ยิ่งนอนยิ่งเหนื่อยเมื่อยล้า เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยประสบพบเจอเหตุการณ์นี้และรู้ถึงสาเหตุกันมาบ้างแล้วว่าเกิดขึ้นจากอะไร แต่ทว่าในช่วงสภาพอากาศเป็นใจ ก็ชวนให้ขดตัวเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนที่นอน ตื่นมาอีกที อาการเมื่อย อาการปวด อ่อนเพลียก็มาเยือนถามหา นั่นเพราะการนอนผิดท่าผิดวิธีหลักสรีระร่างกาย แทนที่ร่างกายจะได้ชาร์ตแบตได้เต็มพร้อมรับวันใหม่ที่สดใส วันนี้เราจึงหยิบนำวิธีแก้อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น ที่จะให้คุณกลับมาสดใสอีกครั้ง
เมื่อยไหล่ ปวดบ่า
สาเหตุเกิดจากการนอนกางแขน ที่ภาษาบ้านๆ เรียกว่า "แผ่สองสลึง" ซึ่งในขณะที่นอนหงายแล้วกางแขนวางไว้ที่ตำแหน่งสูงกว่าศีรษะ จะทำให้เส้นประสาทด้านบนของหลังถูกกดทับ และผิดรูปแบบกล้ามเนื้อช่วงบ่า ช่วงไหล่ ปีกหลังโดยตรง
วิธีแก้ก็คือ ให้นอนหงายตรงแล้วเอามือแนบข้างลำตัว เพื่อไม่ให้เส้นประสาทด้านบนของหลังถูกกดทับที่จะส่งผลต่อบ่าและไหล่ จากนั้นเอาหมอนขนาดเล็กกว่าที่หนุนรองบริเวณใต้เข่า จะช่วยให้กระดูกสันหลังถูกสรีระอาการปวดช่วงหลังก็จะทุเลาลง
เจ็บแขน นอนแล้วยิ่งเหนื่อย
สาเหตุเกิดจากการนอน "ตะแคง" ไม่ว่าจะข้างซ้ายหรือขวา น้ำหนักของร่างกายจะกดทับบริเวณแขน ทำให้เกิดอาการปวดแขนระดับความรุนแรงขึ้นอยู่กับระยะเวลาและน้ำหนักตัว สำหรับบางคนอาจจะเป็นแค่ตระคิวหรือเหน็บชา นั้นก็เพราะการนอนท่านี้ขัดขวางระบบการหมุนเวียนของเลือดและการหายใจ และหากนอนตะแคงซ้ายจะยิ่งทำให้ยิ่งนอนยิ่งเหนื่อยกว่าด้านขวา เพราะหัวใจจะถูกกดทับ ในรายที่มีโรคปอดข้างขวา ทำให้หายใจไม่สะดวก เนื่องจากปอดข้างซ้ายที่ปกติจะขยายตัวไม่ได้เต็มที่
วิธีการแก้ไข ให้เรานอนตะแคงแบบเดิมแต่เอามือแนบลำตัวแทน และควรใช้หมอนที่สูงเล็กน้อย เพื่อกั้นการผิดรูปของร่างกายในการก้มหน้าลงเวลาหลับ นอกจากนั้นควรมีหมอนข้างมากอดและพาดขา ก็จะช่วยลดแรงกดของร่างกายในส่วนต่างๆ และอาการปวดบริเวณหลังและคอ
ปวดคอ ปวดหลัง
สาเหตุเกิดจากนอน "คว่ำ" และผู้ที่นอนคว่ำมักจะต้องบิดเอียงคอไปทางซ้ายหรือขวาทางใดทางหนึ่งเป็นระยะเวลานาน นั้นจึงทำให้กระดูกสันหลังกับกระดูกคอทำงานผิดสรีระ
