xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกข้าวโต 76% เวียดนามสั่งชาวนาเพลามือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#660099>ผลิตได้มากขึ้น--- คนงานกำลังแบกกระสอบข้าวสารไปส่งร้านค้าในกรุงมะนิลา ภาพถ่ายวันที่ 27 มี.ค.2552 ปีนี้ชาวนาฟิลิปปินส์ผลิตข้าวได้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่พอสำหรับประชากรเกือบ 100 ล้านคน ต้องนำเข้าปริมาณมหาศาลในแต่ละปี เมื่อต้นปีนี้ฟิลิปปินส์เซ็นสัญญาซื้อข้าวจากเวียดนามถึง 1.5 ล้านตัน.</FONT></CENTER>
ASTVผู้จัดการรายวัน -- ปีนี้เวียดนามผลิตข้าวได้เพิ่มขึ้นมาก ขณะที่การส่งออกในไตรมาสแรกขยายตัวถึง 76% เทียบปีต่อปี และทางการได้สั่งห้ามชาวนามิให้เพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวอีก คำสั่งนี้ยังห้ามมิให้เกษตรกรในแขนงอื่นๆ รวมทั้งกลุ่มที่เลี้ยงปลาส่งออก ชาวไร่กาแฟ และมะม่วงหิมะพานที่เป็นสินค้าหลักต่างๆ ด้วยโดยให้เหตุผลว่าผลผลิตล้นตลาด

ตามรายงาของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท ที่ออกในวันที่ 26 มี.ค.2552 ในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.ปีนี้ เวียดนามสงออกข้าวกว่า 1.74 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 71% และ มีมูลค่า 785 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 76.2% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ขณะที่ปริมาณที่เซ็นสัญญาซื้อขายจนถึงเดือน ก.พ.มีถึง 3.6 ล้านตัน เกินเป้าหมายส่งออกตลอดครึ่งแรกของปีนี้

ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ทางการเวียดนามได้ประกาศห้ามผู้ส่งออกเซ็นสัญญาซื้อขายใดๆ กับลูกค้าโพ้นทะเลอีกจนกว่าจะถึงเดือน มิ.ย. และ ข้าวที่เซ็นสัญญาซื้อขายไปแล้วทั้งหมดมีกำหนดส่งมอบตั้งแต่เดือนนี้ไปจนถึงเดือน มิ.ย.สื่อของทางการกล่าว

ต้นปีนี้ฟิลิปปินส์เพียงประเทศเดียวเซ็นสัญญาซื้อข้าวเวียดนามถึง 1.5 ล้านตัน และ ในเดือน มี.ค.เพียงเดือนเดียวมีการส่งออกข้าวถึง 700,000 ตัน ทั้งนี้เป็นตัวเลขของสมาคมอาหารเวียดนาม (Vietnam's Food Association) หรือ VietFood

สมาคมนี้ กล่าวว่า ราคาเอฟโอบี (FoB) สำหรับข้าวเวียดนามขึ้นลงอยู่ระหว่าง 435-460 ดอลลาร์ต่อตัน สำหรับข้าวผสมเมล็ดหัก 5% และ 400-410 ดอลลาร์ต่อตันสำหรับข้าวผสมข้าวหัก 25%

ทางการเวียดนามตั้งเป้าส่งออกทั้งปีระหว่าง 4.5-5 ล้านตัน แต่จะมีการพิจารณาปรับเป้าดังกล่าวประจำทุกไตรมาส และผู้ส่งออกกล่าวว่าปีนี้ชาวนาในเขตที่ราบปาแม่น้ำโขงผลิตข้าวได้มากกว่าทุกปี ซึ่งจะทำให้มีข้าวส่งออกได้กว่า 6 ล้านตัน

กระทรวงเกษตรฯ เวียดนาม กล่าวว่า การเก็บเกี่ยวข้าวฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิตที่กำลังดำเนินอยู่ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงอู่ข้าวใหญ่ที่สุดของประเทศขณะนี้จะได้ผลผลิตระหว่าง 9.6-9.8 ล้านตัน

เวียดนามนิวส์หนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามรายงานในฉบับวันอาทิตย์ (29 มี.ค.) ว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้สั่งให้ชาวนาทั้งประเทศ หยุดการขยายเนื้อที่นาในฤดูที่จะถึงนี้ เช่นเดียวกับเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงปลา ชาวไร่ที่ปลูกกาแฟ มะม่วงหิมะพาน รวมทั้งพริกไทยด้วย เนื่องจากปัจจุบันมีผลผลิตเกินความต้องการของตลาด

กระทรวงเกษตรฯ ได้เปิดเผยเรื่องนี้ระหว่างการประชุมสัมมนาหัวชื่อ "รูปโฉมของตลาดสินค้าการเกษตรเวียดนามปี 2552" ที่จัดขึ้นในนครโฮจิมินห์ในวันเสาร์โดยได้แนะนำให้ชาวนาและเกษตรหยุดการเพิ่มการเพาะปลูก หันไปทำการเกษตรเข้มข้นเพื่อพัฒนาคุณภาพผลผลิตแทน

ปัจจุบันเวียดนามเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับสองของโลก เป็นผู้ส่งออกเมล็ดกาแฟใหญ่อันดับสองรองจากประเทศบราซิล และส่งออกเมล็ดมะม่วงหิมะพานกับพริกไทย มากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เช่นเดียวกัน

หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันนี้รายงานด้วยว่า ปี 2552 นี้กระทรวงเกษตรฯ ได้ปรับลดเป้าการขยายตัวของภาคการเกษตรลงเหลือเพียง 2.8% จาก 3.79% เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ที่ไม่เอื้ออำนวยแก่การส่งออกผลผลิตของเกษตรกร ทำให้ต้องปรับโครงสร้างการผลิตต่างๆ ลง
<CENTER><FONT color=#660099> ภาพรอยเตอร์ถ่ายวันที่ 27 มี.ค.2552 ข้าวนำเข้าจากเวียดนามวางจำหน่ายในร้านค้าแห่งหนึ่งของกรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ไม่มีพื้นที่ทำนาเพื่อผลิตข้าวให้เพียงพอสำหรับการบริโภคของประชากรเกือบ 100 ล้าน</FONT></CENTER>
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะปรับลดเป้าการขยายตัวของภาคเศรษฐกิจนี้ลงต่ำมากแล้ว แต่ก็ยังจะต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด รวมทั้งการมองหาตลาดใหม่เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

ภาคการเกษตรเป็นแขนงเศรษฐกิจที่เป็นแหล่งการจ้างงานใหญ่ที่สุดของประเทศ กระทรวงเกษตรฯ ได้เรียกร้องให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องขยายการลงทุนในแขนงเศรษฐกิจนี้ โดยเน้นไปที่การผลิตเพื่อปรับปรุงคุณภาพของผลผลิต

การประชุมสัมมนาดังกล่าวจัดขึ้นโดยสถาบันนโยบายและยุทธศาสตร์เพื่อการเกษตรและพัฒนาชนบท โดยร่วมกับสำนักงานองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติประจำเวียดนาม

รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศใช้เงินงบประมาณ ราว 1,000 ล้านดอลลาร์ กับมาตรการอื่นๆ ที่มีมูลค่ารวมกันราว 6,000 ล้านดอลลาร์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก และได้ใช้เงินจำนวนมากในการสนับสนุนดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารพาณิชย์แห่งต่างๆ โดยผ่านธนาคารแห่งรัฐหรือ SBV (State Bank of Vietnam)

ภายใต้มาตรการดังกล่าว เมื่อปลายปีที่แล้วทางการได้มอบนโยบายให้ธนาคารที่รัฐบาลเป็นเจ้าของเร่งปล่อยกู้ให้แก่ผู้ค้าและผู้ส่งออกข้าว เพื่อให้มีเงินทุนออกรับซื้อข้าวจากชาวนา โดยมีหลักการว่าต้องให้ชาวนามีกำไรไม่น้อยกว่า 40% ในการจำหน่ายผลผลิต

มาตรการดังกล่าวได้ทำให้เวียดนามสามารถส่งออกข้าวได้มากขึ้นกว่าทุกปี ในไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่ชาวนาในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงยังคงเก็บเกี่ยวข้าวในฤดูที่ให้ผลผลิตมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกจำนวนหนึ่งมีความเห็นว่า การที่รัฐบาลสั่งห้ามทำสัญญาซื้อขายเพิ่มเติมในช่วงนี้ได้ทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกขยับสูงขึ้นไปอีก เวียดนามกำลังเสียโอกาสซ้ำรอยเดิมกับเมื่อปีที่แล้ว คือปล่อยให้ข้าวจากประเทศไทยกอบโกยกำไรอยู่เพียงฝ่ายเดียว.
กำลังโหลดความคิดเห็น