รอยเตอร์ - จีนจะมอบเงินกู้ยืมจำนวน 853 ล้านดอลลาร์ให้กับกัมพูชาเพื่อนำไปพัฒนาระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน โครงการชลประทานและเขื่อน เพื่อกระตุ้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจและลดปัญหาความยากจนในประเทศ ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยของนายฮอร์นัมฮอง (Hor Namhong) รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา เมื่อวันเสาร์ (17 ต.ค.) ที่ผ่านมา
ข้อตกลงดังกล่าวได้มีขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา ระหว่างการพบกันของสมเด็จฯฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและนายกรัฐมนตรีของจีน นายเวิน เจียเป่า (Wen Jiabao) ระหว่างการจัดงานแสดงสินค้าและเศรษฐกิจยังมณฑลเสฉวน
"จีนยังคงเดินหน้าช่วยเหลือกัมพูชาต่อไปในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ถึงแม้ว่าจีนเองจะต้องเผชิญกับปัญหาจากภาวะเศรษฐกิจโลกก็ตาม" นายฮอร์นัมฮง กล่าว
จากจำนวนเงินที่จีนมอบให้นั้น เงินส่วนหนึ่งจำนวน 593 ล้านดอลลาร์ จะนำไปใช้ใน 11 โครงการที่รัฐบาลเขมรได้เสนอขอความช่วยเหลือไปในปี 2552 และอีกจำนวน 260 ล้านดอลลาร์สำหรับใน 5 โครงการที่ร้องขอไว้ตั้งแต่ปี 2551 ที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เงินกู้ยืมดังกล่าวจะนำไปลงทุนในการสร้างถนนสายใหม่ใกล้กับชายแดนไทยและเวียดนาม และขยายเส้นทางการจราจรของเดิมที่เชื่อมต่อไปยังกรุงพนมเปญ และอย่างน้อยอีก 30 ล้านเหรียญสหรัฐจะนำไปลงทุนในการขยายท่าเรือในกรุงพนมเปญเพื่อให้เพียงพอกับปริมาณความต้องการในบริเวณท่าขนส่งสินค้าจากแม่น้ำโตนเลสาบ (Tonle Sap)
กัมพูชายังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเขื่อนแห่งใหม่อีกหลายแห่งและระบบการชลประทานเพื่อพัฒนาภาคเกษตรกรรมของประเทศที่คิดเป็น 34% ของ GDP เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา ตามด้วยภาคการท่องเที่ยวและสิ่งทอ
จีนเป็นประเทศผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา โดยมอบเงินไปแล้วถึง 600 ล้านดอลลาร์ในปี 2550 และอีกจำนวน 260 ล้านดอลลาร์ในปี 2551 นอกจากนั้นจีนยังเป็นประเทศผู้ลงทุนทางตรงรายใหญ่ที่สุดของกัมพูชาด้วย รวมทั้งได้ลงทุนในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปแล้วถึง 1 พันล้านเหรียญภายในปี 2552 นี้