หากใครก็ตามที่กำลังรู้สึก เริ่มที่จะอึดอัดตัวทีละนิดๆ จนเริ่มที่จะไม่สบายตัวแล้วละก็ สัญญาณแห่งความอ้วน กำลังคืบคลานเข้ามาที่ตัวบุคคลนั้นๆ แล้ววิธีแก้ละต้องทำยังไง ก็ออกกำลังให้เหงื่อออกกันสิ เพราะการออกกำลังคือการนำพาไปสู่การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและลดน้ำหนักได้ด้วย ซึ่งการทำภารกิจในช่วงแรกๆ อะไรๆ ก็เป็นใจให้เสมอ น้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีความรู้สึกที่ ‘เรามาถูกทางแล้ว’…
พอเวลาผ่านไปสักระยะ การออกกำลังกายก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่แทบจะขาดไม่ได้ แต่น้ำหนักกลับไม่กระดิกลงไปสักนิด หรือเผลอๆ อาจจะมากกว่าเดิม แต่อย่าเพิ่งใจเสียไป ตั้งสติให้ดีๆ ก่อน แล้วลองนึกให้ดีๆ บางที พฤติกรรมที่เราทำหรือปัจจัยภายนอกก็ส่งผลทั้งทางตรงหรือทางอ้อม ให้มีความเปลี่ยนแปลงต่อร่างกายในแง่ดี ก็เป็นได้นะ
สาเหตุ
-หากคุณเป็นคนที่ออกกำลังกายหักโหมเกินไป เพราะมีความเชื่ออย่าง ยิ่งออก ยิ่งลด แล้วจัดเต็มไปเลยดีกว่า อาทิเช่น ออกกำลังกายวันละ 2-3 ชั่วโมง, วิ่งด้วยระยะทางที่ไกล, การว่ายน้ำ หรือ อะไรก็ตามแต่ที่ทำให้เหงื่อออกมากๆ ก็จัดตามนี้ไป แต่พอออกกำลังเรียบร้อยแล้ว คุณก็จัดเต็มทางอาหารเช่นกัน และลงท้ายด้วย น้ำหนักเท่าเดิมในที่สุด
-ร่างกายคนเรามีความพิเศษอยู่อย่าง นั่นคือ หากได้กิจกรรมอะไรที่ซ้ำๆ ตลอดเวลา ร่างกายจะเกิดความเคยชิน และ สามารถปรับตัวให้ทำได้อย่างปกติ แต่สำหรับผู้ที่ถอดใจไปก่อน และเล็งเห็น ‘ไม่มีทางแน่ๆ’ นั้น นี่แหละคือสาเหตุที่ทำไมเกิดความไม่สม่ำเสมอนั่นเอง
-หลายๆ คน มักจะเลือกเวลาออกกำลังกายในช่วงเย็น เหตุผลง่ายๆ ก็คือ ไม่มีเวลา และ ขี้เกียจตื่นเช้าเนื่องจากเสียดายที่นอน ซึ่ง หากใครจะลดน้ำหนักด้วยแล้ว เลิกหวังได้เลย เพราะ ถ้าออกกำลังเสร็จในช่วงเวลาเย็นด้วยแล้ว โอกาสหักห้ามใจให้ตนเอง แทบจะไม่มีเลย และลงเอยด้วยการกินเพื่อระงับความหิวจนได้
-ถึงแม้ว่าการควบคุมอาหาร คืออีกปัจจัยหนึ่งที่จะให้เป้าหมายของการลดน้ำหนัก แต่ถ้าหากการกินในแต่ละมื้อ ยังคงเน้นสไตล์ ‘ตามใจปาก’ ด้วยแล้ว ภารกิจพิชิตเป้าหมายนั้น จะทำให้กลายเป็นสิ่งสูญเปล่าไปในทันที เพราะ การที่ไม่เลือกกินนั้น จะนำพาไปสู่ความไร้ค่าไปในทันที
-มีคนเคยกล่าวไว้ ‘ในหนึ่งวัน ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จึงจะเพียงพอในปริมาณที่ได้รับในแต่ละวัน’ แต่หากไม่ชอบดื่มน้ำหรือรับน้อยไปด้วยแล้ว นอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย ยังจะนำพาความแห้งเหี่ยวไม่สดชื่นให้กับตนเอง อีกด้วยนะ
ทำอย่างไร ถึงจะให้ได้ผลลัพธ์
-หากคุณเป็นผู้ที่เริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ สำนวน ‘ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม’ นั้น ควรเป็นความจำกัดความได้ดีที่สุด เพราะการเร่งรีบไป มักจะไม่ช่วยอะไรได้มากนัก ฉะนั้นแล้ว ควรให้น้ำหนักลดลงแบบค่อยเป็นค่อยไปน่าจะดีกว่า ไม่ต้องไปใส่ใจกับตัวเลขมากนัก
