วีเอ็นเอ/ASTVผู้จัดการรายวัน-- โครงการรถไฟหัวกระสุน (Bullet Train) ระยะทางกว่า 1,500 กิโลเมตรของเวียดนาม ซึ่งงบก่อสร้างบานปลายขึ้นเป็น 56,000 ล้านดอลลาร์ (หรือเกือบ 2 ล้านล้านบาท) ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันจะให้การสนับสนุนต่อไป เช่นเดียวกันโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่อีกหลายโครงการในประเทศนี้
เวียดนาม-ญี่ปุ่นได้ตกลงเรื่องนี้ ในการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีนายเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) กับนายทาโร อาโซะ (Taro Aso) นรม.ญี่ปุ่นในกรุงโตเกียวเมื่อวันศุกร์ (22 พ.ค.) สำนักข่าววีเอ็นเอ (Vietnam News Agency) ซึ่งเป็นของรัฐบาลรายงานเรื่องนี้สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
"นายยวุ๋งได้ขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับความช่วยเหลือที่มีประสิทธิผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ การสร้างประเทศและการบูรณาการเข้ากับประชาคมระหว่างประเทศ" วีเอ็นเอกล่าวถึงเหตุการณ์ระหว่างการพบสนทนาของสองผู้นำ
เป็นครั้งแรกในรอบ 30 เดือนที่มีการสานต่อหารือระหว่างผู้นำเวียดนามกับฝ่ายญี่ปุ่นเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างรถไฟหัวกระสุน นับตั้งแต่นายอาเบ้ อดีตผู้นำได้รับปากจะให้ความช่วยเหลือแก่เวียดนามในเดือน พ.ย.2549 ระหว่างไปร่วมประชุมผู้นำกลุ่มความมือทางเศรษฐกิจเอเชียและแปซิฟิก หรือ เอเปก (Asia-Pacific Economic Cooperation) ในกรุงฮานอย
อย่างไรก็ตามในปีนั้นมีการประมาณว่า มูลค่าการก่อสร้างระบบรถชินคันเซ็น (Shinkansen) น่าจะอยู่ที่ 522 ล้านล้านด่ง หรือ 33,000 ล้านดอลลาร์
แต่การศึกษาร่วมกันระหว่างญี่ปุ่นกับเวียดนามได้พบว่า งบประมาณก่อสร้างทั้งระบบ ได้กลายเป็นประมาณ 55,800 ล้านดอลลาร์ (1,953,0002 ล้านบาท) ขณะที่เส้นทางสั้นลงกว่าเดิมเกือบ 100 กิโลเมตร
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัท Vietnam-Japan Consulting Joint Venture ซึ่งตั้งขึ้นโดยเงินทุนช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่นได้ศึกษาเปรียบเทียบระบบชินกันเซ็น กับระบบ TGV (train ? grande vitesse) ของฝรั่งเศส กับระบบ ICE (intercity express train) ของเยอรมนี และได้เสนอแนะให้รัฐบาลเวียดนามเลือกใช้ระบบของญี่ปุ่น
นอกจากการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเหนือ-ใต้แล้ว นรม.เวียดนาม ยังขอให้ญี่ปุ่นพิจารณาช่วยเหลือโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่อีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งทางหลวงสายเหนือ-ใต้ โครงการสวนอุตสาหกรรมไฮเทคในกรุงฮานอยรวมทั้งโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนในนครโฮจิมินห์กับในเมืองหลวง
"ผู้นำทั้งสองต่างแสดงความยินดีต่อการพัฒนาในทางบวกในความสัมพันธ์มิตรภาพกับความร่วมมือระหว่างเวียดนามและญี่ปุ่น" ขณะที่ฝ่ายญี่ปุ่นชื่นชมมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลเวียดนามในการต่อสู้กับเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ทำให้สามารถรับมือโดยได้รับผลกระทบแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น วีเอ็นเอกล่าว
นายยวุ๋งเป็นผู้นำเวียดนามคนที่สองที่เดินทางเยือนญี่ปุ่นติดๆ กันในชั่วเวลาข้ามเดือน หลังจากการเยือนของนายนงดึ๊กแหม่ง (Nong Duc Manh) เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
ความร่วมมือช่วยเหลือจากญี่ปุ่นรวมอยู่ในกรอบความร่วมมือที่กว้างขวางกว่าระหว่างสองฝ่าย
นายอาโซะบอกกับ นรม.เวียดนามว่า ขณะนี้สภาไดเอ็ท หรือรัฐสภาของญี่ปุ่น ได้เริ่มพิจารณาเพื่อรับรองแถลงการณ์ร่วมญี่ปุ่น-เวียดนาม ว่าด้วยความตกลงเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อสันติภาพกับความเจริญรุ่งเรืองในเอเชีย (Vietnam-Japan Joint Statement on Strategic Partnership for Peace and Prosperity in Asia) ที่ประกาศออกมาเดือนที่แล้ว ระหว่างการเยือนของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์
เวียดนาม-ญี่ปุ่นได้ตกลงใจที่จะกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างกันอย่างรอบด้าน (all-around relations) ทั้งเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรมและการศึกษา โดยให้ความใส่ใจเป็นพิเศษต่อโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ต่างๆ โดยได้ร่วมกันเซ็นความตกลงเรื่องนี้ในวันศุกร์ที่ผ่านมา วีเอ็นเอกล่าว
ผู้นำเวียดนามได้ยืนยันจะทำอย่างดีที่สุดในการใช้จ่ายเงินช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ หรือ ODA (Official Development Assistance) ของรัฐบาลญี่ปุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ และจะทำงานร่วมกับฝ่ายญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดในการต่อต้านการฉ้อราษฎร์บังหลวง วีเอ็นเอกล่าว
สองฝ่ายยังได้ตกลงจัดตั้งวงประชุมขึ้นมาเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนข่าวสาร เผยแพร่ความเคลื่อนไหวตลอดจนข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับการลงทุนของต่างประเทศในเวียดนาม ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของนักลงทุนจากญี่ปุ่น ที่เข้าลงทุนในเวียดนามมากขึ้นทุกปี รวมทั้งข้อมูลด้านเศรษฐกิจที่สนับสนุนเศรษฐกิจแบบตลาด (market economy) ของเวียดนาม
นรม.เวียดนามได้ถือโอกาสเข้าหารือข้อราชการกับ นรม.ญี่ปุ่น ในโอกาสที่ได้รับเชิญไปร่วมเป็นองค์ปาฐกในงานประชุมสัมมนาที่ใช้หัวชื่อ The Future of Asia ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์นิคเกอิ (Nikkei)
สองฝ่ายยังได้ตกลงร่วมกันจัดกิจกรรมความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ญี่ปุ่น (Mekong-Japan Exchange) ประจำปีนี้ ซึ่งรวมทั้งการจัดเทศกาลญี่ปุ่น ที่นครเกิ่นเทอ (Can Tho) ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงทางตอนใต้เวียดนามด้วย
ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน นรม.เวียดนามยังมีโอกาสได้พบสนทนากับประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานสภาที่ปรึกษาญี่ปุ่นอีกด้วย
นายยวุ๋งยังได้พบสนทนากับอดีตนายกรัฐมนตรี นายชินโซ อาเบ้ (Shinzo Abe) บรรดาผู้นำองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น หรือ ไจก้า (Japan International Cooperation Agency) องค์การความสัมพันธ์ทางการค้าญี่ปุ่นหรือ เจโทร (Japans External Trade Organization) ประธานคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์ กับผู้นำขององค์การและหน่วยงานที่สำคัญอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งด้วย.