การมีหุ่นที่ดี และบอดี้ที่ฟิตเฟิร์ม น่าจะเป็นหนึ่งในความปรารถนาของคุณผู้หญิง และนี่ก็คือ 6 เรื่องที่คุณต้องรู้ หากอยากลดน้ำหนักให้ได้ผลดี |
1.ยกระดับการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย
การเพิ่มอัตราการเผาผลาญสารอาหาร (metabolism) ง่ายที่สุดคือการออกกำลังกายและทานอาหารที่เพิ่มความสมดุลให้กับร่างกาย สำหรับผู้หญิงที่อยากลดความอ้วน สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ ลดปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายได้รับอย่างสมดุล และต้องเพิ่มระดับอัตราการเผาผลาญสารอาหารให้เป็นพลังงาน ระดับพื้นฐานในร่างกายมากขึ้นด้วย ข้อควรระวังคือ การอดอาหารไม่สามารถทำให้ร่างกายผอมได้ ในระยะยาวยังทำให้สุขภาพไม่แข็งแรง และเกิดโรคภัยต่างๆ อีกด้วย
2.เข้าใจกระบวนการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย
อัตราการเผาผลาญพื้นฐานคือ ปริมาณของพลังงานที่ใช้ตั้งแต่อวัยวะเริ่มทำงาน (ขึ้นอยู่กับปริมาณกล้ามเนื้อของร่างกาย การสร้างกล้ามเนื้อมีส่วนในการเร่งการเผาผลาญส่วนใหญ่ของร่างกายในแต่ละวัน) ถ้าร่างกายมีอัตราการเผาผลาญสารอาหารในระดับสูง แสดงว่า สมรรถภาพของร่างกายยังดีอยู่ ซึ่งมีผลให้พลังงานภายในร่างกายถูกใช้ออกไปในปริมาณมาก ในทางกลับกัน หากร่างกายใช้พลังงานในปริมาณน้อย แสดงว่า สมรรถภาพของร่างกายเริ่มถดถอยลง
3.การนอนหลับให้เพียงพอ
ในช่วงเวลาของการนอนหลับ อัตราการเผาผลาญสารอาหารภายในร่างกายจะลดลง 10-15% ถือว่าการนอนเป็นช่วงเวลาที่ทำให้อ้วนได้ง่ายที่สุด การนอนน้อยเกินไปในแต่ละวันมีผลเสียต่ออัตราการเผาผลาญของร่างกาย ช่วงเวลาที่เรานอนหลับ คือช่วงเวลาที่อวัยวะของร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และขับของเสียออกจากร่างกาย หากร่างกายได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ การทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกายก็จะอ่อนแอลง การพักผ่อนที่ช่วยให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น คือ การนอนหลับในช่วงเวลาห้าทุ่มจนถึงตีห้าเป็นประจำทุกวัน
4.ประโยชน์ของโปรตีน
ช่วยให้อัตราการเผาผลาญสารอาหารเพิ่มขึ้น ทำให้ร่างกายได้ใช้พลังงานแคลอรี่ในปริมาณที่มากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบโปรตีนกับไขมันในขั้นตอนการเผาผลาญของร่างกายแล้ว จะเห็นได้ว่า กรดอะมิโน (amino acid) ยากแก่การย่อยสลายในร่างกายมากกว่า ดังนั้น ร่างกายจึงต้องใช้พลังงานในปริมาณที่มากขึ้น จึงจะสามารถทำการย่อยสลายและดูดซึมสารอาหารนี้ได้
5.อาหารเช้าคือ สิ่งสำคัญในการฟื้นฟูกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย
ตอนที่เรานอนหลับ อัตราความเร็วในการเผาผลาญของร่างกายจะลดลง ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มฟื้นฟูและเพิ่มความเร็วในการเผาผลาญสารอาหารอีกครั้งก็ต่อเมื่อเราได้รับประทานอาหารเข้าไปอีกครั้ง หากเราไม่ทานอาหารมื้อเช้า ร่างกายจะรอจนถึงอาหารมื้อเที่ยงก่อนจะเริ่มทำการเผาผลาญและใช้พลังงานออกมา และหากอยู่ในช่วงที่กำลังลดความอ้วน การไม่ทานอาหารเช้าจะมีผลทำให้ไม่สามารถลดความอ้วนได้ ดังนั้นถ้าอยากผอมก็ไม่ควรที่จะมองข้ามอาหารเช้าเป็นอันขาด
6.รับปริมาณสารอาหารอย่างเพียงพอ
น้ำหนักปัจจุบัน x 22 = พลังงานแคลอรี่ที่ควรได้รับในแต่ละวัน ถ้าหากเราลดปริมาณการกินอาหารลง ร่างกายจะเข้าใจว่า ตัวเราอยู่ในสภาวะกำลังขาดแคลนอาหาร และเพื่อให้เกิดความสมดุล ร่างกายของเราจะลดอัตราการเผาผลาญพื้นฐานของร่างกาย(การเต้นของหัวใจ, การหายใจ เป็นต้น) ลงโดยอัตโนมัติ มีผลทำให้ระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายผิดปกติไป
ข้อควรจำ “คนนี้อ้วนตั้งแต่เกิด” “คนนั้นผอมตั้งแต่เกิด” ใครเป็นคนกำหนดนะ? ยิ่งระบบการเผาผลาญทำงานได้ดีมากเท่าไหร่ ร่างกายจะยิ่งขจัดปริมาณแคลอรี่ออกจากร่างกายได้มากเท่านั้น คนที่รู้สึกว่าอ้วน ให้ออกกำลังกายและห้ามอดอาหารเด็ดขาด เพราะจะทำให้รู้สึกหิวและกินมากขึ้นกว่าปกติ (เรื่องความอ้วนความผอมจริงๆแล้วเราเป็นคนกำหนดเองต่างหากล่ะ) ยิ่งเวลาผ่านไป ทำไม “คนผอม” กลายเป็น “คนอ้วน” ได้ล่ะ? ระบบการเผาผลาญภายในร่างกายยิ่งนานวันจะยิ่งเสื่อมลง ตามปกติแล้วอัตราการผาผลาญจะลดลง 2% ในทุกๆสิบปี หากอายุเพิ่มเป็น20-30ปีแล้วแต่ยังทานอาหารในปริมาณเท่าเดิม และไม่ยอมออกกำลังกาย ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องอ้วนขึ้นอย่างแน่นอน ทำไมยิ่งกินน้อยลงเท่าไหร่ กลับยิ่งอ้วนเร็วขึ้นเท่านั้น? การอดอาหารหรือทานอาหารในปริมาณที่น้อยลง อาจช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงภายในระยะเวลาอันสั้น แต่อย่าลืมว่าอัตราการเผาผลาญจะลดระดับลงตามไปด้วย ทันทีที่กลับมาทานอาหารในปริมาณเท่าเดิม อัตราการเผาผลาญจะไม่เพิ่มขึ้นมาเท่ากับปริมาณอาหารที่กินเข้าไปได้อีก ตั้งแต่เช้าจรดเย็น อัตราการเผาผลาญในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่านะ? อัตราการเผาผลาญย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตามปกติ ระดับของอัตราการเผาผลาญจะสูงที่สุดในช่วงเช้า และจะลดลงต่ำสุดในตอนกลางคืนที่เราเข้านอนแล้ว |
_______________________________
ข้อมูลจากนิตยสาร Slimming เดือนกรกฎาคม 2558