นายกรัฐมนตรี เผยอยู่ระหว่างตั้งเวทีพูดคุยกับทางเมียนมาร์ และ มาเลเซีย กรณีชาวโรฮิงญา ยอมรับไทยยังหละหลวม อีกทั้งเจอพวกแสวงหาผลประโยชน์ ต้องขันนอตให้แน่น ชี้เป็นปัญหาทุกรัฐบาล คุยมาตลอด เหน็บรัฐบาลประชาธิปไตย ถ้าทำเพื่อทั้งประเทศปัญหาจะไม่เกิด วอนสื่อตีข่าวมากไม่เป็นผลดี ด้านโฆษก ทบ. ย้ำยังไม่มีพันตรีถูกตำรวจออกหมายจับเอี่ยวโรฮิงญา ยันไม่มีเด้ง พ.อ. นอกฤดู
วันนี้ (7 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการแก้ปัญหาชาวโรฮิงญา ที่มีความต้องการให้รัฐบาลไทยพูดคุยกับทางเมียนมาร์และมาเลเซีย ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งเวทีพูดคุยกันอยู่ แต่ขณะนี้ถือว่าบ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันถูกจับตามองดูอยู่โดยเฉพาะตน แต่ก็มีการชื่นชมว่าทุกอย่างดีมีเสถียรภาพ มีความมั่นใจเรื่องการค้าการลงทุนและมีคำถามว่าถ้าตนไม่อยู่แล้วจะเป็นไปตามที่วางไว้หรือไม่ซึ่งก็ตอบยาก แต่ยืนยันว่าจะพยายามทำให้มากที่สุดทุกเรื่องที่ทำได้ในสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมายหรือมีผลประโยชน์ จึงได้เกิดความเชื่อมั่นกับประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของชาวโรฮิงญาที่จับกุมได้นั้นขณะนี้ก็กำลังหาสถานที่พักพิงให้ เพราะคนเหล่านี้ถือว่ามีความผิดกฎหมายในเรื่องการหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งกว่าจะพิจารณาคดีเสร็จก็ต้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่กักกันและควบคุมแต่ไม่ได้คุมขัง ก็ต้องดูแลจัดหาที่สามารถรับประทานได้ตามหลักของศาสนา ซึ่งถือว่าเป็นภาระของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะต่างชาติจับตาดูอยู่ ถ้ามีการประโคมข่าวออกไปมากๆ ก็ไม่น่าจะดีนักเนื่องจากเป็นเรื่องของขบวนการข้ามชาติ อย่าลืมว่าต้นทางมาจากประเทศไม่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย ก็ต้องไปแก้ปัญหาที่ต้นทาง ประเทศไทยเป็นกลางทาง ปลายทางคือประเทศที่สามที่กลุ่มคนเหล่านี้ต้องการไป เป็นปัญหาที่ผูกพันสืบเนื่อง ถ้ามุ่งมาที่เราฝ่ายเดียวถือว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งต้องมีการหารือกับประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจว่าการแก้ปัญหามีความเชื่อมโยง และอนาคตปัญหาเหล่านี้จากขึ้นเมื่อเราเป็นประชาคมอาเซียน อีกทั้งประเทศไทยเป็นแหล่งที่หาเงินง่าย ซึ่งทุกประเทศเข้มงวดทั้งหมด ซึ่งก็ยอมรับว่าประเทศไทยหลวมก็ต้องขันนอตให้แน่น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาโรฮิงญาเป็นเรื่องสำคัญ ตั้งแต่สมัยที่ตนดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. หรือแม้แต่สมัย พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เจอปัญหาเหล่านี้มาตลอดและคุยกับทุกรัฐบาลว่าทำอย่างไรจะอำนวยความสะดวกส่งไปประเทศที่สามโดยไม่ต้องอยู่ในประเทศไทย ก็ทำได้ส่วนหนึ่งแต่ก็ยังมีส่วนที่ลักลอบเข้ามาซึ่งมีจำนวนมาก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีคนจากประเทศต้นทางที่ทำ และสาเหตุที่คนเหล่านี้อพยพเนื่องจากไม่ปลอดภัย ยากจน ไม่มีรายได้จึงเสี่ยงลงเรือมาบุกป่าเข้ามา แล้วมาเจอคนที่แสวงหาผลประโยชน์ โดยคนที่ร่วมขบวนการคือคนที่มาก่อน และร่วมมือกับคนไทยและเอาคนที่อยู่ปลายทางมาร่วมด้วย เจ้าหน้าที่ก็หลับตาบ้าง จึงจำเป็นต้องรื้อทั้งหมด ซึ่งวันนี้ก็มีคำสั่งย้ายคนที่เกี่ยวข้องออกทั้งหมด ส่วนทำไมรัฐบาลชุดก่อนๆ ไม่แก้ปัญหาก็คงต้องไปถามกันเอง
“ผมเคยบอกแล้วว่าการเมืองประชาธิปไตย ถ้า ครม. หรือรัฐบาลทำงานเพื่อคนทั้ง 67 ล้านคน ปัญหาจะไม่เกิด แต่ถ้าทำเพื่อคะแนนเสียงปัญหาเกิดทุกเรื่อง อนาคตก็ขึ้นอยู่กับทุกคนว่าจะเลือกมากันอย่างไร แต่อย่าเอาผมไปยุ่งเกี่ยวหาว่าผมชี้นำเพราะอยากอยู่ต่อมันไม่ใช่ ผมเพียงแต่บอกว่าให้คิดกันบ้าง ปัญหาค้ามนุษย์ ไอยูยู หรือแม้แต่เรื่องของไอเคโอ เกิดกันมานานแล้ว แต่รัฐบาลผมเข้ามาแก้ คำถามว่าแล้วทำไมรัฐบาลอื่นไม่แก้ แล้วจะให้เข้ามาทำงานอีกจะทำได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่รัฐต้องร่วมมือทำงานแบบบูรณาการไม่ใช่ต่างคนต่างทำ อย่าปล่อยให้ทำงานด้วยกฎหมายของแต่ละกระทรวงเองเพราะอาจจะมีการแสวงหาผลประโยชน์ได้ เพราะไม่มีการถ่วงดุลจากการทำงานร่วมกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีการออกหมายจับนายทหารยศพันตรีคนหนึ่งใน จ.ระนอง ที่พัวพันเรื่องจับชาวโรฮิงญาเรียกค่าไถ่ว่า ขณะนี้ทางกองทัพบกยังไม่ได้รับการประสานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีกำลังพลของกองทัพบกยศ พ.ต. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องโรฮิงญาถูกออกหมายจับแต่อย่างใด ถ้ามีการออกหมายจับกำลังพลของกองทัพบกโดยปกติทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานมายังกองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วนงานต้นสังกัด แต่ถ้าพบว่ามีกำลังพลของกองทัพกระทำความผิดหรือทางหน่วยมีข้อมูลด้านการข่าวก็จะมีการดำเนินการตรวจสอบตามกลไกภายในของกองทัพ ซึ่งหากพบว่าผู้ใดมีความผิดก็จะต้องโทษทางวินัยคู่ขนานด้วยตามนโยบายของพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะ ผบ.ทบ. ส่วนที่มีข่าวว่ามีการปรับย้าย พ.อ. นั้น ในเบื้องต้นที่ผ่านมาช่วงปลายเดือน เม.ย. ทางกองทัพบกได้มีการปรับย้ายระดับ พ.ท. และ พ.อ. จำนวน 205 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับย้ายตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและให้สอดคล้องกับการทำงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเท่านั้น