xs
xsm
sm
md
lg

เดือนหน้าเวียดนามชงชินคันเซ็น $56 พันล้านเข้าสภา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#cc00cc>เก่ากับใหม่ชินคันเซ็นซีรีส์ 300 (ซ้ายมือ) ที่ใช้งานมาก่อน กับ ซีรีส์ 700 จอดที่สถานีแห่งหนึ่งใกล้กรุงโตเกียว เวียดนามกำลังจะสรุปในอีก 1 เดือนข้างหน้าว่า จะใช้ระบบของญี่ปุ่นและเป็นรุ่นใด หรือว่า จะเป็น เตเฌเว (TGV) ฝรั่งเศส หรือ ไอซ์ (ICE) จากเมืองเบียร์ แต่ขั้นตอนนี้น่าจะเป็นเพียงกระบวนการทางเท็คนิค คำตอบมีให้อยู่แล้ว เมื่อญี่ปุ่นช่วยเหลือเรื่องทุนรอนมีหรือจะเป็นอื่นไปได้? </FONT></bR>

ASTVผู้จัดการรายวัน -- งวดเข้ามาทุกที่สำหรับโครงการรถไฟหัวกระสุน “ชินคันเซ็น” ของเวียดนาม หลังจากไม่สามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาทันสมัยประชุมต้นปีที่เพิ่งจะปิดลงสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทที่ปรึกษาเวียดนาม-ญี่ปุ่น อีกชุดหนึ่งจะสรุปโครงการใหญ่นี้ในอีก 1 เดือนข้างหน้า

สัปดาห์ที่แล้วรัฐวิสาหกิจการรถไฟเวียดนามได้เลือกบริษัท โตนิชิเอ็นจิเนียริ่ง (Tonichi Engineering Consultants Inc) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา ร่วมกับบริษัท เรลเวย์คอนสตรักชันแอนด์ อินเวสเมนต์ คอนซัลแตนท์ (Railway Construction and Investment Consultant) ของฝ่ายเวียดนาม ให้สรุปผลการศึกษาขั้นสุดท้าย หลังจากมีการได้ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเรียบร้อยแล้ว

สื่อของทางการเวียดนาม รายงานเมื่อต้นปี ว่า โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงระหว่างกรุงฮานอย กับนครโฮจิมินห์ จะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา (National Assembly) ซึ่งเปิดประชุมสมัยสามัญต้นปีปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่ามา และสิ้นสุดลงสัปดาห์ที่แล้ว แต่ดำเนินการไม่ทัน

การพิจารณาโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่นี้จะถูกนำเข้าสู่การพิจาณาของรัฐสภาในสมัยประชุมปลายปีเดือน พ.ย.-ธ.ค.ศกนี้ พร้อมกับร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง เพื่อเป็นพื้นฐานทางนิตินัยของโครงการ สื่อในเวียดนาม กล่าว

ตามแผนการเดิมเมื่อปี 2550 คาดว่า การก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าหัวกระสุนระยะทาง 1,630 กิโลเมตร จะต้องใช้เงินทุนราว 33,000 ล้านดอลลาร์

แต่ผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษา Vietnam-Japan Consulting Joint Venture เมื่อปี 2551 ได้พบว่า งบประมาณในการก่อสร้างได้บานปลายขึ้นเป็นประมาณ 56,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.96 ล้านล้านบาท) ขณะที่ระยะทางร่นลงมาเป็นประมาณ 1,550 กม.สั้นลงกว่าเดิมเกือบ 100 กม.
<bR><FONT color=#cc00cc>ซี่รีส์ 700 คันนี้เป็นขบวน ฮิการิเรลสตาร์ (Hikarirailstar) จอดที่สถานีแห่งหนึ่งชานกรุงโตเกียว หน้าตาละม้ายไปทางปลาไหลเมอร์รย์ในทะเลลึก บิดความเร็วได้เกือบ 400 กม./ชม. วิ่งทางไกล 1,000 กิโลฯ ขึ้นไปคุ้มที่สุด  </FONT></bR>
<bR><FONT color=#cc00cc>ชินคันเซ็นซีรีส์ 100 รุ่นแรกสุด คันนี้จอดที่สถานีฮิโรชิมา ใช้งานมากว่า 20 ปี แต่ถึงเก่าอย่างไรก็ยังแล่นเร็วปานจรวด ราคาอาจจะต่ำกว่ารุ่นใหม่ๆ แต่เชื่อว่าเวียดนามไม่เลือกรุ่นเก่านี้อย่างแน่นอน </FONT></bR>
หลังจากศึกษาวิเคราะห์ระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าของโลก จำนวน 3 ระบบ คือ ICE ของเยอรมนี TGV ของฝรั่งเศส กับ ชินคันเซ็น (Shinkansen) ของญี่ปุ่น VJCJV ได้เสนอให้เลือกระบบหลัง โดยให้เหตุผลว่าเหมาะสมที่สุดทั้งด้านราคา การใช้งานตามสภาพภูมิประเทศ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

