ASTVผู้จัดการรายวัน--- รัฐบาลเวียดนามประกาศใช้มาตรการหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจรับมือเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก โดยออกแพ็คเกจ 1,000 ล้านดอลลาร์กระตุ้นการลงทุนและการบริโภค หลังจากมีสัญญาณชัดเจนว่าวิกฤตการณ์ทางการเงินเริ่มคืบคลานเข้าสู่เศรษฐกิจหลักในทวีปเอเชีย
นายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายเหวียนเติ๋นยวุ๋งประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวเมื่อวันพุธ (3 ธ.ค.) หลังจากมีการประกาศลดดอกเบี้ยอีก 1% จาก 11 เหลือ 10% ในสัปดาห์นี้ซึ่งจะเป็นการลดดอกเบี้ยมาตรฐานครั้งที่สี่ในรอบสองเดือน
คณะรัฐมนตรีเวียดนามซึ่งประชุมพิจารณาสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในวันจันทร์และวันอังคารที่ผ่านมายังได้ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาลดภาษีรายการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจของประเทศให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุดลง
เนื่องจากภาวะเงินตึงในประเทศได้ทำให้เวียดนามตกอยู่ในภาวะขาดสภาพคล่องติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายเดือน อันเป็นปัญหาที่เกิดต่อเนื่องจากการใช้มาตรการการเงินต่อสู้กับเงินเฟ้อรุนแรงตั้งแต่ต้นปี
เวียดนามได้ใช้ควบคุมการเงิน การธนาคารของประเทศอย่างรัดกุมจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูงกว่า 20% จนกระทั่งไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ธนาคารแห่งรัฐเวียดนามหรือ SBV (State Bank of Vietnam) จึงได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลง
ตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นมา ธนาคารกลางได้ลดดอกเบี้ยมาตรฐานแล้วรวมสามครั้ง และครั้งล่าสุดกำลังจะมีผลบังคับตั้งแต่วันศุกร์ (6 ธ.ค.) เป็นต้นไป
"การลดดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่องจะสร้างเงื่อนไขสะดวกให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในการลดดอกเบี้ยสินเชื่อลง" ทางการระบุในคำแถลงอีกฉบับหนึ่งที่ออกผ่านทางเว็บไซต์ของรัฐบาล โดยระบุว่าการลดดอกเบี้ยก็เพื่อช่วยเหลือทุกฝ่าย ทั้งผู้บริโภค ผู้ผลิต ผู้ประกอบการรายย่อยและนักลงทุนทั่วไป
พร้อมๆ กับลดดอกเบี้ยมาตรฐาน SBV ยังลดเงินค้ำประกันสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ลง เพื่อช่วยสถาบันการเงินต่างๆ ให้บริหารเงินคล่องตัวมากยิ่งขึ้นหลังจากวิกฤติการเงินโลกเริ่มส่งผลกระทบตลาดสหรัฐฯ ยุโรป กระทั่งญี่ปุ่น
"รัฐบาลได้จัดเตรียมงบประมาณเอาไว้ 1,000 ล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นการลงทุนและการบริโภค" รัฐบาลเวียดนามระบุในคำแถลงฉบับหนึ่งที่ออกหลังการประชุมาคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคาร
อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยว่างบประมาณก้อนโตนี้จะใช้เพื่อการใดบ้างและจะเริ่มอัดฉีดเข้าสู่ตลาดเวลาใดและสู่ภาคส่วนใดของเศรษฐกิจ
ทางการเวียดนามกล่าวก่อนหน้านี้คาดว่าปี 2552 เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศจะลงประมาณครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดประมาณ 65,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เงินที่นักลงทุนใช้จ่ายจริงซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์ก็จะลดฮวบลงเช่นเดียวกัน
กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าออกรายงานคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดส่งออกสินค้าหลักประเทศจะลดลงอย่างมากในปีหน้าเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดปลายทาง ไม่ว่าจะเป็นตลาดสหรัฐฯ หรือตลาดอียู
รัฐบาลเวียดนามได้ลดเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจเหลือเพียง 6.5% ในปีหน้านี้ จาก 8.5% สำหรับปีนี้ก่อนจะลดลงเหลือเพียง 7% เวลาต่อมาและเชื่อว่าจะทำได้จริงเพียงประมาณ 6.7% เท่านั้น
เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวต่อเนื่องในอัตราเฉลี่ย 8.5% ต่อปีในช่วงหลายปีมานี้ การเติบโตชะลอลงเหลือประมาณ 6.52% ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี
ในช่วงกลางปี SBV ได้ขึ้นดอกเบี้ยรวม 3 ครั้งจาก 8.25% เป็น 14% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปีต่อปีพุ่งขึ้นสูง 28% ในเดือน ส.ค. ก่อนจะลดลงเหลือ 24.2% ในเดือน พ.ย.
