ASTV ผู้จัดการรายวัน— เวียดนามประกาศนโยบายการเงินใหม่ให้ธนาคารพาณิชย์แห่งต่างๆ สามารถเจรจาตกลงกับลูกค้าเองเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อการบริโภค และสินเชื่อประเภทบัตรเครดิต ขณะที่ธนาคารกลางลดดอกเบี้ยอีกครั้งเหลือ 7% โดยเริ่มในวันที่ 1 ก.พ.เป็นต้นไป
ธนาคารแห่งรัฐเวียดนามหรือ SBV (State Bank of Vietnam) ลดอกเบี้ยมาตรฐานและดอกเบี้ยสำคัญต่างๆ เป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่แล้ว หวังเร่งฟื้นคืนสภาพคล่องในตลาดหวังกระตุ้นเศรษฐกิจให้โลดแล่นในเร็ววัน
มาตรการใหม่สำหรับดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อการบริโภคดังกล่าวสามารถปรับขึ้นลงได้โดยไม่มีกำหนดเพดาน
อัตราดอกเบี้ยกลางลดลงจาก 8.5 ในเดือน ธ.ค.2551 ดอกเบี้ยสำคัญตัวอื่นๆ ลดลงเหลือ 9.5-7.5% เพื่อเปิดทางให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าหาสินเชื่อได้คล่องตัวยิ่งขึ้นเพื่อนำไปฟื้นฟูกิจการ
ทางการได้ตั้งเป้าการขยายตัวของผลผลิตมวลรวมประชาชาติในปีนี้ที่ 7% หลังจากปีที่แล้วทำได้เพียง 6.2% ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูง ซึ่งทำให้ SBV ต้องใช้มาตรการการเงินเข้าแก้ไข ดอกเบี้ยกลางเคยพุ่งขึ้นสูงสุดถึง 14% ในเดือน ก.ย.ต.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปีต่อปีพุ่งขึ้นสูง 26-28%
นักวิเคราะห์มองว่าการที่เวียดนามพึ่งเงินลงทุนจากต่างประเทศมากเกินไป รวมทั้งหวังพึ่งพาการส่งออกเช่นปีก่อนจะทำให้ประสบความยากลำบากทางเศรษฐกิจในปีนี้ เนื่องจากกำลังซื้อในตลาดปลายทางลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของเวียดนาม
นักวิเคราะห์กล่าวว่ารัฐบาลคอมมิวนิสต์จะต้องหันมาพึ่งตนเอง โดยกระตุ้นการเติบโตจากภายในประเทศ ส่งเสริมการลงทุนและการจ้างงาน รวมทั้งกระตุ้นการบริโภค พร้อมๆ กับฟื้นฟูแขนงเศรษฐกิจที่ซบเซาเพื่อสร้างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแขนงพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์
สำนักงานใหญ่สถิติเวียดนามหรือ GSO (General Statistics Office) กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อปีต่อปีในเดือน ม.ค.นี้ลดลงเหลือ 17.5% ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดในรอบหนึ่งปี ทำให้ SBV สามารถลดดอกเบี้ยได้อีกครั้ง
ตามรายงานของสื่อทางการเวียดนาม การลดดอกเบี้ยครั้งก่อนๆ ยังไม่ต่ำพอที่ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้บริการธนาคารได้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยังสูงกว่า 10% ท่ามกลางวิกฤติอย่างรอบด้าน จำนวนธุรกิจที่ปิดกิจการหรือลดการผลิต ลดการจ้างงานลง มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นักวิเคราะห์เชื่อว่าในที่สุด SBV จะต้องลดดอกเบี้ยกลางลงให้เหลือไม่เกิน 6% เพื่อให้ดอกเบี้ยสินเชื่ออยู่ในระดับ "ต่ำสิบ"
รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อปลายปีที่แล้ว รวมเป็นเงินที่จะทำให้เกิดสภาพคล่องในตลาดประมาณ 6,000 ล้านดอลลาร์ ในนั้นนับพันล้านดอลลาร์จะใช้สนับสนุนอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ ส่วนใหญ่อัดฉีดเข้าลงทุนสร้างบ้านและอาคารที่พักอาศัยสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อย
เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว 8.5% ในปี 2550 เทียบกับ 4.77% ในปี 2542 ซึ่งเป็นปีที่เศรษฐกิจขยายตัวต่ำที่สุดอันเป็นผลกระทบจากวิกฤติการ "ต้มยำกุ้ง" ที่แผ่ลามไปทั่วเอเชีย
นักวิเคราะห์กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดโลกในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยให้เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตตามเป้า 7% ได้ ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศปี 2552 อาจจะขยาย ตัวต่ำกว่า 5%.