ระบบรถหัวกระสุนรางกว้าง 1.435 เมตร จะช่วยร่นระยะเวลาการเดินทางระหว่างสองนครใหญ่ในภาคเหนือกับภาคใต้ลงเหลือไม่ถึง 10 ชั่วโมง จากปัจจุบันที่ต้องใช้เวลาเดินทาง 28-30 ชั่วโมงโดยระบบรถไฟในปัจจุบัน รวมระยะทาง 1,726 กม.

บริษัทที่ปรึกษา VJCJV ได้เสนอให้ก่อสร้างสองช่วงก่อน คือ ระหว่างกรุงฮานอย กับเมืองวีง (Vinh) ในภาคกลางตอนบน และ ช่วงโฮจิมินห์-เมืองญาจาง (Nha Trang) จ.แค๊งฮวา (Khanh Hoa) ในภาคใต้ คาดว่าจะใช้การได้ในปี 2563 หรืออีก 10-11 ปีข้างหน้า

คาดว่า การก่อสร้างทั้งระบบตลอดเส้นทางจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ และเชื่อมต่อเข้าหากันได้ในปี 2578 หรืออีก 15 ปีหลังจากเปิดให้บริการสองช่วงแรก

การศึกษาแผนการก่อสร้างระบบรถไฟหัวกระสุนในเวียดนามเริ่มมาตั้งแต่ 5-6 ปีก่อน และ ได้ข้อสรุปในเดือน พ.ย.2549 เมื่อ นายชินโซ อาเบ้ (Shinzo Abe) อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นไปร่วมประชุมกลุ่มความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (APEC) ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพ
<bR><FONT color=#cc00cc>ภาพจาก 4rail.net ท่อนกลางๆ ของขบวนฮิการิเรลสตาร์ในกรุงโตเกียว มองเห็นสายเชื่อมต่อไฟฟ้า รถไฟหัวกระสุนใช้ไฟฟ้าแรงเคลื่อนสูงถึง 25 กิโลโวลต์ (เทียบกับ 110-220 โวลต์ที่ใช้ตามครัวเรือน) จะต้องมีไฟฟ้าอย่างเพียงพอ ซึ่งทำให้เวียดนามไม่มีทางเลือกอย่างอื่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เท่านั้นคือคำตอบ </FONT></bR>
<br><FONT color=#cc00cc>หลายคนอาจจะมองว่าที่เห็นในรูปนี้เป็นเพียงรถหวานเย็นขบวนธรรมดาๆ? ผิดถนัด.. ที่กำลังแล่นออกจากเมืองนาโงย่า (Nagoya) นี้เป็นรถไฟระบบแม็กเลฟ (Maglev) ใช้พลังแม่เหล็กจากรางยกตัวรถและผลักดันให้แล่นไปข้างหน้า ญี่ปุ่นเป็นดินแดนสำหรับคนรักรถไฟจริงๆ มีให้นั่งหลากหลายชนิด</FONT></br>
ผู้นำญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นจะช่วยเหลือเวียดนามก่อสร้างโครงการนี้ และแต่นั้นมารัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือเวียดนามในการจัดทำโครงการ จนนำมาสู่การสำรวจความเป็นได้เมื่อปีที่แล้ว

นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) เดินทางไปญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่งในปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ได้พบหารือกับ นายทาโร อาโซะ (Taro Aso) นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ซึ่งได้ยืนยันในพันธะที่จะให้ความช่วยเหลือแก่เวียดนามต่อไป

ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเงินทุนที่อดีตนายกฯ ญี่ปุ่นเคยกล่าวว่า จะมีทั้งเงินช่วยเหลือให้เปล่า และเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยาว

นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้ “ขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับความช่วยเหลือที่มีประสิทธิผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ การสร้างประเทศและการบูรณาการเข้ากับประชาคมระหว่างประเทศ” สำนักข่าวทางการเวียดนามวีเอ็นเอ (VNA) กล่าวถึงเหตุการณ์ระหว่างการพบสนทนาของสองผู้นำ

นับเป็นครั้งแรกในรอบ 30 เดือนที่มีการสานต่อหารือระหว่างผู้นำสองประเทศเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างรถไฟหัวกระสุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากทุนที่จะใช้ก่อสร้างบานปลายเป็นเกือบสองเท่าตัว
<bR><FONT color=#cc00cc>ที่นั่งภายในชินคันเซ็นหรูราวกับในเครื่องบิน ราคาค่าโดยสารก็เฉียดฉิวเกือบเท่าๆ กัน แต่คนจำนวนมากไม่เลือกที่จะขึ้นบิน  ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา </FONT></bR>
<bR><FONT color=#cc00cc>ภายในชินคันเซ็นอีกขบวนหนึ่งที่แล่นให้บริการระหว่างกรุงโตเกียวกับนครโยโกฮามา เรียบหรูไม่ต่างไปจากบนเครื่องบินเลย </FONT></bR>
นอกจากการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเหนือ-ใต้แล้ว นรม.เวียดนาม ยังขอให้ญี่ปุ่นพิจารณาช่วยเหลือโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่อีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งทางหลวงสายเหนือ-ใต้ โครงการสวนอุตสาหกรรมไฮเทคในกรุงฮานอย และการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนในโฮจิมินห์กับในเมืองหลวงอีกด้วย วีเอ็นเอ กล่าว

บริษัทที่ปรึกษาที่ตั้งขึ้นใหม่ในสัปดาห์นี้ จะต้องสรุปทุกแง่มุมของโครงการ รวมทั้งศึกษาระบบรถไฟความเร็วสูงทั้งสามระบบ เพื่อให้ได้ข้อสรุปครั้งสุดท้ายว่า ควรจะเป็น TGV (train grande vitesse) หรือ ICE (intercity express train) หรือ ยืนยันที่จะให้เป็นชินกันเซ็นต่อไป

โครงการขนาดใหญ่นี้ยังได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย รวมทั้งธนาคารพัฒนาเอเชีย ที่เร่งเร้าให้รัฐบาลเวียดนามเร่งดำเนินการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก
<bR><FONT color=#cc00cc>ไปทางยุโรปบ้าง.. ไอซ์ (ICE) จากเยอรมนี (ซ้าย) ขบวนนี้ใช้สถานีร่วมกันกับเตเฌเว (TGV) ที่แกร์ดือนอร์ (Gare du Nord) ในกรุงปารีส ระบบรถกระสุนในยุโรปเชื่อมถึงกันได้หมด แต่เทคโนโลยีจากโซนโน้นอาจจะไม่มีโอกาสถูกนำมาใช้ในเวียดนามเพราะราคาแพงมาก </FONT></bR>
<bR><FONT color=#cc00cc>แต่ก็ไม่แน่.. ภาพจากเว็บแห่งนี้บอกว่าปีที่แล้วอาลสตอม (Alstom) ผู้ผลิตเตเฌเว ของฝรั่งเศสเริ่มทดลอง อาเฌเว (AGV) ซึ่งเล็กลง ราคาถูกลง แต่เร็วขึ้น ชื่อ อาลสตอม อยู่คู่กับเวียดนามมานานนับร้อยปีแล้ว </FONT></bR>
นายอะยูมิ โคนิชิ (Ayumi Konishi) ผู้อำนวยการเอดีบีประจำเวียดนาม ออกเรียกร้องในเดือน มี.ค.ระบุว่า เวียดนามจำเป็นต้องเร่งก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จำเป็นเร่งด่วน รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้พลังความร้อนจากถ่านหินในภาคใต้ ท่าเรืออีกหลายแห่ง และ ระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงฮานอย-โฮจิมินห์ ด้วย

เวียดนามมีประชากร 86 ล้านคน ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศเมื่อปีที่แล้ว มีมูลค่าเพียง 85,000 ล้านดอลลาร์ แต่ระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่นี้มีความจำเป็นในการเชื่อมเมืองหลวงฮานอยในภาคเหนือ เข้ากับศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศในภาคใต้
กำลังโหลดความคิดเห็น