คนส่วนใหญ่ตื่นเช้ามาออกกำลังคิดว่าอากาศสดชื่น มลพิษน้อย อากาศเย็น ร่างกายยังสดชื่น เพราะได้พักมาทั้งคืน แต่อาจเป็นการทำร้ายสุขภาพมากกว่า!!
เพราะตอนเย็น กินเสร็จเข้านอน ไม่ได้ใช้พลังงาน ขณะที่หลับ ตับจะทำการเปลี่ยนสารอาหาร แล้วนำไปเก็บไว้ในอวัยวะต่างๆ เช่น น้ำตาลเปลี่ยนเป็นไกลโคเจน ไตรกรี เซอร์ไรด์ ไขมันเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน โปรตีนเปลี่ยนเป็นฟอสฟาเจน
เมื่อตื่นนอนจึงไม่มีพลังงานหลงเหลืออยู่ในเลือด เหมือนกับรถยนต์น้ำมันแห้ง หากออกกำลังกาย ตับจะต้องดึงสารอาหารที่เปลี่ยนไปเก็บไว้ ให้กลับเป็นสารพลังงานในเลือดใหม่เกือบจะทันที
ตับจะต้องทำงานหนักเพิ่มแค่ไหน จะทนสภาพนี้ได้นานเท่าไร เพราะไม่ได้พักเลย เหมือนคนกินเหล้า แล้วไม่กินอาหาร ตับต้องไปดึงสารอาหารจากที่ต่างๆ มาให้แอลกอฮอล์เผาผลาญ นานๆ เข้า ในตับมีแต่ไขมัน คนนั้นอาจกลายเป็นโรคตับแข็งได้
ที่ถูกต้อง จะต้องกินอาหารและรอ 2 ช.ม.ก่อนจึงจะไปออกกำลังได้ เช่น กินอาหาร ตี 5 พอ 7 โมงเช้าจึงจะออกกำลังกายได้
ฝรั่งมีแต่คำว่า morning walk ไม่เคยได้ยิน morning jogging เลย นั่นคือ ตอนเช้าออกกำลังกายเบาๆได้เท่านั้น เช่น เดินออกกำลัง โดยก่อนเดินก็จะกินอาหารเบา ๆ เช่น แซนด์วิช 1 ชิ้นกับโอวัลติน 1 ถ้วย ซึ่งจะใช้เวลาย่อยอาหารสัก 1/2 - 1 ช.ม. ก็พอ คือกินเล็กน้อย ออกกำลังกายเบาๆ ก็ใช้พลังงานน้อย
ตื่นนอนเช้า ร่างกายยังไม่มีพลังงาน จำเป็นต้องกินอาหารก่อน แต่หลังกินอาหารอิ่ม ก็ยังไม่ควรไปออกกำลังกายทันที เพราะหลังกินอาหารช่วง 2 ช.ม.แรก จะมีเลือดมารอรับอาหารที่จะถูกย่อย ที่กระเพาะและลำไส้เป็นจำนวนมาก เพื่อพาไปแจกจ่ายยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
ถ้าออกกำลังกายหนักๆ ในตอนนี้ เช่น การวิ่งซึ่งต้องการเลือดมาเลี้ยงที่ขา 20 เท่าตัวของสภาวะปกติ เมื่อเลือดมารวมอยู่ที่กระเพาะเป็นจำนวนมาก บวกกับที่ขาอีก 20 เท่าดังกล่าว จะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้หน้ามืด เป็นลม หรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจตายเฉียบพลัน ถึงชีวิตได้
จึงห้ามออกกำลังหลังกินอาหารไม่ถึง 2 ช.ม.เด็ดขาด
รอให้อาหารย่อยหมดแล้ว เลือดที่กระเพาะก็จะกระจายกลับไปหมด ถึงตอนนี้จะออกวิ่งก็จะปลอดภัย
ลองพิจารณาการออกกำลัง ตอนเย็นบ้าง ถ้าเรากินอาหารเช้ากับกลางวัน พอตกเย็นรับรองว่าพลังงานยังมีเหลือเฟือ ตอนที่ทำงานใช้ไปไม่หมดแน่นอน สามารถออกกำลังกายได้เลย แต่อาจเติมอาหารอีกสักเล็กน้อย ก่อนไปออกกำลัง จะทำให้ไม่รู้สึกโหย (ความจริงไม่ต้องไปกินอะไรเลยก็ได้)
ข้อสำคัญ เมื่อออกกำลังตอนเย็นเสร็จแล้ว ให้ดื่มน้ำ โดยค่อยๆ ดื่ม จนรู้สึกอิ่ม พอกลับถึงบ้าน ท่านจะไม่รู้สึกหิวและไม่อยากกินอะไรอีก
