาตรฐานองค์การสหประชาชาติ โดยมีรายได้เพียงวันละไม่ถึง 50 เซ็นต์

รัฐบาลสมเด็จฯ ฮุนเซนได้เปลี่ยนใจไม่เพิ่มงบฯ กลาโหมในที่สุด หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศกับรัฐบาลประเทศผู้บริจาคได้แสดงความกังขาเกี่ยวกับความจำเป็นในเรื่องนี้

“เราเคยตั้งใจจะผันงบไปยังด้านกลาโหมและความมั่นคง แต่ทันทีที่เราประกาศแผนการนั้นไปก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาประเทศผู้บริจาค” นายเจียมเยียบ (Cheam Yeap) ประธานคณะกรรมาธิการการคลัง สภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา กล่าวในต้นเดือน ธ.ค.

“เราไม่อยากจะให้ประเทศผู้บริจาคไม่สบายใจเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม จึงตัดสินใจลด (งบประมาณ) ลง” สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างคำกล่าวของนายเยียบ
<bR><FONT color=#FF0000>ภาพแฟ้มรอยเตอร์วันที่ 19 ต.ค.2551 หรือสี่วันหลังการปะทะกันครั้งแรกที่ชายแดน</FONT><FONT color=#3366FF>ภูมะเขือ</FONT><FONT color=#FF0000> ใกล้กับปราสาทพระวิหาร ทหารกัมพูชาที่เสริมเข้าไปใหม่มีหลายคนที่ถือ AK47 รุ่นใหม่ด้ามเหลือง พร้อมเครื่องยิงระเบิดอาร์พีจี เบ41 (B41) ของเล่นใหม่ที่ผลิตในจีน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลกัมพูชาได้จัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเป็นระยะๆ </FONT></bR>
เชื่อกันว่ารัฐบาลสมเด็จฯ ฮุนเซน กำลังจะตกเป็นเป้าการวิจารณ์ของกลุ่มประเทศ กับองค์การต่างๆ ที่ช่วยกัมพูชาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมติดต่อกันมานานกว่า 10 ปี ซึ่งโดยปกติจะมีการประชุมหารือร่วมกับรัฐบาลกัมพูชาในเดือน พ.ย.ของทุกปี

การขอเพิ่มงบประมาณกลาโหมในสองปีมานี้ ยังมีขึ้นในขณะที่บรรดาประเทศผู้บริจาค รวมทั้งธนาคารโลกกำลังช่วยกัมพูชาลดพลประจำการ ลดขนาดกองทัพลงและนำงบประมาณไปพัฒนาประเทศ แก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชน 14 ล้านคน

ปีที่แล้วกลุ่มประเทศผู้บริจาคได้ให้คำมั่นช่วยเหลือกัมพูชาเป็นเงินเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์ มากเป็นประวัติการณ์ จีนเป็นผู้นำหน้าคือ 257 ล้านดอลลาร์ ตามด้วยกลุ่มสหภาพยุโรป 214 ล้านดอลลาร์ และญี่ปุ่นอีก 113 ล้านดอลลาร์

ระหว่างไปร่วมเทศกาลบสินค้าจีน-อาเซียน ในนครหนานหนิงในสัปดาห์กลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา กัมพูชาได้เงินกู้จากจีนอีก 853 ล้านดอลลาร์ นับเป็นเงินกู้ก้อนใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยกู้จากต่างประเทศในช่วงหลายปีมานี้

นอกจากนั้นระหว่างประธานาธิบดีลีเมียงบั๊ก (Lee Myung Bak) แห่งเกาหลีไปเยือนอย่างเป็นทางการก่อนมาร่วมประชุมกลุ่มอาเซียนที่ชะอำ เกาหลีได้ให้เงินกู้แก่กัมพูชาอีก 200 ล้านดอลลาร์เพื่อโครงการพัฒนาต่างๆ.
กำลังโหลดความคิดเห็น