“อาหารดีก็เหมือนยาวิเศษ”
การรับประทานอาหารที่เหมาะสมและมีประโยชน์นั้น เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มีสุขภาพดี และอาหารที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้นอกจากจะหารับประทานได้ง่ายแล้วยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงอีกด้วย เอาเป็นว่าก่อนที่จะเริ่มต้นมื้ออาหารลองนำสิ่งเหล่านี้ไปประกอบ เสริม เพิ่มเติมลงไปในอาหารจานโปรดของคุณดู เพียงเท่านี้คุณก็จะได้สัมผัสกับสุขภาพที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน
1.แอปเปิ้ล ผลไม้ที่มีหลากหลายพันธุ์ หาได้ง่ายมากตามท้องตลาด เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและเส้นใย
2.บลูเบอร์รี่ อาจจะดูเป็นผลไม้ที่มีขนาดเล็ก แต่บลูเบอร์รี่มีหมัดเด็ด เพราะในบลูเบอร์รี่มีโพแทสเซียม วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้รับประทานไปแล้วมีสุขภาพดี อีกทั้งยังสามารถลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ,โรคมะเร็งและการอักเสบต่างๆ ได้
3.แอปริค็อต ผลไม้สีเหลืองอมส้ม มีรสหวานอมเปรี้ยว มีสารอาหารมากมาย อุดมไปด้วยเส้นใย, ธาตุเหล็ก และทองแดง แอปริคอตมีคุณค่ามากทางด้านโภชนาการ และยังสามารถรักษาโรคผิวหนังบางได้อีกด้วย
4.กล้วย ให้พลังงานเพียง 110 แคลอรี่ เท่านั้น และกล้วยเป็นอาหารทรงคุณค่าชนิดหนึ่งที่ให้โพแทสเซียมและวิตามิน B6 ค่อนข้างสูง
5. มะม่วง การรับประทานมะม่วงสามารถช่วยให้บำรุงสายตา, บำรุงผิวพรรณ, บำรุงสมอง, ช่วยระบบการย่อยอาหารและมะม่วงคือหนึ่งตัวช่วยเด็ดในเรื่องของเซ็กส์
6.ทับทิม สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และสุขภาพ ทับทิมเป็นผลไม้รสชาติดี ที่มีสารต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเผาผลาญไขมันได้อีกด้วย
7.ส้ม การรับประทานส้มสามารถช่วยเรื่องโรคข้ออักเสบ ป้องกันนิ่วในไตและทำให้ได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ยังทำให้สุขภาพกระดูกและฟันแข็งแรงอีกด้วย
8.อาร์ติโช้ค เป็นพืชที่นิยมปลูกในต่างประเทศ แต่ปัจจุบันหาทานได้ง่ายเพราะเป็นผักเมืองหนาวในโครงการหลวง อาร์ติโช็คมีแคลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยไฟเบอร์, วิตามิน C , วิตามิน K, โฟเลต, แมกนีเซียมและโพแทสเซียม อาติโช๊คยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย เช่น นำมาต้มจิ้มน้ำพริก, ผัดอาร์ติโช้ค , พายอาร์ติโช็ค ฯลฯ เป็นต้น
9.บีทรูท เต็มไปด้วยเส้นใย, โพแทสเซียม และโฟเลต ไม่มีไขมันอิ่มตัวและคลอเลสเตอรอล นักวิจัยเชื่อว่าเม็ดสีแดงในบีทรูทมีสารเบต้าไซยานิน (betacyanin) สามารถป้องกันเซลล์มะเร็งได้
10.กะหล่ำปลี มีสารเอสเมธิลเมโธโอนิน สามารถรักษาโรคกะเพาะอาหารและมีสารกอยโตรเจนซึ่งเป็นสาเหตุของโรคคอพอก นอกจากนี้ยังพบว่ามีสารต้านมะเร็งโดยเฉพาะหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ เพียงแค่ใช้กระหล่ำปลีปรุงอาหาร ง่ายๆ เท่านี้คุณก็จะได้รับเส้นใย, วิตามิน A, วิตามิน C, และ วิตามิน K ไปเต็มๆ แล้ว
