xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต. หนุนสถาบันไทยพัฒน์จัดทำตัวชี้วัดความคืบหน้า CSR และการต้านคอร์รัปชัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วรพล โสคติยานุรักษ์
ก.ล.ต. สนับสนุนสถาบันไทยพัฒน์ จัดทำดัชนีชี้วัดเพื่อประเมินระดับการพัฒนาด้าน CSR และการป้องกันการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคอร์รัปชันสำหรับบริษัทจดทะเบียน ด้วยตัวชี้วัดตั้งแต่ระดับ 0 ถึง ระดับ 5 เป็นครั้งแรกของไทย บริษัทจดทะเบียนสามารถนำผลการประเมินไปพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น คาดว่าปีแรกบริษัทจดทะเบียนทุกแห่งจะได้ระดับที่ 1 หมายถึงบริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญ โดยมีเจตนารมณ์ในการปฏิบัติตามกฎหมายพร้อมทั้งสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรับทราบ

วรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ลงทุนเปลี่ยนมุมมองการลงทุนที่มุ่งไปสู่การให้ความสำคัญ
บริษัทจดทะเบียนที่มีการพัฒนาความยั่งยืน มิได้พิจารณาผลประกอบการเพียงอย่างเดียว ก.ล.ต. จึงให้ความสำคัญ
และผลักดันการพัฒนาความยั่งยืนในบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้มีผลประกอบการที่ดีอย่างยั่งยืนไป ควบคู่ไปกับสังคมที่ดี
และสิ่งแวดล้อมที่ดี
ทั้งนี้ การพัฒนาความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดทุนไทยจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือ 3 ด้าน ให้ทำงานพร้อมๆ กัน คือ (1) Self Discipline คือการที่บริษัทจดทะเบียนมีความตั้งใจที่จะดำเนินการเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของตน (2) Market Discipline การสร้างแรงผลักดันทางสังคม (3) Regulatory Discipline คือ การออกกฎเกณฑ์ที่จำเป็นเพื่อกระตุ้นให้เกิดการปฏิบัติ

อาจกล่าวได้ว่า เรื่อง CSR และการป้องกันการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคอร์รัปชันเป็น 2 เรื่องหลักสำคัญ ที่ทำให้เกิดการพัฒนาความยั่งยืน แต่ที่ผ่านมายังไม่มีตัวชี้วัดการประเมินการดำเนินการที่ชัดเจน แนวคิดการออกแบบตัวชี้วัดความคืบหน้าการพัฒนาด้านดังกล่าวของบริษัทจดทะเบียน ดังนั้น ก.ล.ต.จึงสนับสนุนให้สถาบันไทยพัฒน์ออกแบบตัวชี้วัดที่อ้างอิงจากกรอบการดำเนินงานที่เป็นมาตรฐานสากลเป็นครั้งแรกของไทย

การประเมินบริษัทจดทะเบียนไทยด้วยตัวชี้วัดด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR Progress Indicator) และการป้องกันการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคอร์รัปชัน (Anti-corruption Progress Indicator) จะเป็นประโยชน์สำหรับบริษัทจดทะเบียนทุกแห่ง เนื่องจากจะเป็นข้อมูลที่ทำให้ทราบถึงระดับการพัฒนาของตนเอง รวมถึงเป็นโอกาสดีที่จะได้นำข้อมูลผลการประเมินมาใช้ประกอบการคิดกลยุทธ์ทางธุรกิจ และเมื่อบริษัทจดทะเบียนดำเนินธุรกิจด้วยความคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยรอบ ตั้งแต่ระดับกิจการ สู่ระดับชุมชนและระดับสังคม ย่อมส่งผลให้ธุรกิจอยู่รอดได้อย่างยั่งยืนต่อไป

เลขาธิการก.ล.ต. กล่าวชื่นชมบริษัทจดทะเบียนไทยว่า ที่ผ่านมาได้ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวมาก แต่ ระดับการพัฒนาของ
แต่ละบริษัทมีความแตกต่างกัน ก.ล.ต. จึงคาดหวังให้มีความตระหนักในความสำคัญและพัฒนาอย่างต่อเนื่องไปทิศทาง
ที่ทำให้เกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริงตามศักยภาพของแต่ละบริษัท และคาดว่าในปี 2557 จะมีการพัฒนาการอย่างน้อยในระดับเริ่มต้นหรือระดับที่ 1 หมายถึงบริษัทมีเจตนารมณ์ในการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และสามารถสื่อสารให้ผู้มีส่วนได้เสียได้รับทราบ
"สำหรับบริษัทจดทะเบียนไทยอีกจำนวนมากที่มีการพัฒนาการไปมากแล้วก็สามารถใช้ตัวชี้วัดดังกล่าวเพื่อจะดำเนินการให้ดียิ่งขึ้นต่อไป นอกจากนี้ ผู้ลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ยังสามารถนำผลประเมินมาประกอบเป็นปัจจัยหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ หรือพิจารณาลงทุน โดยผลการประเมินคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 จะถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ของ ก.ล.ต. ต่อไป”
พิพัฒน์ ยอดพฤติการ
ด้าน พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ผู้อำนวยการ สถาบันไทยพัฒน์ กล่าวถึงการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ว่า “สถาบันไทยพัฒน์ได้รับความไว้วางใจจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในการให้เป็นผู้ประเมินระดับการพัฒนาความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน ถือเป็นภารกิจที่สอดรับกับการดำเนินงานตามแนวทาง “การร่วมมือกัน” ของสถาบัน ด้วยการใช้ศักยภาพจากการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กร เข้าเป็นหุ้นส่วนการดำเนินงานในทางที่เสริมสมรรถภาพซึ่งกันและกัน ทำให้สามารถขยายผลกระทบการทำงานในลักษณะของการเป็นหุ้นส่วนเพื่อสังคม (Social Partnership) โดยใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญของแต่ละองค์กรในทิศทางที่เสริมกันและทวีคุณค่ามากกว่าการทำงานโดยองค์กรเดียว”

การประเมินระดับ CSR และระดับการป้องกันการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคอร์รัปชันสำหรับบริษัทจดทะเบียนแบ่งเป็น 5 ระดับ
(มีผลคะแนนตั้งแต่ 0 ถึง 5)

ส่วนการประเมินระดับการป้องกันการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคอร์รัปชันแบ่งออกเป็น 5 ระดับเช่นกัน


ทั้งนี้ สถาบันไทยพัฒน์ได้คิดเกณฑ์การประเมินทั้ง 5 ระดับจากการอ้างอิงมาตรฐานสากลมาประยุกต์ใช้ ได้แก่

กำลังโหลดความคิดเห็น