-เรื่องการออกกำลังกาย เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรขาดตกบกพร่อง พูดง่ายๆ คือ ความมีระเบียบและวินัย เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น ควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย วันละ 30 นาที เพื่อการรักษารูปร่าง ไม่ให้ดูเหี่ยวเฉา หรือ เผละ จนเกินไป
-การเลือกเวลาการออกกำลังกาย ทางที่ดี ควรเป็นในช่วงเวลาเช้า เพราะนอกจากจะตื่นขึ้นมาจากที่นอนแล้ว การได้ทำภารกิจนั้น มันเหมือนกับปลุกพลังและสลัดความง่วงไปในตัว แต่ก็ไม่ควรหักโหมจนเกินไปด้วยนะ เดี๋ยวจะน็อคไปไม่รู้ด้วยล่ะ
-ในระหว่างที่ควบคุมอาหาร ทางที่ดี ควรเลือกและใส่ใจเพิ่มเติมอีกสักนิด กล่าวคือ เวลาหยิบอะไรมาทาน ฉลากปริมาณก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา เพราะ เราจะได้ทราบถึงปริมาณจากสิ่งที่เราทาน ชิ้นนี้ อย่างนี้ ได้รับไปแล้วกี่แคลอรี่ ที่สำคัญ ควรทานให้พอเหมาะพอดี และควรนับไว้ในใจด้วย แต่ละวันกินไปเท่าไหร่ และจัดการมันด้วยการออกกำลังกาย (ผู้ชาย ควรทานไม่เกิน 1,800 - 2,000 กิโลแคลอรี่ ส่วน ผู้หญิง ควรทานไม่เกิน 1,200 - 1,500 กิโลแคลอรี่)
-ถึงแม้บางคน ออกกำลังกายก็แล้ว ควบคุมอาหารก็แล้ว แต่น้ำหนักก็ยังไม่ลงเลย ไม่ต้องตกใจไป เพราะสิ่งที่ร่างกายได้รับนั้น ก็คือ กล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้น และส่งผลให้ระบบร่างกายของคุณดูดีขึ้น จนทำให้คุณรู้สึกถึงการแข็งแรงขึ้น และอย่าหยุดที่จะออกกำลังกายนะ จงทำมันต่อไปด้วยล่ะ
พอเวลาผ่านไปสักระยะ การออกกำลังกายก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่แทบจะขาดไม่ได้ แต่น้ำหนักกลับไม่กระดิกลงไปสักนิด หรือเผลอๆ อาจจะมากกว่าเดิม แต่อย่าเพิ่งใจเสียไป ตั้งสติให้ดีๆ ก่อน แล้วลองนึกให้ดีๆ บางที พฤติกรรมที่เราทำหรือปัจจัยภายนอกก็ส่งผลทั้งทางตรงหรือทางอ้อม ให้มีความเปลี่ยนแปลงต่อร่างกายในแง่ดี ก็เป็นได้นะ
สาเหตุ
-หากคุณเป็นคนที่ออกกำลังกายหักโหมเกินไป เพราะมีความเชื่ออย่าง ยิ่งออก ยิ่งลด แล้วจัดเต็มไปเลยดีกว่า อาทิเช่น ออกกำลังกายวันละ 2-3 ชั่วโมง, วิ่งด้วยระยะทางที่ไกล, การว่ายน้ำ หรือ อะไรก็ตามแต่ที่ทำให้เหงื่อออกมากๆ ก็จัดตามนี้ไป แต่พอออกกำลังเรียบร้อยแล้ว คุณก็จัดเต็มทางอาหารเช่นกัน และลงท้ายด้วย น้ำหนักเท่าเดิมในที่สุด
-ร่างกายคนเรามีความพิเศษอยู่อย่าง นั่นคือ หากได้กิจกรรมอะไรที่ซ้ำๆ ตลอดเวลา ร่างกายจะเกิดความเคยชิน และ สามารถปรับตัวให้ทำได้อย่างปกติ แต่สำหรับผู้ที่ถอดใจไปก่อน และเล็งเห็น ‘ไม่มีทางแน่ๆ’ นั้น นี่แหละคือสาเหตุที่ทำไมเกิดความไม่สม่ำเสมอนั่นเอง
