xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามเสียงอ่อยสิ้นหวังปีนี้จีดีพีโตไม่ถึง 7%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#ff0099> ร้านรับจ้างรีดเสื้อผ้าริมถนนเป็นธุรกิจที่ยังไปได้ดีภายใต้สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ชาวเวียดนามจำนวนไม่น้อยมีชีวิตอยู่กับกิจการริมถนน เช่นเดียวกันร้านรีดผ้าในกรุงฮานอยแห่งนี้ (เอเอฟพี) </FONT></CENTER>

ผู้จัดการรายวัน-- อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามปีนี้อาจจะไม่ถึง 7% ซึ่งนับเป็นการถดถอยอย่างรุนแรงในรอบหลายปี อันเนื่องมาจากเงินเฟ้อรุนแรง และเชื่อว่าอัตราเฟ้อจะยังอยู่ในระดับสูงต่อไปจนถึงต้นปีหน้า

กระทรวงวางแผนและการลงทุนได้ออกตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจล่าสุดประจำเดือน ส.ค. ระบุว่าเงินเฟ้ออาจจะลดลงฮวบในปีหน้า ซึ่งจะหนุนส่งให้เศรษฐกิจเวียดนามสามารถฟื้นตัวขึ้นมาและขยายตัวในอัตราสูงได้ต่อไป ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เตี่ยนฟง (Tien Phong)

รัฐสภาเวียดนามได้มีมติในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมารับรองการขอลดเป้าการขยายตัวของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี จาก 8.5-9.0% ลงเหลือเพียง 7% หลังจากเงินเฟ้อได้พุ่งขึ้นสูงมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่กระทรวงวางแผนฯ กล่าวว่า ตัวเลข 7% ก็อาจจะไม่สามารถทำได้

มองในแง่ดีก็คือ การผลิตอุตสาหกรรมของเวียดนามจะยายตัวต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ และเศรษฐกิจโลกที่กระเตื้องขึ้นมาในไตรมาสที่สามและสี่จะเป็นผลดีต่อการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งหากรูปการเป็นเช่นนี้การขยายตัวของจีดีพีจะอยู่ระหว่าง 6.6-6.8%

แต่ก็ยังมีเงื่อนไขอื่นๆ อีกคือ จะให้ได้ตัวเลข 6.6-6.8% อัตราเงินเฟ้อตลอดทั้งปีจะต้องไม่เกิน 30% จาก 28% ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. ที่ผ่านมา

มองในแง่ร้ายยิ่งขึ้น การขยายตัวของจีดีพีอาจจะทำได้เพียง 6.2-6.5% เท่านั้น เนื่องจากการผลิตอุตสาหกรรมอาจจะลดลงในช่วงเดือนที่เหลืออยู่ อันเนื่องมาจากขาดเงินทุน วัตถุดิบราคาสูงขึ้น ไฟฟ้าไม่พอใช้และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อาจจะผันผวนอย่างหนักในช่วงปลายปี

นักเศรษฐศาสตร์จำนวนหนึ่งยังมีความวิตกว่า เงินเฟ้อปลายปีอาจจะพุ่งขึ้นอีกเช่นเดียวกันกับทุกปี อันเนื่องมาจากเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment) ที่ไหลเข้าจำนวนมาก เช่นเดียวกับเงินที่ชาวเวียดนามโพ้นทะเลส่งกลับบ้านจำนวนมหาศาล

ทั้งสองสิ่งนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดประจำทุกปี สื่อของทางการกล่าว

ช่วงแปดเดือนแรกของปีนี้เวียดนามได้ตั้งอนุมัติโครงการ FDI มูลค่าเกือบ 44,000 ล้านดอลลาร์ และ ตั้งเป้าให้มีการใช้จ่ายเงินเข้าในโครงการจริงทั้งปีไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ เทียบกับประมาณ 6,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว

