เครื่องดื่มก็มีส่วนสำคัญที่จะชี้ชะตาว่าคุณจะลดน้ำหนักสำเร็จหรือไม่ เพราะหากไม่เลือกดื่มอาจจะส่งผลให้น้ำหนักตัวคุณเพิ่มขึ้นได้ เพราะเครื่องดื่มบางชนิดก็มีแคลอรี่ที่สูงเทียบเท่าอาหารจานหลักเลยก็ว่าได้ และนี่ก็คือตัวอย่างเครื่องดื่มที่ควรค่ากับคนที่อยู่ในโหมดลดน้ำหนัก
1. น้ำเปล่า
น้ำเป็นสิ่งจำเป็นที่ร่างกายขาดไม่ได้แถมดื่มแล้วยังไม่ก่อเกิดพลังงานเพราะในน้ำเปล่าไม่มีแคลอรี่หรือนับเป็น 0 แคลอรี่ ซึ่งน้ำมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ได้แก่ เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว, ชะลอความแก่ , แก้อาการท้องผูก, ขับของเสียออกจากร่างกาย, ช่วยย่อยอาหาร และที่สำคัญยังสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ ซึ่งการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วจะช่วยลดปริมาณไขมันในร่างกายได้อีกด้วย
สูตรการดื่มน้ำ เอาน้ำหนักตัวหน่วยเป็นกิโลกรัม คูณด้วย 2.2 เอาผลลัพธ์ที่ได้มาหารด้วย 2 แล้วคูณด้วย 30 ก็จะได้ปริมาณน้ำที่เราควรดื่มเป็นหน่วยมิลลิลิตร
ตัวอย่างเช่นน้ำหนัก 55 กิโลกรัม (55 X 2.2 X 30) / 2 = 1,815 มิลลิลิตร หรือเท่ากับ 1.8 ลิตร
2. ชาเขียว
ให้พลังงานต่ำแถมยังช่วยในการเผาผลาญไขมันได้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งในชาเขียวมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ป้องกันโรคมะเร็งและช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย ซึ่งวิธีการดื่มที่ดีคือควรดื่มชาเขียวแบบไม่ใส่น้ำตาลจะดีที่สุดเพราะหากดื่มชาเขียวที่ผสมน้ำตาลที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป อาจส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นได้
3.นมสด
การดื่มนมสามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดีทีเดียว เพราะในนมสดนั้นอุดมไปด้วยสารอาหาร เช่น โปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, วิตามินแร่ธาตุ และกรดอะมิโนต่างๆ ซึ่งนมไขมันต่ำจะมีส่วนช่วยในการหยุดการขยายตัวของไขมันในร่างกาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะกับความต้องการของร่างกายเพราะการดื่มนมในปริมาณมากๆ จะทำให้ได้รับแคลอรี่มากเกินไปและควรดื่มนมรสจืดจะดีที่สุด
4. กาแฟดำ
ในกาแฟจะมีคาเฟอีนที่สามารถช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวาเพราะในคาเฟอีนมีส่วนช่วยต่อระบบการเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้เกิดการสูบฉีดเลือดอีกทั้งยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่อีกด้วย แต่ทางที่ดีให้ดื่มกาแฟดำจะดีต่อสุขภาพมากกว่ากาแฟที่เติมนมข้น ครีมเทียม วิปปิ้งครีมต่างๆ
5. น้ำเต้าหู้ หรือ นมถั่วเหลือง
เครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินต่างๆ ไนอาซิน เลซิทิน ฯลฯ เป็นต้น และยังมีประโยชน์มากมาย อาทิ ช่วยบำรุงสมอง ลดไขมัน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ ป้องการเกิดโรคกระดูกพรุน ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรดื่มน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองแบบไม่ใส่น้ำตาลจะดีกว่า
1. น้ำเปล่า
น้ำเป็นสิ่งจำเป็นที่ร่างกายขาดไม่ได้แถมดื่มแล้วยังไม่ก่อเกิดพลังงานเพราะในน้ำเปล่าไม่มีแคลอรี่หรือนับเป็น 0 แคลอรี่ ซึ่งน้ำมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ได้แก่ เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว, ชะลอความแก่ , แก้อาการท้องผูก, ขับของเสียออกจากร่างกาย, ช่วยย่อยอาหาร และที่สำคัญยังสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ ซึ่งการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วจะช่วยลดปริมาณไขมันในร่างกายได้อีกด้วย
สูตรการดื่มน้ำ เอาน้ำหนักตัวหน่วยเป็นกิโลกรัม คูณด้วย 2.2 เอาผลลัพธ์ที่ได้มาหารด้วย 2 แล้วคูณด้วย 30 ก็จะได้ปริมาณน้ำที่เราควรดื่มเป็นหน่วยมิลลิลิตร
ตัวอย่างเช่นน้ำหนัก 55 กิโลกรัม (55 X 2.2 X 30) / 2 = 1,815 มิลลิลิตร หรือเท่ากับ 1.8 ลิตร
2. ชาเขียว
ให้พลังงานต่ำแถมยังช่วยในการเผาผลาญไขมันได้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งในชาเขียวมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ป้องกันโรคมะเร็งและช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย ซึ่งวิธีการดื่มที่ดีคือควรดื่มชาเขียวแบบไม่ใส่น้ำตาลจะดีที่สุดเพราะหากดื่มชาเขียวที่ผสมน้ำตาลที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป อาจส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นได้
3.นมสด
การดื่มนมสามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดีทีเดียว เพราะในนมสดนั้นอุดมไปด้วยสารอาหาร เช่น โปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, วิตามินแร่ธาตุ และกรดอะมิโนต่างๆ ซึ่งนมไขมันต่ำจะมีส่วนช่วยในการหยุดการขยายตัวของไขมันในร่างกาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะกับความต้องการของร่างกายเพราะการดื่มนมในปริมาณมากๆ จะทำให้ได้รับแคลอรี่มากเกินไปและควรดื่มนมรสจืดจะดีที่สุด
4. กาแฟดำ
ในกาแฟจะมีคาเฟอีนที่สามารถช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวาเพราะในคาเฟอีนมีส่วนช่วยต่อระบบการเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้เกิดการสูบฉีดเลือดอีกทั้งยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่อีกด้วย แต่ทางที่ดีให้ดื่มกาแฟดำจะดีต่อสุขภาพมากกว่ากาแฟที่เติมนมข้น ครีมเทียม วิปปิ้งครีมต่างๆ
5. น้ำเต้าหู้ หรือ นมถั่วเหลือง
เครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินต่างๆ ไนอาซิน เลซิทิน ฯลฯ เป็นต้น และยังมีประโยชน์มากมาย อาทิ ช่วยบำรุงสมอง ลดไขมัน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ ป้องการเกิดโรคกระดูกพรุน ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรดื่มน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองแบบไม่ใส่น้ำตาลจะดีกว่า