วงการแพทย์ค้นพบนวัตกรรม เซลล์ต้นนกำเนิด หรือที่เรียกว่า สเต็มเซลล์ เมื่อ 60 ปี จีนเป็นประเทศที่สามในโลกที่ทุ่มทุนมหาศาลในการศึกษาวิจัยจนกระทั่งบรรลุผลสำเร็จ ส่วนหนึ่งเพื่อประชากรของตนซึ่งมีมากที่สุดในโลก อีกเหตุหนึ่งในฐานะมหาอำนาจในซีกโลกตะวันตกซ้ำยังเป็นประเทศที่มีเศรษฐฐานะดีที่สุด จึงต้องประกาศศักดาในด้านการแพทย์ให้ทัดเทียมสหรัฐอเมริกาและอังกฤษที่ศึกษาวิจัยนำนวัตกรรมสเต็มเซลล์ได้เป็นประเทศที่ 1 และ 2
นายแพทย์ เชียวชินหมิง ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสเต็มเซลล์ของจีน ซึ่งมาเยือนไทยในโอกาสเปิดศูนย์บริการข้อมูลของโรงพยาบาลกวางโจ เมโย สเต็มเซลล์ ในประเทศไทย เปิดเผยว่า จีนมีประชากรมากที่สุดในโลก คือกว่า 1300 ล้านคน ประชากรจีนเผชิญโรคภัยเหมือนประชากรชาติต่างๆ ทั่วโลก แต่ด้วยจำนวนที่มากกว่า ทำให้พบปัญหามากกว่า รุนแรงกว่า เช่น กรณีผู้ป่วยเบาหวานที่มีถึงกว่า 100 ล้านราย
การรักษา ใช้วิถีทางการแพทย์ทั่วไปคือให้ผู้ป่วยควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และรับประทานยาซึ่งมีทั้งสมุนไพรและยาแผนปัจจุบัน แต่ปัญหาของผู้ป่วยเบาหวานในโลกนี้มีเรื่องเดียวกันคือส่วนใหญ่ไม่สามารถคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงกว่าค่าปกติ คนไข้มักไม่มีวินัยในการรับประทาน กินตามใจปาก และ ไม่ออกกำลังกาย ทำให้คุมน้ำตาลในเลือดไม่ได้ (ระดับน้ำตาลในเลือดไม่ควรเกิน 120 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือ ค่าระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ที่เรียกว่า HbA1c ควรอยู่ในระดับ ไม่เกิน 6.5)
"ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ หลายๆ ปีเข้า หลอดเลือดจะแข็งตัว โรคแทรกซ้อนที่รออยู่เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคไต ซึ่งจะสร้างความทุกข์ทรมานให้ผู้ป่วยและเสียเงินในการดูแลรักษาจำนวนมาก ผู้ป่วยบางคนน เบาหวานขึ้นตา ทำให้ตาบอด หรือบางคนต้องตัดขา เพราะเป็นแผลเรื้อรังรักษาไม่หาย
“ก่อนที่จะถึงโรคแทรกซ้อน เราใช้ทุกวิถีทางการแพทย์เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลให้ได้ แต่สำหรับผู้แป่วยบางรายก่อนถึงภาวะต้องสูญเสียอวัยวะ นวตกรรมการใช้สเต็มเซลล์ สามารถช่วยได้ นอกจากนี้ยังมีการใช้สเต็มเซลล์ในนผู้ป่วยโรคอื่นๆ เช่น อัลไซเมอร์ พาร์คินสัน ออทิสติก หรือแม้กระทั่งผู้ป่วยอันมพาตอัมพฤกษ์โดยต้องพิจารณาตามสภาพของผู้ป่วยแต่ละราย" นายแพทย์เชียวชุนหมิง กล่าว
นอกจากประเทศไทยจะเป็นศูนย์บริการข้อมูลอีกแห่งของโลก จีนได้เปิดศูนย์บริการในลักษณะนี้ที่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ บังคลาเทศ อินโดนีเซีย และกัมพูชา
นายแพทย์ เชียวชินหมิง ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสเต็มเซลล์ของจีน ซึ่งมาเยือนไทยในโอกาสเปิดศูนย์บริการข้อมูลของโรงพยาบาลกวางโจ เมโย สเต็มเซลล์ ในประเทศไทย เปิดเผยว่า จีนมีประชากรมากที่สุดในโลก คือกว่า 1300 ล้านคน ประชากรจีนเผชิญโรคภัยเหมือนประชากรชาติต่างๆ ทั่วโลก แต่ด้วยจำนวนที่มากกว่า ทำให้พบปัญหามากกว่า รุนแรงกว่า เช่น กรณีผู้ป่วยเบาหวานที่มีถึงกว่า 100 ล้านราย
การรักษา ใช้วิถีทางการแพทย์ทั่วไปคือให้ผู้ป่วยควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และรับประทานยาซึ่งมีทั้งสมุนไพรและยาแผนปัจจุบัน แต่ปัญหาของผู้ป่วยเบาหวานในโลกนี้มีเรื่องเดียวกันคือส่วนใหญ่ไม่สามารถคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงกว่าค่าปกติ คนไข้มักไม่มีวินัยในการรับประทาน กินตามใจปาก และ ไม่ออกกำลังกาย ทำให้คุมน้ำตาลในเลือดไม่ได้ (ระดับน้ำตาลในเลือดไม่ควรเกิน 120 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือ ค่าระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ที่เรียกว่า HbA1c ควรอยู่ในระดับ ไม่เกิน 6.5)
"ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ หลายๆ ปีเข้า หลอดเลือดจะแข็งตัว โรคแทรกซ้อนที่รออยู่เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคไต ซึ่งจะสร้างความทุกข์ทรมานให้ผู้ป่วยและเสียเงินในการดูแลรักษาจำนวนมาก ผู้ป่วยบางคนน เบาหวานขึ้นตา ทำให้ตาบอด หรือบางคนต้องตัดขา เพราะเป็นแผลเรื้อรังรักษาไม่หาย
“ก่อนที่จะถึงโรคแทรกซ้อน เราใช้ทุกวิถีทางการแพทย์เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลให้ได้ แต่สำหรับผู้แป่วยบางรายก่อนถึงภาวะต้องสูญเสียอวัยวะ นวตกรรมการใช้สเต็มเซลล์ สามารถช่วยได้ นอกจากนี้ยังมีการใช้สเต็มเซลล์ในนผู้ป่วยโรคอื่นๆ เช่น อัลไซเมอร์ พาร์คินสัน ออทิสติก หรือแม้กระทั่งผู้ป่วยอันมพาตอัมพฤกษ์โดยต้องพิจารณาตามสภาพของผู้ป่วยแต่ละราย" นายแพทย์เชียวชุนหมิง กล่าว
นอกจากประเทศไทยจะเป็นศูนย์บริการข้อมูลอีกแห่งของโลก จีนได้เปิดศูนย์บริการในลักษณะนี้ที่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ บังคลาเทศ อินโดนีเซีย และกัมพูชา
| สนใจข้อมูลเพิ่มเติมค้นหาได้ที่ www.th.gzcells .com หรือสอบถามที่ 02-231 8717 E.mail : th@gzcells.com |