รัฐบาลประกาศแต่เพียงว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกใช้นี้ก็เพื่อส่งเสริมการผลิตและการส่งออก กระตุ้นการลงทุนและการบริโภค ส่งเสริมการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังอย่างมีประสิทธิภาพ
เวียดนามซึ่งเป็นประเทศส่งออกข้าวายใหญ่รายหนึ่งของโลกยังประกาศช่วยเหลือเกษตรการก่อสร้างคลังเก็บและไซโลขึ้นในเขตอู่ข้าวใหญ่ เป็นการช่วยเหลือในการเก็บสต๊อคข้าวเพื่อส่งออก
ต่อหน้าวิกฤติการทางการเงินระดับโลกธนาคารแห่งรัฐจะออกประกาศควบคุมตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศครั้งใหญ่ เพื่อควบคุมการหมุนเวียนของเงินและรับประกันการให้มีเงินสกุลสำคัญต่างๆ อย่างเพียงพอ สำนักข่าววีเอ็นเอ (VNA) ของทางการรายงานเรื่องนี้เมื่อวันพุธ
SBV ได้ออกประกาศมาตรการที่จะจำกัดธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินไว้ที่หน่วยงานหรือสำนักงานที่ได้รับอนุญาต และมีสถานที่ตั้งอันแน่นอน บรรดาร้านค้า ร้านขายทอง ศูนย์การค้าทั่วไปหรือร้านค้าตามด่านชายแดนต่างๆ จะไม่ได้รับอนุญาตให้แลกเปลี่ยนเงินได้อีกต่อไป
นางเหวียนถิมิงลาน (Nguyen This Minh Land) ผู้อำนวยการฝ่ายแลกเปลี่ยนเงินตราของ SBV กล่าวว่าร้านค้าอัญมณีต่างๆ ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินเช่นเดียวกัน ผู้ที่ฝ่าฝืนจะต้องโทษปรับตั้งแต่ 2,650-4,420 ดอลลาร์
ที่ผ่านมาประชาชนทั่วไปสามารถซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศได้ปริมาณมากๆ อย่างเสรีจากร้านค้าหรือร้านริมถนนทั่วไป โดยไม่จำเป็นจะต้องแจ้งความประสงค์ว่าต้องการแลกเงินสกุลต่างชาติไปเพื่อการใด
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายได้ออกเตือนว่า ตลาดแลกเปลี่ยนเงินในเวียดนามที่ไม่มีระบบระเบียบควบคุม เป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจอย่างยิ่งและอาจจะเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดขาดแคลนเงินสกุลต่างชาติหมุนเวียนในระบบต่อหน้าวิกฤติการการเงินระดับโลก
เวียดนามขาดดุลการค้าอย่างมหาศาลในปีนี้ซึ่งทำให้มีความต้องการเงินสกุลดอลลาร์ในการนำเข้าสินค้ามากยิ่งขึ้น
สัปดาห์นี้หอการค้าอเมริกันในเวียดนามได้ออกเตือนว่า ต่อหน้าการคุกคามของเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกนี้ เวียดนามควรหามาตรการพึ่งตนเองและลดการบริโภคในประเทศลง เพื่อลดการนำเข้า
นายไมเคิ้ล พีซ (Michael Peace) ประธานหอการค้าอเมริกันฯ เสนอดังกล่าวระหว่างการประชุมสัมมนานัดหนึ่งที่จัดขึ้นในกรุงฮานอยเมื่อวันจันทร์.