มีหลายตำรากล่าวไว้ว่าการรับประทานผลไม้ให้ได้ประโยชน์ที่สุดควรรับประทานตอนท้องว่าง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายถึงผลไม้ทุกชนิดเสมอไป เพราะมีผลไม้บางจำพวกไม่ควรรับประทานในขณะที่ท้องว่างแต่หากอยากรับประทานขึ้นมาจริงๆ ควรรับประทานในปริมาณน้อยเพียงสอง สามชิ้นเล็กๆ แต่ทางที่ดีควรรับประทานหลังอาหารไปแล้วสัก 20-30 นาทีจะดีต่อร่างกายที่สุด
1. ลูกพลับ
ผลไม้มากไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แคลอรี่ต่ำแถมยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร มีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็น ช่วยในการขับถ่าย, ช่วยบำรุงสายตา ฯลฯ เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นลูกพลับจะมีประโยชน์มากเพียงไรหากรับประทานในขณะที่ท้องว่างก็นำมาซึ่งโทษได้เช่นกันเพราะหากรับประทานตอนท้องว่างกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดออกมามากซึ่งพอมารวมตัวกับยางและสารแขวนลอยในลูกพลับ อาจทำให้คลื่นไส้และระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้
2. มะละกอ
เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างสูงแถมนำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวาน มีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณ, ช่วยย่อยอาหาร, ช่วยแก้อาการท้องผูก และประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย แต่มะละกอไม่เหมาะกับที่จะนำมารับประทานตอนท้องว่างเพราะในมะละกอมีเอนไซม์อยู่มาก
3. สับปะรด
อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มากมาย อาทิ วิตามินบี, วิตามินซี แคลเซียม, โพแทสเซียม, ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ฯลฯ ซึ่งสับปะรดเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ไม่ควรรับประทานตอนท้องว่างเนื่องจากสับปะรดมีรสเปรี้ยวอาจส่งผลให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารได้
4. ส้ม
ส้มจัดเป็นผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีนและวิตามินซีสูง ช่วยในเรื่องผิวพรรณได้เป็นอย่างดี ซึ่งส้มจัดว่าเป็นผลไม้ต้องห้ามยามท้องว่างเช่นกันเพราะรสเปรี้ยวของส้มจะทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้
5. มะนาว
มะนาวมีวิตามินซีสูงปรี๊ดอีกทั้งยังมีประโยชน์ค่อนข้างหลากหลาย อาทิ แก้ท้องผูก, ช่วยให้เจริญอาหาร, แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ, ฯลฯ ซึ่งมะนาวไม่ควรรับประทานตอนท้องว่างเพราะรสเปรี้ยวอาจส่งให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารได้เช่นเดียวกันกับส้มและสับปะรดนั่นเอง
_________________________
ข้อมูลบางส่วนจาก : กรมอนามัย
1. ลูกพลับ
ผลไม้มากไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แคลอรี่ต่ำแถมยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร มีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็น ช่วยในการขับถ่าย, ช่วยบำรุงสายตา ฯลฯ เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นลูกพลับจะมีประโยชน์มากเพียงไรหากรับประทานในขณะที่ท้องว่างก็นำมาซึ่งโทษได้เช่นกันเพราะหากรับประทานตอนท้องว่างกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดออกมามากซึ่งพอมารวมตัวกับยางและสารแขวนลอยในลูกพลับ อาจทำให้คลื่นไส้และระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้
2. มะละกอ
เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างสูงแถมนำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวาน มีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณ, ช่วยย่อยอาหาร, ช่วยแก้อาการท้องผูก และประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย แต่มะละกอไม่เหมาะกับที่จะนำมารับประทานตอนท้องว่างเพราะในมะละกอมีเอนไซม์อยู่มาก
3. สับปะรด
อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มากมาย อาทิ วิตามินบี, วิตามินซี แคลเซียม, โพแทสเซียม, ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ฯลฯ ซึ่งสับปะรดเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ไม่ควรรับประทานตอนท้องว่างเนื่องจากสับปะรดมีรสเปรี้ยวอาจส่งผลให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารได้
4. ส้ม
ส้มจัดเป็นผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีนและวิตามินซีสูง ช่วยในเรื่องผิวพรรณได้เป็นอย่างดี ซึ่งส้มจัดว่าเป็นผลไม้ต้องห้ามยามท้องว่างเช่นกันเพราะรสเปรี้ยวของส้มจะทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้
5. มะนาว
มะนาวมีวิตามินซีสูงปรี๊ดอีกทั้งยังมีประโยชน์ค่อนข้างหลากหลาย อาทิ แก้ท้องผูก, ช่วยให้เจริญอาหาร, แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ, ฯลฯ ซึ่งมะนาวไม่ควรรับประทานตอนท้องว่างเพราะรสเปรี้ยวอาจส่งให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารได้เช่นเดียวกันกับส้มและสับปะรดนั่นเอง
_________________________
ข้อมูลบางส่วนจาก : กรมอนามัย