วิธีแก้ก็คือ ให้หาหมอนขนาดรองกว่าศีรษะเล็กน้อยนำมารองบริเวณใต้ท้องหรือทรวงอก เพื่อรับสรีระกระดูกสันหลังและคอ นอกจากนี้พยายามหันทั้งด้านซ้ายและด้านขวา อาการปวดหลังและคอก็จะทุเลาลง
ปวดหลัง-คอ เมื่อยไหล่-บ่า เจ็บแขนและนอนได้น้อยแถมเหนื่อย
เกิดจากการนอน "ขด" และ "ตะแคง" ไม่ว่าจะด้านซ้ายหรือด้านขวา การนอนท่านี้เป็นท่าที่ส่งผลต่อร่างกายมากที่สุด เพราะทั้งทำให้กระดูกสันหลังและคอผิดสรีระไม่รองรับกันแล้ว (หากนอนท่านี้เป็นประจำยังส่งผลเสียในระยะยาวอาจทำให้กระดูกสันหลังงอ) ท่านอนนี้ยังทำให้ปวดแขน เพราะน้ำหนักที่กดทับและขัดขวางทางเดินหายใจ ออกซิเจน ให้ผลเช่นเดียวกับการนอนตะแคง นอกจากนี้การที่งอตัวเป็นระยะเวลานานยังส่งผลให้ไหล่และบ่ายกสูงขึ้นจากปกติทำให้มีผลต่อกล้ามเนื้อบ่าและไหล่
วิธีแก้ก็คือ หาหมอนมารองที่ขาหนีบหรือหาหมอนข้างเพื่อช่วยลดแรงกดน้ำหนักร่างกายและให้ร่างกายไม่งอตัว และไม่ควรใช้หมอนต่ำ ควรใช้หมอนที่สูงเล็กน้อย เพื่อกั้นการผิดรูปของร่างกายในการก้มหน้าลงเวลาหลับ และพยายามสลับเปลี่ยนข้างเพื่อให้กล้ามเนื้อได้คลายตัวและสมดุล
อย่างไรก็ตาม การนอนเปลี่ยนท่าบ่อยๆ จึงเป็นวิธีนอนหลับที่ดีที่สุด โดยทั่วไปคนเราสภาวะการนอนหลับง่ายๆ อยู่ 2 แบบ คือ 1.นอนหลับแล้วไม่ฝัน 2.นอนหลับแล้วฝัน สลับกันไปอาจจะคืนละ 2-3 รอบ รอบละ 1-2 ชั่วโมง ดังนั้น ถ้าในทุกครั้งที่เรารู้สึกตัว เราควรจะเปลี่ยนท่านอนเพื่อให้ร่างกายได้ขยับและไม่ถูกกดทับมากเกินไป
เมื่อยไหล่ ปวดบ่า
สาเหตุเกิดจากการนอนกางแขน ที่ภาษาบ้านๆ เรียกว่า "แผ่สองสลึง" ซึ่งในขณะที่นอนหงายแล้วกางแขนวางไว้ที่ตำแหน่งสูงกว่าศีรษะ จะทำให้เส้นประสาทด้านบนของหลังถูกกดทับ และผิดรูปแบบกล้ามเนื้อช่วงบ่า ช่วงไหล่ ปีกหลังโดยตรง
วิธีแก้ก็คือ ให้นอนหงายตรงแล้วเอามือแนบข้างลำตัว เพื่อไม่ให้เส้นประสาทด้านบนของหลังถูกกดทับที่จะส่งผลต่อบ่าและไหล่ จากนั้นเอาหมอนขนาดเล็กกว่าที่หนุนรองบริเวณใต้เข่า จะช่วยให้กระดูกสันหลังถูกสรีระอาการปวดช่วงหลังก็จะทุเลาลง
เจ็บแขน นอนแล้วยิ่งเหนื่อย
