สธ. เตือนสูตรด่วนสุดโหด “ลดน้ำหนัก” แบบทันใจ หาย 4 กิโลกรัมใน 3 วันอันตราย ทำมวลกล้ามเนื้อหาย แทนที่จะเป็นไขมัน เผยเลิกควบคุมน้ำหนักจะเกิดโยโย่ ได้ไขมันมาแทนกล้ามเนื้อ ย้ำลดน้ำหนักไม่ควรเกินครึ่งกิโลกรัมต่อต่อสัปดาห์ เน้นกินตามสูตร 211 ออกกำลังกายควบ 30 - 60 นาที ช่วยลดน้ำหนักแบบสุขภาพดี
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการเผยแพร่สูตรลดน้ำหนักแบบต่างๆ ทางสังคมออนไลน์ จากผู้ใช้หลายคนที่ได้ผลแล้วนำมาแบ่งปันกัน ว่า ขณะนี้มีการเผยแพร่หลายสูตร ยิ่งสูตรไหนที่ใช้เวลาน้อย แต่กลับลดน้ำหนักได้มากก็ยิ่งน่าสนใจ เช่น ลดน้ำหนักสูตรโหด 3 วันลดลง 4 กิโลกรัม เป็นต้น โดยสูตรนี้อาหารหลักๆ จะเป็น น้ำส้ม นมสด ขนมปัง ไข่หรือปลา ผัก และมีผลไม้บางมื้อ ทั้งนี้ หากมองตามชนิดอาหารแล้ว และเน้นการปรุงด้วยการต้ม นึ่ง ย่าง แทนการทอดทั้งหมด งดเติมน้ำตาลในเครื่องดื่ม ล้วนเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และเป็นแนวทางการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง แต่ใช่ว่าจะมีสุขภาพดีเสมอไป
“เมื่อดูปริมาณอาหารตามสูตรที่ลดน้ำหนักแล้ว พลังงานจากอาหารที่ได้ในแต่ละมื้อถือว่าน้อยมาก คือเฉลี่ย 962 กิโลแคลอรีต่อวันเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าปริมาณอาหารที่เหมาะสำหรับการลดน้ำหนักใน 1 วัน คือผู้หญิงต้องได้รับพลังงานไม่น้อยกว่า 1,200 กิโลแคลอรี และผู้ชายไม่น้อยกว่า 1,600 กิโลแคลอรี จะสามารถลดน้ำหนักลงอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละครึ่งกิโลกรัม ง่ายๆ คือลดพลังงานที่ได้จากอาหารวันละ 500 กิโลแคลอรีจะทำให้น้ำหนักลดลงสัปดาห์ละครึ่งกิโลกรัม” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สูตรลดน้ำหนักที่ทำได้ง่าย คือการบริโภคอาหารตามหลัก food plate model หรือ เมนู 211 คือแบ่งส่วนของจานอาหารเป็น 4 ส่วน ครึ่งหนึ่งเป็น “ผัก” ทั้งผักสด ผักสุก ปรุงได้ตามใจ แต่ต้องคำนึงถึงน้ำมันและน้ำตาล อีก 1 ส่วน เป็นกลุ่มข้าวแป้ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องกินได้แค่ขนมปังแผ่นเดียวตามสูตรสุดโหด แต่สามารถกินได้ 2 ทัพพีต่อมื้อ คืออาจเลือกเป็นข้าว 2 ทัพพี หรือขนมปัง 2 แผ่น ถ้าหากกินอย่างอื่น เช่น ธัญพืชต่างๆ รวมทั้งนมและโยเกิร์ต ควรลดปริมาณข้าวในมื้อนั้นๆ ลงอีก และ 1 ส่วนสุดท้ายเป็นเนื้อสัตว์ ต้องเลือกที่ชนิดไม่ติดหนัง ไม่ติดมัน ปรุงด้วยการต้ม นึ่ง ย่าง เพื่อลดพลังงานจากน้ำมัน และเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเพียงพอต้องมีผลไม้อีก 1 จานเล็กร่วมด้วยทุกมื้อ
“นอกจากนี้ ใน 1 วันควรดื่มนมพร่องมันเนยอีก 1 แก้ว ดื่มน้ำเปล่าวันละ 6 - 8 แก้ว โดยปกติแล้วการลดน้ำหนักที่เหมาะสม และปลอดภัยต่อสุขภาพควรลดประมาณครึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์ ซึ่งไม่ได้ลดทีละมากๆ เพราะการลดทีละน้อยๆ และลดอย่างต่อเนื่องกลับเป็นผลดีในเรื่องการคงสภาพร่างกาย ทั้งอัตราการเผาผลาญพลังงาน สมรรถภาพทางกาย รวมไปถึงประสิทธิภาพการทำงานต่างๆด้วย และเน้นการปรับพฤติกรรมการกินที่ดีให้กับตัวเอง” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
นพ.พรเทพ กล่าวว่า การใช้ยาลดน้ำหนักหรือการอดอาหารที่เป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้อง การลดน้ำหนักที่เหมาะสมควรค่อยเป็นค่อยไป เพราะหากน้ำหนักลดลงจากการใช้ยา หรืออดอาหาร น้ำหนักจะลดลงเร็วมาก แต่น้ำหนักตัวที่ลดลงทุกๆ 4 กิโลกรัม จะเป็นการสูญเสียมวลไขมัน 3 กิโลกรัม และมวลกล้ามเนื้อ 1 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อเลิกควบคุมน้ำหนักแล้วน้ำหนักจะกลับมาเท่าเดิมอีกครั้ง แต่การเพิ่มครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มของมวลไขมันล้วนๆ ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดในการลดน้ำหนักนั้นควรเป็นการควบคุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 - 60 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน เพื่อให้กล้ามเนื้อคงอยู่และรักษาอัตราการเผาผลาญพลังงานให้คงที่และดีต่อสุขภาพ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการเผยแพร่สูตรลดน้ำหนักแบบต่างๆ ทางสังคมออนไลน์ จากผู้ใช้หลายคนที่ได้ผลแล้วนำมาแบ่งปันกัน ว่า ขณะนี้มีการเผยแพร่หลายสูตร ยิ่งสูตรไหนที่ใช้เวลาน้อย แต่กลับลดน้ำหนักได้มากก็ยิ่งน่าสนใจ เช่น ลดน้ำหนักสูตรโหด 3 วันลดลง 4 กิโลกรัม เป็นต้น โดยสูตรนี้อาหารหลักๆ จะเป็น น้ำส้ม นมสด ขนมปัง ไข่หรือปลา ผัก และมีผลไม้บางมื้อ ทั้งนี้ หากมองตามชนิดอาหารแล้ว และเน้นการปรุงด้วยการต้ม นึ่ง ย่าง แทนการทอดทั้งหมด งดเติมน้ำตาลในเครื่องดื่ม ล้วนเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และเป็นแนวทางการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง แต่ใช่ว่าจะมีสุขภาพดีเสมอไป
“เมื่อดูปริมาณอาหารตามสูตรที่ลดน้ำหนักแล้ว พลังงานจากอาหารที่ได้ในแต่ละมื้อถือว่าน้อยมาก คือเฉลี่ย 962 กิโลแคลอรีต่อวันเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าปริมาณอาหารที่เหมาะสำหรับการลดน้ำหนักใน 1 วัน คือผู้หญิงต้องได้รับพลังงานไม่น้อยกว่า 1,200 กิโลแคลอรี และผู้ชายไม่น้อยกว่า 1,600 กิโลแคลอรี จะสามารถลดน้ำหนักลงอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละครึ่งกิโลกรัม ง่ายๆ คือลดพลังงานที่ได้จากอาหารวันละ 500 กิโลแคลอรีจะทำให้น้ำหนักลดลงสัปดาห์ละครึ่งกิโลกรัม” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สูตรลดน้ำหนักที่ทำได้ง่าย คือการบริโภคอาหารตามหลัก food plate model หรือ เมนู 211 คือแบ่งส่วนของจานอาหารเป็น 4 ส่วน ครึ่งหนึ่งเป็น “ผัก” ทั้งผักสด ผักสุก ปรุงได้ตามใจ แต่ต้องคำนึงถึงน้ำมันและน้ำตาล อีก 1 ส่วน เป็นกลุ่มข้าวแป้ง ซึ่งไม่จำเป็นต้องกินได้แค่ขนมปังแผ่นเดียวตามสูตรสุดโหด แต่สามารถกินได้ 2 ทัพพีต่อมื้อ คืออาจเลือกเป็นข้าว 2 ทัพพี หรือขนมปัง 2 แผ่น ถ้าหากกินอย่างอื่น เช่น ธัญพืชต่างๆ รวมทั้งนมและโยเกิร์ต ควรลดปริมาณข้าวในมื้อนั้นๆ ลงอีก และ 1 ส่วนสุดท้ายเป็นเนื้อสัตว์ ต้องเลือกที่ชนิดไม่ติดหนัง ไม่ติดมัน ปรุงด้วยการต้ม นึ่ง ย่าง เพื่อลดพลังงานจากน้ำมัน และเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเพียงพอต้องมีผลไม้อีก 1 จานเล็กร่วมด้วยทุกมื้อ
“นอกจากนี้ ใน 1 วันควรดื่มนมพร่องมันเนยอีก 1 แก้ว ดื่มน้ำเปล่าวันละ 6 - 8 แก้ว โดยปกติแล้วการลดน้ำหนักที่เหมาะสม และปลอดภัยต่อสุขภาพควรลดประมาณครึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์ ซึ่งไม่ได้ลดทีละมากๆ เพราะการลดทีละน้อยๆ และลดอย่างต่อเนื่องกลับเป็นผลดีในเรื่องการคงสภาพร่างกาย ทั้งอัตราการเผาผลาญพลังงาน สมรรถภาพทางกาย รวมไปถึงประสิทธิภาพการทำงานต่างๆด้วย และเน้นการปรับพฤติกรรมการกินที่ดีให้กับตัวเอง” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
นพ.พรเทพ กล่าวว่า การใช้ยาลดน้ำหนักหรือการอดอาหารที่เป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้อง การลดน้ำหนักที่เหมาะสมควรค่อยเป็นค่อยไป เพราะหากน้ำหนักลดลงจากการใช้ยา หรืออดอาหาร น้ำหนักจะลดลงเร็วมาก แต่น้ำหนักตัวที่ลดลงทุกๆ 4 กิโลกรัม จะเป็นการสูญเสียมวลไขมัน 3 กิโลกรัม และมวลกล้ามเนื้อ 1 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อเลิกควบคุมน้ำหนักแล้วน้ำหนักจะกลับมาเท่าเดิมอีกครั้ง แต่การเพิ่มครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มของมวลไขมันล้วนๆ ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดในการลดน้ำหนักนั้นควรเป็นการควบคุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 - 60 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน เพื่อให้กล้ามเนื้อคงอยู่และรักษาอัตราการเผาผลาญพลังงานให้คงที่และดีต่อสุขภาพ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่