เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ล่าสุดหลังซาอุฯนำชาติพันธมิตรตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ แบบปิดล้อมทุกด้าน ทำให้เกิดความแตกตื่นภายในประเทศ กลัววิกฤตขาดคลนสินค้าในประเทศ โดยเฉพาะอาหาร พบชาวกาตาร์แห่เข้าคิว ซื้อสินค้ากักตุนทันที คล้อยหลังรายงานข่าวตัดสัมพันธ์กระจายไปทั่ว
เอเอฟพีรายงานวันนี้(6 มิ.ย)ว่า ทั้งนี้ประเทศกาตาร์ที่มีขนาดเล็ก และมีพรมแดนทางแผ่นดินติดกับซาอุฯเท่านั้น จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าอาหารจากประเทศต่างๆในอ่าวอาหรับผ่านเข้ามาทางซาอุดีอาระเบีย
แต่ทว่าในวันจันทร์(5 มิ.ย) บรรดาชาติอาหรับที่เป็นพันธมิตรกับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งรวมไปถึงอียิปต์ บาห์เรน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เยเมน ยอมเดินตามคำสั่งแดนเศรษฐีน้ำมัน ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ โดยกล่าวหาว่า กาตาร์นั้นสนับสนุนก่อการร้าย กลายเป็นวิกฤตความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี
สื่ออัลอารบิยารายงานเพิ่มเติมว่า ในการประกาศตัดความสัมพันธ์ พลเมืองกาตาร์ที่อาศัยอยู่ภายในซาอุฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน ได้ให้เงื่อนเวลาแค่ 14 วัน ต้องเดินทางออกนอกประเทศเหล่านี้ ส่วนระดับเจ้าหน้าที่การทูต มีเวลาเพียงแค่ 48 ช.มที่ต้องเดินทางกลับกาตาร์เช่นเดียวกัน ซึ่งประเทศทั้ง 4 ที่ร่วมตัดสัมพันธ์ สั่งปิดพรมแดน และน่านฟ้า รวมไปถึงทางทะเล
เอเอฟพีชี้ว่า ในกรุงโดฮา ห้างสรรพสินค้าที่คล้ายกับคาร์ฟูของฝรั่งเศส มีประชาชนชาวกาตาร์ต่อแถวยาวนับได้ถึง 25 คนที่ห้างซิตี เซนเตอร์ มอล( City Center mall) ใจกลางเมือง ซึ่งถือเป็นย่านที่มีธุรกิจคับคั่งมากที่สุด เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังข่าวการตัดสัมพันธ์ระหว่างซาอุฯและพันธิมิตรกับกาตาร์ได้รายงานออกไป
ประชาชนชาวกาตาร์ต่างตุนสะเบียงอาหารจนเต็มคันรถช็อปปิ้ง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นสินค้าที่จำเป็นสำหรับการบริโภค เช่น นม ข้าว และไก่
ท่ามกลางประชาชนกาตาร์จำนวนหลายร้อยคนที่ต่างง่วนหาสินค้าจำเป็นหากเกิดวิกฤตฉุกเฉิน มีชาวศรีลังกาที่อาศัยอยู่ในกาตาร์รวมอยู่ในนั้น อาเซอร์(Azir) ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า ต้องเร่งออกมาที่ร้านเพื่อเลือกซื้อสิ่งของกักตุนหลังจากญาติที่รู้จักได้โทรศัพท์มาหาหลังมีรายงานข่าวทางโทรทัศน์ถึงการประกาศตัดความสัมพันธ์เกิดขึ้น
โดยอาเซอร์กล่าวว่า “ผมกำลังนอนหลับอยู่ในระหว่างที่มีเสียงโทรศัพทางไกลจากประเทศศรีลังกา และปลุกให้ผมตื่นขึ้น” เอเอฟพีรายงานว่า อาเซอร์กล่าวให้สัมภาษณ์โดยที่รถเข็นใส่สินค้าของเขา เต็มไปด้วยผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กทารก เนื่องจากเขามีลูกอ่อนวัย 18 เดือน
และกล่าวยืนยันว่า “ผมมาที่นี่เพราะเกิดวิกฤต”
เออเฟพีรายงานว่า กาตาร์ต้องพึ่งพาด้านอาหารจากซาอุดีอาระเบีย เป็นต้นว่า เนื้อไก่ และส่งผลทำให้โลกโซเชียลมีเดียกาตาร์ระอุในวันจันทร์(5 มิ.ย) หลังชาวกาตาร์บนเน็ตต่างกล่าวประท้วงว่า ต่อแต่นี้ต้องหันไปบริโภคเนื้อไก่จากโอมานแทน
และสถานการณ์ผู้บริโภคชาวกาตาร์แห่เข้าร้าน เกิดขึ้นในซุปปเอร์มาร์เก็ต อัล-มีรา(Al-Meera) ซึ่งในจำนวนนี้ รวมไปถึง เดนนิส( Denis) จากเยอรมัน โดยเขาได้ให้ความเห็นกับเอเอเฟพีว่า โดยเชื่อว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น “นี่เป็นแค่ใบเหลืองเตือนเท่านั้น” และกล่าวต่อว่า “พวกเขาจะทำอะไรได้ นี่เป็นหนึ่งในประเทศที่รวยที่สุดในโลก”
