รู้หรือไม่การรับประทานอาหารสามารถช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอร่วมด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพคุณเอง
1.ห้ามงดมื้อเช้า
เนื่องจากร่างกายอดอาหารมาทั้งคืน อาหารเช้าจึงเป็นมื้อที่สำคัญกับร่างกายอย่างมากเพราะจะช่วยให้คุณกระปรี้กระเปร่า กระตุ้นพลังให้กับสมอง ซึ่งการงดอาหารเช้าจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจส่งผลให้มื้อต่อๆ ไปกินหนักและเผลอกินของหวานเข้าไปก็เป็นได้ แถมอัตราการเผาผลาญยังลดลงอีกด้วย
2.กินโปรตีนให้เพียงพอ
ร่างกายคนเราต้องการโปรตีน 1.2-1.4 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมซึ่งโปรตีนมีส่วนช่วยเผาผลาญไขมันอีกทั้งยังเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดีทีเดียว
3.เลือกธัญพืชไม่ขัดสีจะดีกว่า
ธัญพืชเหล่านี้มีประโยชน์แถมไขมันต่ำ ซึ่งมีผลการวิจัยออกมาว่าธัญพืชที่ไม่ขัดสีนั้นจะช่วยทำให้อิ่มท้องได้นานกว่าธัญพืชขัดสี แถมยังช่วยในการเผาผลาญไขมันอีกด้วย
4.อาหารที่มีโอเมก้า 3 ก็สำคัญ
กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันที่มีผลต่อระดับฮอร์โมนเลปติน (leptin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีผลต่อความรู้สึกหิวหรืออิ่ม ซึ่งในผู้ป่วยโรคอ้วนมักจะขาดฮอร์โมนดังกล่าวนี้ โอเมก้า 3 นั้นยังได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสามารถช่วยควบคุมการเผาผลาญทั้งยังทำได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย โอเมก้า 3 พบมากในปลาทะเล อาทิ ปลาทูน่า,ปลาแซลมอนและปลาน้ำจืดบางชนิด
5.รับประทานอาหารที่มีรสเผ็ด
ลองเติมสิ่งเหล่านี้ลงในเมนูอาหารของคุณดูสิเพราะไม่ว่าจะเป็นพริกขี้หนู, พริกชี้ฟ้า, พริกหยวก, พริกไทย ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะสามารถช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้เร็วยิ่งขึ้น
6.กินมากกว่า 3 มื้อจะดีกว่า
ฟังไม่ผิดแน่นอนเพราะการแบ่งอาหารจาก 3 มื้อใหญ่มาเป็น 4-6 มื้อย่อย จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกายได้มากกว่าอีกทั้งยังสามารถลดน้ำหนักได้ด้วย
7.เครื่องดื่มก็ควรเลือก
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ไขมันเยอะๆ ให้หันมาดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่เติมน้ำตาล เช่น ชาเขียวร้อน หรือกาแฟดำ ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มการเผาผลาญได้ เนื่องจากในชาเขียวและกาแฟนั้นมีคาเฟอีนที่มีส่วนช่วยต่อระบบการเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้เกิดการสูบฉีดเลือดอีกทั้งยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังหากดื่มมากไปก็อาจส่งผลเสียตามมาได้ ควรดื่มแต่พอดีหรือเลือกดื่มแต่น้ำเปล่าได้จะดีที่สุด