ภายใต้สถานการณ์ที่มีเงินสะพัดในตลาด เงินเฟ้อระหว่างเดือนอาจจะพุ่งขึ้นเป็นระหว่าง 1.7-2.2% ซึ่งอาจจะทำให้อัตราเฟ้อสะสมตลอดปีพุ่งขึ้นเป็น 31.5-33% แทนที่จะเป็น 29-30% ตามที่คาดหมาย

**ปีหน้าโตหรือหดตัวต่อไป?**

ผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงวางแผนฯ มองสถานการณ์เงินเฟ้อเวียดนามเป็นสองทิศทางสำหรับปี 2552 นี้

ความเป็นไปได้ประการแรกก็คือ หากสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ในระดับที่ยอมรับได้ เงินลงทุนต่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในระดับ 110-130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาเหล็กก่อสร้างลดลงเพียงเล็กน้อย เศรษฐกิจเวียดนามจะยังเติบโตต่อไปอย่างมั่นคง

ถ้าหากพื้นฐานต่างๆ เป็นไปดังคาด จีดีพีจะขยายตัว 7-7.5% อัตราเฟ้อของเงินจะลดลงเหลือ 13-15% ขณะที่การขาดดุลการค้าจะอยู่ประมาณ 22,000 ล้านดอลลาร์ การลงทุนภายในประเทศในปี 2552 ก็จะสูงขึ้นกว่าในปี 2551 โดยคิดเป็นประมาณ 41.06% ของจีดีพี และการขาดดุลงบประมาณจะเป็นประมาณ 5.11% ของจีดีพี

เมื่อมองในทางที่เป็นลบมากกว่า หากเวียดนามไม่สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ตามเป้าหมาย ก็จะทำให้การผลิตแขนงต่างๆ ตกอยู่ในความยากลำบาก ขาดแคลนเงินทุนและอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นอีก

หากสภาพการณ์เป็นเช่นนี้จะทำให้รัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องลดการลงทุนของภาครัฐและต่อสู้กับการขาดดุลการค้าต่อไป

ภายใต้การคาดการณ์ในทางที่เลวร้ายลงนี้ จีดีพีปี 2552 จะขยายตัว 6-6.5% เงินเฟ้อจะอยู่ระหว่าง 10-12% ตัวเลขขาดดุลจะอยู่น้อยกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ การลงทุนภายในประเทศอยู่ในระดับเดียวกับปี 2551 และการขาดดุลงบประมาณก็จะลดลงเหลือต่ำกว่า 4.8% ของจีดีพี

ถึงแม้จะมีความพยายามยิ่งยวดและอย่างต่อเนื่องก็ตาม สถานการณ์เงินเฟ้อในเวียดนามยังคงรุนแรง อัตราเฟ้อปีต่อปีในเดือน ส.ค.นี้ พุ่งขึ้นสูงถึง 28.3% เช่นเดียวกันกับตัวเลขขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทะลุ 16,000 ล้านดอลลาร์

แต่ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อระหว่างเดือนเพิ่มขึ้น 1.56% จากเดือน ก.ค. ลดลงจาก 2.4% ระหว่างเดือน มิ.ย.-ก.ค. ทำให้อัตราเฟ้อตั้งแต่ต้นปีกลายเป็น 21.7% ทั้งนี้เป็นตัวเลขคาดการณ์เบื้องต้นของสำนักงานใหญ่สถิติเวียดนาม (Vietnam's General Statistics Office)

เศรษฐกิจเวียดนามเจอปัญหาเงินเฟ้อที่แก้ไม่ตก โดยมีอัตราเป็นตัวเลข 2 หลักมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วและรุนแรงยิ่งขึ้นในต้นปีนี้ ขณะที่ราคาข้าวและอาหารในตลาดโลกพุ่งขึ้นสูง ฉุดราคาขายในประเทศพุ่งขึ้นตาม จนเกิดความปั่นป่วนขึ้นในสังคมในเดือน เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา.
กำลังโหลดความคิดเห็น