และหลังออกกำลังกายตอนเย็นนี้แล้ว เมื่อถึงเวลาเข้านอน จะเหลือสารอาหารค้างน้อยที่สุด ตับไม่ต้องทำงานมาก สารอาหารไม่ไปเก็บตามที่ต่างๆ จึงไม่ทำให้อ้วน และไม่เหลือค้าง ในหลอดเลือด โดยเฉพาะไขมัน จึงเป็นวิธีที่จะลดไขมันในเลือดได้ดีที่สุด โดยไม่ต้องกินยา
จากงานวิจัยต่างประเทศ พบว่า การออกกำลังกายตอนเช้าจะทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายลดลง ส่วนการออกกำลังตอนเย็นจะทำให้ภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น
มีข้อแนะนำ คือ ออกกำลังกายแบบแอโรบิกก่อนนอนเช่น เดินบนสายพาน หรือขี่จักรยาน 30 นาที - 60 นาที หรือยืนแกว่งแขน 20 นาที ก่อนนอน ไม่ต้องกลัวว่าจะนอนไม่หลับ เพราะร่างกายจะหลั่ง "เอนดอร์ฟีน" ออกมา ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายๆ มอร์ฟีนที่ใช้ฉีดให้คนไข้หลังผ่าตัด จะทำให้ง่วงนอน คลายความเจ็บปวด คลายเครียดได้ดี
ฉะนั้น ออกกำลังกายเสร็จ อาบน้ำ แล้วเข้านอนเลย ท่านจะนอนหลับสนิทชนิดไม่ฝัน ซึ่งจะต้องการการนอนเพียง 5 ช.ม. ก็เพียงพอ สังเกตว่าตอนทำงานช่วงกลางวัน จะไม่เพลีย ไม่ง่วง
นอกจากนี้มีงานวิจัยใหม่ๆ ออกมา พบว่า คนนอน 5 ช.ม. มีโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน น้อยกว่าพวกนอน 7-8 ช.ม.ด้วย
___________________________________
ข้อมูล : จากบทความ “ออกกำลังกายตอนเช้าหรือตอนเย็นดี..?? โดยหมอเสก จุฬาฯ”
เพราะตอนเย็น กินเสร็จเข้านอน ไม่ได้ใช้พลังงาน ขณะที่หลับ ตับจะทำการเปลี่ยนสารอาหาร แล้วนำไปเก็บไว้ในอวัยวะต่างๆ เช่น น้ำตาลเปลี่ยนเป็นไกลโคเจน ไตรกรี เซอร์ไรด์ ไขมันเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน โปรตีนเปลี่ยนเป็นฟอสฟาเจน
เมื่อตื่นนอนจึงไม่มีพลังงานหลงเหลืออยู่ในเลือด เหมือนกับรถยนต์น้ำมันแห้ง หากออกกำลังกาย ตับจะต้องดึงสารอาหารที่เปลี่ยนไปเก็บไว้ ให้กลับเป็นสารพลังงานในเลือดใหม่เกือบจะทันที
ตับจะต้องทำงานหนักเพิ่มแค่ไหน จะทนสภาพนี้ได้นานเท่าไร เพราะไม่ได้พักเลย เหมือนคนกินเหล้า แล้วไม่กินอาหาร ตับต้องไปดึงสารอาหารจากที่ต่างๆ มาให้แอลกอฮอล์เผาผลาญ นานๆ เข้า ในตับมีแต่ไขมัน คนนั้นอาจกลายเป็นโรคตับแข็งได้
ที่ถูกต้อง จะต้องกินอาหารและรอ 2 ช.ม.ก่อนจึงจะไปออกกำลังได้ เช่น กินอาหาร ตี 5 พอ 7 โมงเช้าจึงจะออกกำลังกายได้
ฝรั่งมีแต่คำว่า morning walk ไม่เคยได้ยิน morning jogging เลย นั่นคือ ตอนเช้าออกกำลังกายเบาๆได้เท่านั้น เช่น เดินออกกำลัง โดยก่อนเดินก็จะกินอาหารเบา ๆ เช่น แซนด์วิช 1 ชิ้นกับโอวัลติน 1 ถ้วย ซึ่งจะใช้เวลาย่อยอาหารสัก 1/2 - 1 ช.ม. ก็พอ คือกินเล็กน้อย ออกกำลังกายเบาๆ ก็ใช้พลังงานน้อย