-หลายๆ คน มักจะเลือกเวลาออกกำลังกายในช่วงเย็น เหตุผลง่ายๆ ก็คือ ไม่มีเวลา และ ขี้เกียจตื่นเช้าเนื่องจากเสียดายที่นอน ซึ่ง หากใครจะลดน้ำหนักด้วยแล้ว เลิกหวังได้เลย เพราะ ถ้าออกกำลังเสร็จในช่วงเวลาเย็นด้วยแล้ว โอกาสหักห้ามใจให้ตนเอง แทบจะไม่มีเลย และลงเอยด้วยการกินเพื่อระงับความหิวจนได้
-ถึงแม้ว่าการควบคุมอาหาร คืออีกปัจจัยหนึ่งที่จะให้เป้าหมายของการลดน้ำหนัก แต่ถ้าหากการกินในแต่ละมื้อ ยังคงเน้นสไตล์ ‘ตามใจปาก’ ด้วยแล้ว ภารกิจพิชิตเป้าหมายนั้น จะทำให้กลายเป็นสิ่งสูญเปล่าไปในทันที เพราะ การที่ไม่เลือกกินนั้น จะนำพาไปสู่ความไร้ค่าไปในทันที
-มีคนเคยกล่าวไว้ ‘ในหนึ่งวัน ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จึงจะเพียงพอในปริมาณที่ได้รับในแต่ละวัน’ แต่หากไม่ชอบดื่มน้ำหรือรับน้อยไปด้วยแล้ว นอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย ยังจะนำพาความแห้งเหี่ยวไม่สดชื่นให้กับตนเอง อีกด้วยนะ
ทำอย่างไร ถึงจะให้ได้ผลลัพธ์
-หากคุณเป็นผู้ที่เริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ สำนวน ‘ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม’ นั้น ควรเป็นความจำกัดความได้ดีที่สุด เพราะการเร่งรีบไป มักจะไม่ช่วยอะไรได้มากนัก ฉะนั้นแล้ว ควรให้น้ำหนักลดลงแบบค่อยเป็นค่อยไปน่าจะดีกว่า ไม่ต้องไปใส่ใจกับตัวเลขมากนัก
-เรื่องการออกกำลังกาย เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรขาดตกบกพร่อง พูดง่ายๆ คือ ความมีระเบียบและวินัย เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น ควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย วันละ 30 นาที เพื่อการรักษารูปร่าง ไม่ให้ดูเหี่ยวเฉา หรือ เผละ จนเกินไป
-การเลือกเวลาการออกกำลังกาย ทางที่ดี ควรเป็นในช่วงเวลาเช้า เพราะนอกจากจะตื่นขึ้นมาจากที่นอนแล้ว การได้ทำภารกิจนั้น มันเหมือนกับปลุกพลังและสลัดความง่วงไปในตัว แต่ก็ไม่ควรหักโหมจนเกินไปด้วยนะ เดี๋ยวจะน็อคไปไม่รู้ด้วยล่ะ
-ในระหว่างที่ควบคุมอาหาร ทางที่ดี ควรเลือกและใส่ใจเพิ่มเติมอีกสักนิด กล่าวคือ เวลาหยิบอะไรมาทาน ฉลากปริมาณก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา เพราะ เราจะได้ทราบถึงปริมาณจากสิ่งที่เราทาน ชิ้นนี้ อย่างนี้ ได้รับไปแล้วกี่แคลอรี่ ที่สำคัญ ควรทานให้พอเหมาะพอดี และควรนับไว้ในใจด้วย แต่ละวันกินไปเท่าไหร่ และจัดการมันด้วยการออกกำลังกาย (ผู้ชาย ควรทานไม่เกิน 1,800 - 2,000 กิโลแคลอรี่ ส่วน ผู้หญิง ควรทานไม่เกิน 1,200 - 1,500 กิโลแคลอรี่)
-ถึงแม้บางคน ออกกำลังกายก็แล้ว ควบคุมอาหารก็แล้ว แต่น้ำหนักก็ยังไม่ลงเลย ไม่ต้องตกใจไป เพราะสิ่งที่ร่างกายได้รับนั้น ก็คือ กล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้น และส่งผลให้ระบบร่างกายของคุณดูดีขึ้น จนทำให้คุณรู้สึกถึงการแข็งแรงขึ้น และอย่าหยุดที่จะออกกำลังกายนะ จงทำมันต่อไปด้วยล่ะ