ASTVผู้จัดการออนไลน์-- รัฐบาลเวียดนามเตรียมเข็ญมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอันใหญ่โตออกรับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อการเติบโตในประเทศ คาดว่าจะมีการประกาศออกมาใช้หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีปลายเดือนนี้
รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามคนที่ 1 นายเหวียนซิงหุ่ง(Nguyen Sinh Hung) เปิดเผยเรื่องนี้ ระหว่างสนทนากับกลุ่มนักธุรกิจหนุ่มสาวในกรุงฮานอยเมื่อวันอาทิตย์ ทั้งระบุว่ารัฐบาลถือการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นภาระเร่งด่วนที่สุด
เมื่อต้นเดือนนี้เวียดนามได้ประกาศใช้เงินงบประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ เข้ากระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งตั้งเป้าการขยายตัวที่ 7% สำหรับปีหน้า ภายใต้แผนการใหม่งบประมาณเพื่อการนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 6,000 ดอลลาร์ ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวเวียดนามเน็ต
เวียดนามซึ่งการขยายตัวของเศรษฐกิจขับเคลื่อนโดยการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศ กำลังได้รับผลกระทบรุนแรงจากเศรษฐกิจโลกตกต่ำ คาดว่ายอดส่งออกปีหน้าจะลดลงอย่างมหาศาลเนื่องจากความต้องการในตลาดปลายทางลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิตอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งแขนงตัดเย็บเสื้อผ้าส่งออกซึ่งปัจจุบันจ้างแรงงานหลายแสนคน
รองนายกฯ เวียดนามเปิดเผยว่า รัฐบาลจะระดมเงินจากทุกแหล่งที่เป็นไปได้ เข้าในงบกระตุ้นเศรษฐกิจรวมทั้งการออกพันธบัตรรัฐบาลด้วย และหากจำเป็นก็อาจจะต้องใช้เงินสำรองของประเทศ เข้าลงทุนสนับสนุนการผลิต ลงทุนในธุรกิจ ก่อให้เกิดการจ้างงาน และกระตุ้นการบริโภค เพื่อรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
รัฐบาลเวียดนามยังจะใช้อีกหลายมาตรการเสริมเข้าเพื่อการดังกล่าว รวมทั้งการลดภาษี ยกเว้นภาษีให้ธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
รัฐบาลจะใช้มาตรการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิดเพื่อลดความผันผวนในตลาด เพื่อสร้างเสถีรภาพให้แก่ธุรกิจต่างๆ นอกจากนั้นยังจะลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ลดต้นทุน และ มีผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ลง เพื่อรับประกันเสถียรภาพเศรษฐกิจจุลภาค ให้สามารถพัฒนาต่อไปได้
ส่วนหนึ่งของงบกระตุ้นเศรษฐกิจจะใช้ในการลงทุนก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในเขตชนบท รวมทั้งการก่อสร้างโรงเรียน โรงพยาบาลและสร้างบ้านเรือนเพื่อจำหน่ายหรือให้เช่าสำหรับราษฎรที่มีรายได้ต่ำ ใช้ในโครงการกำจัดความหิวโหย กับความยากจน ตลอดจนในโครงการวางแผนและพิทักษ์ป่าด้วย
ทั้งหมดนี้จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนโดยลดขั้นตอนต่างๆ ลง จากเดิมเป็นปี ให้เหลือระยะเวลาเป็นเดือนเท่านั้น
หลังจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1,000 ล้านดอลลาร์ ได้ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างหลากหลาย ผู้เชี่ยวชาญตั้งความหวังเอาไว้ว่า จะมีการลงทุนอย่างถูกต้อง และถูกเวลา
ในช่วงเดือนใกล้ๆ นี้ ราคาอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามตกต่ำลงอย่างมาก หลายโครงการต้องหยุดการก่อสร้างลงเนื่องจากขาดเงินหมุนเวียน ธุรกิจนี้ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเข้าโอบอุ้ม
ยังไม่มีการแถลงในรายละเอียดว่า รัฐบาลจะใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าไปในแขนงธุรกิจใดบ้าง แต่นายหุ่งกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเและอย่างรวดเร็วที่สุด
เวียดนามเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงมาตั้งแต่ต้นปี และที่ผ่านมามีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยกลางถึง 4 ครั้ง อัตราสุดท้ายที่ประกาศในเดือน ส.ค.สูงถึง 14% ซึ่งได้ทำให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์แห่งต่างๆ สูงกว่า 20%
"ในช่วงเวลาปัจจุบันรัฐบาลจะระดมความพยายามและให้ความสำคัญอันดับแรกต่อความต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ" นายหุ่งกล่าว
รัฐบาลยังใช้อีกหลายมาตรการดูดซับสภาพคล่องออกจากตลาด ขณะเดียวกันก็สกัดกั้นการปล่อยกู้ของสถาบันการเงินต่างๆ ทำให้เงินแห้งไปจากระบบ ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ในเดือน ต.ค. ธนาคารแห่งรัฐเวียดนามหรือ SBV (State Bank of Vietnam) ได้เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยลงจนปัจจุบันเหลือ 10% หลายฝ่ายคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลงครั้งใหญ่ต้นปีหน้า หลังเทศกาลวันตรุษผ่านไป
นายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งแรกในวันพุธ (3 ธ.ค.) หลังจากมีการประกาศลดดอกเบี้ยอีก 1% จาก 11 เหลือ 10% ในสัปดาห์เดียวกัน ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยมาตรฐานครั้งที่สี่ในรอบสองเดือน
ภายหลังการประชุมพิจารณาสถานการณ์เศรษฐกิจโลกคณะรัฐมนตรีได้ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาลดภาษีรายการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจของประเทศให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุด
"การลดดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่องจะสร้างเงื่อนไขสะดวกให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในการลดดอกเบี้ยสินเชื่อลง" ทางการระบุในคำแถลงอีกฉบับหนึ่งที่ออกผ่านทางเว็บไซต์ของรัฐบาล โดยระบุว่าการลดดอกเบี้ยก็เพื่อช่วยเหลือทุกฝ่าย ทั้งผู้บริโภค ผู้ผลิต ผู้ประกอบการรายย่อยและนักลงทุนทั่วไป
พร้อมๆ กับลดดอกเบี้ยมาตรฐาน SBV ยังลดเงินค้ำประกันสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ลง เพื่อช่วยสถาบันการเงินต่างๆ ให้บริหารเงินคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
คาดกันว่าปี 2552 เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศจะลดลงประมาณครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดประมาณ 65,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ปีนี้คาดว่านักลงทุนจะใช้จ่ายจริงประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์ เงินส่วนนี้คาดว่าจะลดลงในปีหน้า
กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าออกรายงานคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดส่งออกสินค้าหลักประเทศจะลดลงอย่างมากในปีหน้าเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดปลายทาง ไม่ว่าจะเป็นตลาดสหรัฐฯ หรือตลาดอียู
เวียดนามได้ลดเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจเหลือเพียง 6.5% ในปีหน้านี้ จาก 8.5% สำหรับปีนี้ก่อนจะลดลงเหลือเพียง 7% เวลาต่อมาและเชื่อว่าจะทำได้จริงเพียงประมาณ 6.7% เท่านั้น.