ตื่นนอนเช้า ร่างกายยังไม่มีพลังงาน จำเป็นต้องกินอาหารก่อน แต่หลังกินอาหารอิ่ม ก็ยังไม่ควรไปออกกำลังกายทันที เพราะหลังกินอาหารช่วง 2 ช.ม.แรก จะมีเลือดมารอรับอาหารที่จะถูกย่อย ที่กระเพาะและลำไส้เป็นจำนวนมาก เพื่อพาไปแจกจ่ายยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
ถ้าออกกำลังกายหนักๆ ในตอนนี้ เช่น การวิ่งซึ่งต้องการเลือดมาเลี้ยงที่ขา 20 เท่าตัวของสภาวะปกติ เมื่อเลือดมารวมอยู่ที่กระเพาะเป็นจำนวนมาก บวกกับที่ขาอีก 20 เท่าดังกล่าว จะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้หน้ามืด เป็นลม หรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หัวใจตายเฉียบพลัน ถึงชีวิตได้
จึงห้ามออกกำลังหลังกินอาหารไม่ถึง 2 ช.ม.เด็ดขาด
รอให้อาหารย่อยหมดแล้ว เลือดที่กระเพาะก็จะกระจายกลับไปหมด ถึงตอนนี้จะออกวิ่งก็จะปลอดภัย
ลองพิจารณาการออกกำลัง ตอนเย็นบ้าง ถ้าเรากินอาหารเช้ากับกลางวัน พอตกเย็นรับรองว่าพลังงานยังมีเหลือเฟือ ตอนที่ทำงานใช้ไปไม่หมดแน่นอน สามารถออกกำลังกายได้เลย แต่อาจเติมอาหารอีกสักเล็กน้อย ก่อนไปออกกำลัง จะทำให้ไม่รู้สึกโหย (ความจริงไม่ต้องไปกินอะไรเลยก็ได้)
ข้อสำคัญ เมื่อออกกำลังตอนเย็นเสร็จแล้ว ให้ดื่มน้ำ โดยค่อยๆ ดื่ม จนรู้สึกอิ่ม พอกลับถึงบ้าน ท่านจะไม่รู้สึกหิวและไม่อยากกินอะไรอีก
และหลังออกกำลังกายตอนเย็นนี้แล้ว เมื่อถึงเวลาเข้านอน จะเหลือสารอาหารค้างน้อยที่สุด ตับไม่ต้องทำงานมาก สารอาหารไม่ไปเก็บตามที่ต่างๆ จึงไม่ทำให้อ้วน และไม่เหลือค้าง ในหลอดเลือด โดยเฉพาะไขมัน จึงเป็นวิธีที่จะลดไขมันในเลือดได้ดีที่สุด โดยไม่ต้องกินยา
จากงานวิจัยต่างประเทศ พบว่า การออกกำลังกายตอนเช้าจะทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายลดลง ส่วนการออกกำลังตอนเย็นจะทำให้ภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น
มีข้อแนะนำ คือ ออกกำลังกายแบบแอโรบิกก่อนนอนเช่น เดินบนสายพาน หรือขี่จักรยาน 30 นาที - 60 นาที หรือยืนแกว่งแขน 20 นาที ก่อนนอน ไม่ต้องกลัวว่าจะนอนไม่หลับ เพราะร่างกายจะหลั่ง "เอนดอร์ฟีน" ออกมา ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายๆ มอร์ฟีนที่ใช้ฉีดให้คนไข้หลังผ่าตัด จะทำให้ง่วงนอน คลายความเจ็บปวด คลายเครียดได้ดี
ฉะนั้น ออกกำลังกายเสร็จ อาบน้ำ แล้วเข้านอนเลย ท่านจะนอนหลับสนิทชนิดไม่ฝัน ซึ่งจะต้องการการนอนเพียง 5 ช.ม. ก็เพียงพอ สังเกตว่าตอนทำงานช่วงกลางวัน จะไม่เพลีย ไม่ง่วง
นอกจากนี้มีงานวิจัยใหม่ๆ ออกมา พบว่า คนนอน 5 ช.ม. มีโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน น้อยกว่าพวกนอน 7-8 ช.ม.ด้วย
___________________________________
ข้อมูล : จากบทความ “ออกกำลังกายตอนเช้าหรือตอนเย็นดี..?? โดยหมอเสก จุฬาฯ”