11.มะเขือเทศ มีสารต้านอนุมูลอิสระและสามารถลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคกระดูกพรุนได้ อีกทั้งยังป้องกันและลดอันตรายจากสาร UV ได้อีกด้วย
12.แครอท เต็มไปด้วยเบต้าแคโรทีนซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงสายตาและชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่น
13.เห็ด สามารถช่วยให้เรามีสุขภาพดี ร่างกายฟิต มีความสุขและมีชีวิตที่ยืนยาวได้
14.อะโวคาโด เต็มไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นกว่า 25 ประการ เช่น วิตามิน A, วิตามมิน B, วิตามิน C, วิตามิน E, วิตามิน K, เส้นใย, โปรตีน ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้มีสุขภาพดี
15.บร็อกโคลี่ ก้านบร็อกโคลี่มีส่วนช่วยต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้มากที่สุด นอกจากนี้ยังมีเส้นใยและไฟโตนิวเทรียน (สารเคมีที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพที่พบเฉพาะในพืช) สูง
16. ผักคะน้า เต็มไปด้วยวิตามิน A, วิตามิน C และ วิตามิน K, เส้นใย, แคลเซียม
17.กะหล่ำดาว พืชเมืองหนาวที่จัดอยู่ในตระกูลกะหล่ำ เป็นผักที่มีขนาดเล็กสามารถช่วยเรื่องระบบการย่อยอาหารและลดคอเลสเตอรอล
18.มะเดื่อ เพียงครึ่งถ้วยก็เพียงพอแล้ว เพราะมะเดื่อมีเส้นใยที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำอยู่ถึง 7.3g ทั้งนี้มะเดื่อยังเป็นอาหารที่สมบูรณ์แบบเพราะช่วยทำให้อิ่มนานขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ลดความอ้วนอยู่
19.ผักกวางตุ้ง จัดอยู่ในผักตระกูลเดียวกับกะหล่ำ มีคุณค่าทางโภชนาการมาก อุดมไปด้วยแคลเซียม โพแทสเซียมและเบต้าแคโรทีน มีส่วนช่วยบำรุงสายตา
20.ฟักทอง ฟักทองถือได้ว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ มีวิตามินและเส้นใยสูง
21.ผักโขม เต็มไปด้วยสารอาหาร ผักโขมยังสามารถจับคู่กับอาหารได้หลากหลาย เช่น ผักโขมผัดน้ำมันหอย, แกงจืดผักโขม, ซุปผักโขม, ยำผักโขม หรือถ้าใครชอบอาหารสไตล์อิตาเลียนหน่อยก็ผักโขมอบชีส ผักโขมมีธาตุเหล็กอยู่มากคนที่เลือดน้อยสามารถรับประทานเป็นยาบำรุงเลือดได้
22.กระเทียม มีฤทธิ์ป้องกันมะเร็งและส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ allicin (สารออกฤทธิ์ในกระเทียม) มีส่วนช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดไขมัน ลดอคลอเลสเตอรอล ลดน้ำตาลในเลือด รักษาไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ ฯลฯ
23.ขิง ได้รับการขนานนามว่าเป็นพืชที่ได้รับการใช้เพื่อการรักษาความเจ็บป่วยทุกชนิด อาทิ ปวดท้องเล็กน้อย,โรคข้ออักเสบและไมเกรน
24.น้ำมันมะกอก ได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถ ลดคลอเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) และเพิ่มคลอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ได้ ซึ่ง LDL เป็นตัวทำลายก่อให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน ซึ่งถ้าในร่างกายมี HDL มากจะทำให้หลอดเลือดตีบช้าลง และน้ำมันมะกอกยังสามารถต้านการอักเสบ, ต้านอนุมูลอิสระ และต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ได้อีกด้วย
