โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด
สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการจะเริ่มลงทุนในกองทุนรวมหุ้น อาจมีคำถามหรือข้อสงสัยสำหรับการเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้นว่าจะเลือกอย่างไร? มีกองทุนรวมหุ้นให้เลือกมากมาย หลากหลายนโยบาย ทั้งหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นขนาดกลาง-เล็ก หุ้นดัชนี เน้นลงทุนหุ้นปันผล หรือหุ้นกลุ่มรายอุตสาหกรรม
ขอเริ่มก่อนว่า ลงทุนผ่านกองทุนรวมดีอย่างไร? จุดเด่นของการลงทุนผ่านกองทุนรวม คือ การบริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่มีความรู้ความชำนาญในการลงทุน ทำหน้าที่ติดตามข่าวสารและตัดสินใจเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและคาดการณ์การเติบโตในอนาคต และการปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะการลงทุนในแต่ละขณะ
รวมทั้งการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีเงินจำนวนจำกัด หรือเริ่มต้นการลงทุนด้วยเงินพอประมาณ และต้องการลงทุนในหลักทรัพย์ที่หลากหลาย ดังนั้น การลงทุนผ่านกองทุนรวมถือเป็นช่องทางการลงทุนที่ทำให้ผู้ลงทุนสามารถที่จะกระจายการลงทุนในหุ้นหรือหลักทรัพย์ที่มีจำนวนมากเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากการลงทุนกระจุกตัวในหุ้นเพียงตัวใดตัวหนึ่งหรือจำนวนน้อย และลดต้นทุนที่อาจสูงเกินจากการลงทุนในหลักทรัพย์ด้วยตนเอง การลงทุนในกองทุนรวมจะช่วยลดข้อจำกัดต่างๆ ได้
เริ่มต้นลงทุนด้วยการสำรวจตนเอง ผู้ลงทุนจะต้องทำการสำรวจวัตถุประสงค์ ระยะเวลาในการลงทุนให้เหมาะสม การตั้งเป้าหมายการลงทุน (ระยะยาว) และความเสี่ยงในการลงทุนของตนเองที่เหมาะสมกับกองทุนประเภทไหน โดยความเสี่ยงของกองทุนจะกำหนดตามประเภทของสินทรัพย์ลงทุน หรือ Risk Spectrums (การกำหนดประเภทและความเสี่ยงของกองทุนมีทั้งหมด 8 ระดับ) โดยกองทุนหุ้นจะมีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ 6 ซึ่งเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงในระดับที่สูง และกองทุนรวมหุ้นโดยลงทุนเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม (Sector Fund) จะมีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ 7 และสำรวจความต้องการของผลตอบแทนที่คาดหวังของตนเอง
คัดเลือกกองทุนตรงใจ ลำดับต่อมาคือการตัดสินใจเลือกลงทุน ผู้ลงทุนต้องทำการศึกษาและทำความเข้าใจกองทุนรวมแต่ละประเภท รายละเอียดกองทุน เช่น นโยบายการลงทุน กระบวนการบริหารกองทุน ภูมิภาคหรือประเทศที่ลงทุน เงื่อนไขพิเศษในการลงทุน บริษัทจัดการที่เป็นผู้บริหารกองทุน ค่าใช้จ่ายที่ผู้ลงทุนต้องจ่าย โดยการศึกษาจากหนังสือชี้ชวนหน่วยลงทุน หรือสอบถามจาก บลจ.นั้นได้ โดยสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนนั้นได้จากเว็บไซต์ของ บลจ. สำนักงาน ก.ล.ต. (www.sec.or.th) หรือจากเว็บไซต์ของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (www.thaimutualfund.com)
เมื่อผู้ลงทุนคัดเลือกกองทุนที่ตรงกับความต้องการและวัตถุประสงค์ของตนเองแล้ว อาจจะต้องมีการพิจารณาเพิ่มเติมในเรื่องสไตล์การบริหาร เช่น บริษัทจัดการหรือกองทุนนั้นมีการบริหารแบบ Active Management Style และ Passive Management Style ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับอาจมีความแตกต่างกัน รวมถึงการเลือกลงทุนในกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้สม่ำเสมอ ผู้ลงทุนอาจพิจารณาดูผลตอบแทนย้อนหลังอย่างน้อย 3 ปี หรือ 1 ปี และเปรียบเทียบกับกองทุนอื่นๆ ที่มีนโยบายการลงทุนหรือประเภทกองทุนที่เหมือนกัน ที่สำคัญ การเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นเหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว เนื่องจากหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง มีความผันผวนของระดับราคา ดังนั้น การวางแผนลงทุนที่ระยะเวลาที่เหมาะสมจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุนได้
คุณรู้หรือไม่ว่า! SET Index ผลตอบแทนเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง (ปีปฏิทิน) สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 19.29%
ตัดสินใจลงทุนแล้ว ต้องทำอย่างไร?
วางแผนจัดพอร์ตการลงทุนหรือการจัดสินทรัพย์ในการลงทุน (Asset Allocation) ที่เหมาะสมและเป็นวิธีการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนหากภาวะตลาดเกิดความผันผวน
ติดตามและประเมินผลการลงทุนโดยพิจารณาจากสรุปข้อมูลการลงทุนรายเดือน ผลการดำเนินงานของกองทุน
ปรับพอร์ตการลงทุน การปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์การลงทุน โดยการเพิ่มหรือลดน้ำหนักในการลงทุนในกองทุนใดๆ ถือเป็นวิธีทางในการเพิ่มผลตอบแทนและจำกัดความเสี่ยง
การสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว คือ การวางแผนการออมและลงทุนอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายในการลงทุนและวางแผนการลงทุนเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนั้น การลงทุนที่จะประสบความสำเร็จเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดี สิ่งสำคัญคือ ระยะเวลา ระดับความเสี่ยง การกระจายการลงทุนที่เหมาะสม รวมถึงการเข้าใจในภาวะการลงทุนและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนการลงทุนได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับเราได้ในอนาคต
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 0-2686-9595
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต