เกรด้า ทุนเบิร์ก “ไวรัสไม่ใช่ฮีโร่ ยารักษาโลก” ขอให้ประชาชนเปลี่ยนวิถีชีวิตเมื่อผ่านพ้นวิกฤตไวรัสโคโรนาแล้ว

“โลกควรปฏิบัติต่อภาวะโลกร้อน เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติต่อไวรัสโคโรนา”
“ไวรัสไม่ใช่ฮีโร่! ยารักษาโลก”


เกรด้า ทุนเบิร์ก เยาวชนนักเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านภาวะโลกร้อน ซึ่งได้เข้าร่วมการประชุมออนไลน์ (virtual meeting) กับ โจฮาน ร็อคสตรอม ( Johan Rockström) นักวิทยาศาสตร์และผู้อำนวยการของสถาบัน Potsadam Institute กล่าวเมื่อวันคุ้มครองโลก 22 เม.ย.ที่ผ่านมา (Earth Day) พร้อมแสดงความเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า


“โลกสามารถร่วมมือกัน แก้ไขปัญหา Covid-19 ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ในขณะเดียวกันพวกเราควรปฏิบัติต่อภาวะโลกร้อนอย่างเร่งด่วนด้วยเช่นเดียวกัน”


เกรด้า และ โจฮาน ให้ความเห็นตรงกันว่า ไวรัสไม่ใช่ฮีโร่ที่มาช่วยสิ่งแวดล้อม การล็อกดาวน์ (Lockdown) ทำให้มีการลดของก๊าซเรือนกระจกก็จริง เนื่องจากมีการหยุดชะงักของอุตสาหกรรมน้ำมัน สาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน แต่ผู้คนมากมายก็ต้องทุกข์ทรมานเดือดร้อน สูญเสียคนที่รัก อีกทั้งยังชะลอความเคลื่อนไหวสำหรับการแก้ไขภาวะโลกร้อนที่เป็นรูปธรรมด้วย


โจฮาน กล่าวอีกว่า “โรคระบาดเกี่ยวข้องกับการทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่า การค้าขายสัตว์ป่า ทำให้ไวรัสแพร่กระจายจากพื้นที่ๆมันควรอยู่ มลภาวะในอากาศที่เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์ทำให้ทางเดินหายใจของมนุษย์อ่อนแอ และติดโรคได้ง่ายขึ้น ส่วนการคมนาคมขนส่งและโดยสารทางอากาศมีส่วนทำให้การแพร่กระจายของโรคอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกัน ทุกคนบนโลกใช้ชีวิตอุปโภคบริโภคเกินขีดจำกัดจนส่งผลกระทบต่อพวกเราและสิ่งแวดล้อม”


เกรด้า กล่าวอีกว่า “ในช่วงสถานการณ์โควิดแบบนี้ เราไม่ควรปล่อยให้กลุ่มผู้มีผลประโยชน์ฉวยโอกาสลดหย่อนข้อบังคับ Climate change ต่างๆ การปรับตัวเป็นสิ่งที่จำเป็นในภาวะวิกฤตแบบนี้ ผู้คนคิดว่าพวกเราจะยอมแพ้ แต่ไม่ เราจะกลับมาใหม่”


ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกให้ความสนใจภาวะโลกร้อนมากขึ้น อันเป็นผลมาจากสภาพดินฟ้าอากาศที่ส่งผลกระทบรุนแรงจนน่าตกใจ ( 5 ปีล่าสุดเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ ) บวกกับมีความเคลื่อนไหวของกลุ่ม Fridays for Future และ Extinction Rebellion ทั่วโลก แต่ผลจากโควิด ทำให้การเคลื่อนไหวต้องหยุดชะงักลง


หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าภาวะโลกร้อนนั้นเป็นภาวะเร่งด่วนพอๆกับโควิด งานวิจัย IPCC ปี 2018 กล่าวว่าเรามีความจำเป็นต้องคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 C ( ขณะนี้เพิ่มไปแล้ว 1.1 C) มิเช่นนั้นสภาพอากาศจะเสียหายถาวร อุณหภูมิเพียงเล็กน้อยที่เพิ่มขึ้นจะสร้างความเสียหายแก่ระบบนิเวศ แหล่งอาหารในอนาคต จะต้องมีผู้ลี้ภัยจากสภาพอากาศที่รุนแรงและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูง (จากน้ำแข็งขั้วโลกที่ละลาย) Carbon Budget ที่เรามีเหลือขณะนี้ อยู่ที่แค่ 10 ปี ก่อนที่โลกจะแตะเส้นที่กำหนดไว้ และยังไม่มีประเทศใดในโลกลดก๊าซเรือนกระจกได้สำเร็จตามเป้าหมายเลย

ข้อมูลอ้างอิง https://www.theguardian.com/…/earth-day-greta-thunberg-call…