25.ดาร์กช็อคโกแลต เต็มไปด้วยสาร flavanols ซึ่งเป็นชนิดของสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบ, ช่วยลดน้ำตาลในเลือดและเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลทั้งบวกและลบ แต่คุณต้องแน่ใจว่าช้อกโกแลตที่คุณกินเป็นดาร์กช็อกโกแลตจริงๆ ไม่ใช่ช็อกโกแลตผสมนมและน้ำตาลเพราะมันจะยิ่งทำให้เกิดโทษตามมาได้
26.ถั่ว อาหารต้นทุนต่ำแต่แฝงไปด้วยโปรตีน ใยอาหารสูง อีกทั้งยังมีไขมันต่ำ
27.ปลาซาร์ดีน คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยนำปลาซาร์ดีนมาปรุงอาหารแต่รู้หรือไม่ว่าปลาซาร์ดีนสามารถช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้ อีกทั้งยังทำให้กระดูกแข็งแรงและทำหน้าที่ต้านการอักเสบได้ดีอีกด้วย
28.กาแฟ หลายคนบอกว่ากาแฟให้โทษแต่ประโยชน์ของกาแฟนั้นก็มีอยู่มากเช่นเดียวกัน เพราะกาแฟสามารถทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ, โรคสมองเสื่อม และโรคมะเร็งผิวหนัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรดื่มไม่เกินวันละ 2 แก้ว ซึ่งกาแฟดำจะให้ประโยชน์มากกว่ากาแฟที่เต็มไปด้วยครีมเทียม, นมข้น และน้ำตาล
29.น้ำผึ้ง มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียที่ช่วยป้องกันไวรัสแบคทีเรีย
30.ข้าวโอ๊ต เป็นอาหารที่ไม่ละลายน้ำและมีเส้นใยสูงอย่างยิ่ง เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ดี ช่วยเรื่องระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
31.หอยนางรม เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงและเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีสำหรับผู้ที่ขาดโปรตีน
32.ข้าวกล้อง อาหารเส้นใยสูงมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำกว่าข้าวขาว จึงไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น
33. ถั่วแระญี่ปุ่น ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย มีวิตามินและแร่ธาตุจำนวนมาก อาทิ ไขมันไม่อิ่มตัว,โปรตีน, เส้นใย, แคลเซียม, ทองแดง, โฟเลต, เหล็ก, แมกนีเซียม, แมงกานีส, ฟอสฟอรัส, วิตามินบี, วิตามินซี ทำให้ร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี
34.ปลาแซลมอน อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 กรดไขมันเช่นเดียวกับโปรตีนซีลีเนียมและวิตามินดี หากคุณมีปัญหาเรื่องหัวใจหรือการเผาผลาญแล้วล่ะปลาแซลมอนสามารถช่วยได้
35.ชา มีคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟ ช่วยไม่ทำให้เกิดโรคมะเร็งโรคหัวใจและหลอดเลือดแดงอุดตัน
36.ไก่งวง อาหารที่ชาวคริสต์นิยมรับประทานในวันขอบคุณพระเจ้า ไก่งวง มีขนาดใหญ่กว่าไก่ทั่วไป สามารถนำมาปรุงแต่งเป็นอาหารชั้นเยี่ยมได้ นอกจากนี้ไก่งวงยังเป็นแหล่งโปรตีนที่มีไขมันต่ำ อุดมไปด้วยวิตามิน B3 และ B6 ช่วยในเรื่องต่อมไทรอยด์
37.วอลนัต เป็นแหล่งที่ดีของโอเมก้า 3 กรดไขมัน มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก ซึ่งวอลนัต 50 กรัม จะให้คุณค่าทางอาหารเทียบเท่ากับนมโค 500 กรัม หรือไข่ไก่ 250 กรัม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ
แปลและเรียบเรียงจาก http://inspiyr.com