ทั้งนี้รัฐบาลกาตาร์พยายามจะไม่ให้ประชาชนแตกตื่น ด้วยการประกาศว่า ***“เส้นทางการส่งสินค้า และน่านฟ้ายังเปิดตลอดสำหรับสินค้านำเข้าสู่กาตาร์” *** แต่อย่างไรก็ตาม สื่อัล อารบิยาชี้ว่า นอกจากการปิดพรมแดนทุกด้านต่อกาตาร์จากทั้ง 4 ประเทศแล้ว ยังรวมไปถึงปิดกั้นทางการค้ากับกาตาร์แบบเบ็ดเสร็จ
และยืนยันว่า “รัฐบาลกาตาร์จะออกมาตรการที่จำเป็น...เพื่อขัดขวางความพยายามในการที่จะมีอิทธิพลและทำร้ายสังคมชาวกาตาร์ และระบบเศรษฐกิจโดยรวม” รายงานจากแถลงการณ์ของรัฐบาลโดฮา
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ เอเอฟพีเชื่อว่า ภาคอุตสาหกรรมที่อาจจะได้รับผลร้ายจากวิกฤตความสัมพันธ์ระหว่างประเทศครั้งใหญ่นี้คือ ภาคอุตสาหกรรมส่งออก ที่รวมไปถึงสินค้า เป็นต้นว่า เครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิก หรือปศุสัตว์ที่จะถูกบนส่งเข้าซาอุฯทางบก
อ้างอิงตัวเลขจากองค์การสหประชาชาติพบว่า ยอดมูลค่าส่งออกรวมที่กาตาร์ส่งออกไปยังซาอุฯอยู่ที่ 896 ล้านดอลลาร์ ในปี 2015
แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรการห้ามเดินทางที่ออกมาจากริยาด อาจกระทบอย่างหนักต่อบรรดาคนขับแท็กซีที่มีเป็นจำนวนมากมาจากเอเชียใต้ เนื่องจากต้องพึ่งพารายได้จากบรรดานักท่องเที่ยว โดยหนึ่งในนั้นคือ ไรฮาน(Raihan ) จากอินเดีย ซึ่งทำอาชีพขับรถในกาตาร์กล่าวให้ความเห็นว่า “นี่ถือเป็นข่าวร้าย ข่าวร้ายมาก” และเสริมต่อว่า “ชาวซาอุฯทั้งหมดมาทีนี่ในเทศกาลอิด”
ทั้งนี้มีรายงานว่า เมื่อวานนี้(5 มิ.ย) เจ้าผู้ครองนครคูเวตทำหน้าที่เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยความบาดหมางระหว่าง 2 ชาติแดนเศรษฐีน้ำมันอาหรับ
โดยพบว่าในวันจันทร์(5 มิ.ย) ชีคซาบาห์ อัล-อาห์เหม็ด อัล-ซาบาห์ (Sheikh Sabah al-Ahmad Al-Sabah ) อีเมียร์แห่งคูเวตทรงอนุญาตให้ที่ปรึกษากษัตริย์ซาอุฯ เจ้าชายคาเล็ด อัล-ไฟซาล(Prince Khaled al-Faisal) เข้าเผ้า อ้างอิงจากการรายงานข่าวของสำนักข่าวทางการซาอุฯ KUNA ซึ่งในรายงาน ได้มีการระบุว่า เจ้าชาย อัล-ไฟซาลได้ทรงถวายสารจากริยาด “ด้วยคำพูด” ไปยังอีเมียร์แห่งเจ้านครคูเวต ที่เกี่ยวข้องกับ “ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ...และสถานการณ์ล่าสุดในภูมิภาคที่ได้เกิดขึ้น”
แต่อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ของสำนักข่าว KUNA ไม่เปิดเผยในรายละเอียด ซึ่งเอเอฟพีชี้ว่า และไม่นานหลังจากนั้น พบว่าเจ้าผู้ครองนครคูเวตได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังเจ้าผู้ครองนครกาตาร์ อีเมียร์ ชีค ทานิม บิน ฮาหมัด อัล-ทานี(Emir Sheikh Tamim bin Hamad Al-Thani) พร้อมร้องขอให้พระองค์อดทนและห้ามไม่ให้โดฮาออกมาตรการตอบโต้เ พื่อทำให้สถานการณ์นั้นเลวร้ายลงไปกว่านี้ ซึ่งในการต่อสายถึงกษัตริย์กาตาร์ เจ้าผู้ครองนครคูเวต ชีคซาบาห์ อัล-อาห์เหม็ด อัล-ซาบาห์ ทรงมีพระประสงค์ต้องการควบคุมความร้าวฉานไม่ให้ลุกลามเกิดขึ้นระหว่างรัฐทั้งสอง
เอเอฟพีชี้ว่า คูเวตซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มพันธมิตร GCC ที่มี 6 ชาติเข้าร่วม ไม่ได้เดินตามริยาด ตัดความสัมพันธ์กับกาตาร์ และพบว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าผู้ครองนครกาตาร์ ชีค ทานิม บิน ฮาหมัด อัล-ทานี ได้ใช้โอกาสเทศกาลรอมฎอน เสด็จเยือนคูเวตอย่างเป็นทางการ และในวันจันทร์(5 มิ.ย) นักการเมืองคูเวตได้เรียกร้องกดดันรัฐบาลของตัวเองให้ออกมาตรการเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในกลุ่มพันธมิตร GCC ให้เร็วที่สุด