xs
xsm
sm
md
lg

UVลงสัญญาสินเชื่อ1.85พันล. พัฒนาโครงการ"ปารค์เวนเจอร์"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรรายวัน - ยูนิเวนเจอร์ ให้ เลิศรัฐการ กู้เงินแบงก์กสิกรไทย วงเงิน 1,850 ล้านบาท พร้อมค้ำประกันการชำระหนี้ทั้งจำนวน โดยกู้ยืมแบบระยะยาว 1,800 ล้านบาท และอีก 50 ล้านบาทเป็นสินเชื่อหมุนเวียน เพื่อนำเงินใช้สร้างโครงการ"ปารค์เวนเจอร์" อาคารสำนักงานและโรงแรม 33 ชั้น

นางอรฤดี ณ ระนอง ประธานอำนวยการ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) ( UV ) แจ้งว่าบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ"ปารค์เวนเจอร์"ภายใต้ บริษัท เลิศรัฐการ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้นร้อยละ 99.99 โดยโครงการดังกล่าวจะพัฒนาเป็นอาคารสำนักงานและโรงแรม จำนวน 33 ชั้น ตั้งอยู่บนหัวมุมถนนเพลินจิต-วิทยุ กรุงเทพมหานคร นั้น

ที่ประชุมคณะกรรมการ UV ครั้งที่ 4/2552 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2552 ได้มีมติอนุมัติให้ บริษัท เลิศรัฐการ จำกัด ลงนามในสัญญาสินเชื่อ มูลค่า 1,850 ล้านบาท กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2552 ซึ่ง บริษัท เลิศรัฐการ จำกัด จะกู้ยืมเงินจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) แบ่งเป็นการกู้ยืมเงินระยะยาว ไม่เกิน 1,800 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ย(ก.) MLR ลบด้วยอัตราร้อยละ 1 ต่อปี ตั้งแต่วันลงนามในสัญญาสินเชื่อ จนถึง (1) วันที่ครบกำหนด 3 ปี นับจากวันเบิกใช้สินเชื่อเงินกู้ยืมระยะยาวครั้งแรก หรือ (2) วันที่ครบกำหนด 3 ปี 3 เดือน นับจากวันลงนามในสัญญาสินเชื่อ แล้วแต่วันใดถึงก่อน และ (ข.) MLR ลบด้วยอัตราร้อยละ 0.5 ต่อปี ภายหลังจากวันที่ครบกำหนดตามที่ระบุไว้ในข้อ (ก) เป็นต้นไป จนกว่าผู้กู้จะได้ชำระคืนต้นเงินภายใต้สินเชื่อเงินกู้ยืมระยะยาวครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อหมุนเวียนไม่เกิน 50 ล้านบาท

ทั้งนี้ ระยะเวลาคืนเงินกู้ 10 ปี 3 เดือน เริ่มชำระคืน ต้นเงินกู้งวดแรกภายในวันทําการสุดท้ายของเดือนกันยายน 2555 และคืนต้น เงินกู้ทั้งหมด ภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนธันวาคม 2565 โดยกำหนดชำระในวันทำการสุดท้ายของทุกไตรมาส โดยมีเงื่อนไขคือ ยูนิเวนเจอร์ ค้ำประกันการชำระหนี้ของ บริษัท เลิศรัฐการ จำกัด ภายใต้สัญญาสินเชื่อให้แก่ ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เต็มจำนวน

ขณะที่ผลกระทบต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ซึ่ง UV มีอัตราหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 0.59 เท่า ภายหลังการกู้ยืมตามสัญญาสินเชื่อดังกล่าวเต็มจำนวน อัตราหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นปรับเพิ่มเป็น 1.54 เท่า ซึ่ง บริษัทฯ พิจารณาเห็นว่าการทําธุรกรรมข้างต้นไม่ส่งผลอย่างมีสาระสําคัญต่องบการเงินรวมของบริษัทฯ เนื่องจากภาระดอกเบี้ยในระหว่างการก่อสร้างจะถูกนำมาคิดเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการพัฒนาโครงการ และเมื่อโครงการเริ่มดำเนินการแล้ว บริษัทฯ จะมีรายได้จากการดำเนินงานเพียงพอที่จะนำมาชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแก่ธนาคาร
กำลังโหลดความคิดเห็น