สาเหตุเกิดจากการนอน "ตะแคง" ไม่ว่าจะข้างซ้ายหรือขวา น้ำหนักของร่างกายจะกดทับบริเวณแขน ทำให้เกิดอาการปวดแขนระดับความรุนแรงขึ้นอยู่กับระยะเวลาและน้ำหนักตัว สำหรับบางคนอาจจะเป็นแค่ตระคิวหรือเหน็บชา นั้นก็เพราะการนอนท่านี้ขัดขวางระบบการหมุนเวียนของเลือดและการหายใจ และหากนอนตะแคงซ้ายจะยิ่งทำให้ยิ่งนอนยิ่งเหนื่อยกว่าด้านขวา เพราะหัวใจจะถูกกดทับ ในรายที่มีโรคปอดข้างขวา ทำให้หายใจไม่สะดวก เนื่องจากปอดข้างซ้ายที่ปกติจะขยายตัวไม่ได้เต็มที่
วิธีการแก้ไข ให้เรานอนตะแคงแบบเดิมแต่เอามือแนบลำตัวแทน และควรใช้หมอนที่สูงเล็กน้อย เพื่อกั้นการผิดรูปของร่างกายในการก้มหน้าลงเวลาหลับ นอกจากนั้นควรมีหมอนข้างมากอดและพาดขา ก็จะช่วยลดแรงกดของร่างกายในส่วนต่างๆ และอาการปวดบริเวณหลังและคอ
ปวดคอ ปวดหลัง
สาเหตุเกิดจากนอน "คว่ำ" และผู้ที่นอนคว่ำมักจะต้องบิดเอียงคอไปทางซ้ายหรือขวาทางใดทางหนึ่งเป็นระยะเวลานาน นั้นจึงทำให้กระดูกสันหลังกับกระดูกคอทำงานผิดสรีระ
วิธีแก้ก็คือ ให้หาหมอนขนาดรองกว่าศีรษะเล็กน้อยนำมารองบริเวณใต้ท้องหรือทรวงอก เพื่อรับสรีระกระดูกสันหลังและคอ นอกจากนี้พยายามหันทั้งด้านซ้ายและด้านขวา อาการปวดหลังและคอก็จะทุเลาลง
ปวดหลัง-คอ เมื่อยไหล่-บ่า เจ็บแขนและนอนได้น้อยแถมเหนื่อย
เกิดจากการนอน "ขด" และ "ตะแคง" ไม่ว่าจะด้านซ้ายหรือด้านขวา การนอนท่านี้เป็นท่าที่ส่งผลต่อร่างกายมากที่สุด เพราะทั้งทำให้กระดูกสันหลังและคอผิดสรีระไม่รองรับกันแล้ว (หากนอนท่านี้เป็นประจำยังส่งผลเสียในระยะยาวอาจทำให้กระดูกสันหลังงอ) ท่านอนนี้ยังทำให้ปวดแขน เพราะน้ำหนักที่กดทับและขัดขวางทางเดินหายใจ ออกซิเจน ให้ผลเช่นเดียวกับการนอนตะแคง นอกจากนี้การที่งอตัวเป็นระยะเวลานานยังส่งผลให้ไหล่และบ่ายกสูงขึ้นจากปกติทำให้มีผลต่อกล้ามเนื้อบ่าและไหล่
วิธีแก้ก็คือ หาหมอนมารองที่ขาหนีบหรือหาหมอนข้างเพื่อช่วยลดแรงกดน้ำหนักร่างกายและให้ร่างกายไม่งอตัว และไม่ควรใช้หมอนต่ำ ควรใช้หมอนที่สูงเล็กน้อย เพื่อกั้นการผิดรูปของร่างกายในการก้มหน้าลงเวลาหลับ และพยายามสลับเปลี่ยนข้างเพื่อให้กล้ามเนื้อได้คลายตัวและสมดุล
อย่างไรก็ตาม การนอนเปลี่ยนท่าบ่อยๆ จึงเป็นวิธีนอนหลับที่ดีที่สุด โดยทั่วไปคนเราสภาวะการนอนหลับง่ายๆ อยู่ 2 แบบ คือ 1.นอนหลับแล้วไม่ฝัน 2.นอนหลับแล้วฝัน สลับกันไปอาจจะคืนละ 2-3 รอบ รอบละ 1-2 ชั่วโมง ดังนั้น ถ้าในทุกครั้งที่เรารู้สึกตัว เราควรจะเปลี่ยนท่านอนเพื่อให้ร่างกายได้ขยับและไม่ถูกกดทับมากเกินไป