ผบ.ทบ. ลงพื้นที่สงขลา ระนอง ตรวจสอบความคืบหน้าขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ตามคำสั่งนายกฯ ยันรัฐบาลเอาจริง ระดมทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายพลเรือน ร่วมมือดำเนินการอย่างเด็ดขาด รับพบมีเจ้าหน้าที่เอี่ยวค้ามนุษย์
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาชาวโรฮิงญา ว่า ตนได้ลงพื้นที่ไป เพราะได้รับมอบหมายจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสวบแห่งชาติ (คสช.) กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งปัญหาตอนนี้มีขบวนการลักลอบนำคนหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย อีกทั้งมีขบวนการนำพาแรงงานเหล่านี้มาพักตัวที่ประเทศไทย ก่อนจะตัวไปยังประเทศที่สาม ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นภัยร้ายแรง และเราก็จะดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ โดยการลงไปในพื้นที่ครั้งนี้จะต้องทำงานอย่างจริงจัง เพื่อให้ขบวนการเหล่านี้หมดไปจากประเทศเราให้ได้ ตามหลักมนุษยธรรม และไม่ให้ประเทศเราตกเป็นเป้าหมายการค้ามนุษย์ในสายตาของนานาชาติ
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลมีความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหา ส่วนความคืบหน้าที่พบหลุมศพนั้น ก็ตามที่ตนให้ข่าวไปก่อนหน้านี้ โดยจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปพิสูจน์หลักฐานก็พบหลุมศพ 31 หลุม และขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ 25 โครง แล้วพบอีก 1 ศพที่เสียชีวิตไม่นานมาก และยังพบที่พักอาศัยชั่วคราวในจุดดังกล่าว ซึ่งสันนิฐานได้ว่าจุดพักชั่วคราวนี้เป็นที่พักของคนหลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงญา เพื่อนำส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านต่อไป
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะคลี่คลายปัญหานี้ พร้อมทั้งจะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบจุดอื่นๆ ต่อไป ไม่ว่าจะพบหลักฐานหรือไม่พบก็ตาม ซึ่งตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเราจะกวดขันเรื่องค้ามนุษย์มากขึ้น ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และพลเรือน จะต้องร่วมมือกันดำเนินการ และต้องไม่ตกอยู่ในภายใต้อิทธิพลของคนใดคนหนึ่ง ประกอบกับในวันนี้ (4 พ.ค.) ตนก็จะเดินทางไป จ.ระนอง ด้วย เพื่อไปดูปัญหา เพราะเป็นพื้นที่จุดเริ่มต้นของขบวนการค้ามนุษย์โดยนำคนมาทางเรือ
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวชาวโรฮิงญา 700 คน เดินทางไปประเทศมาเลเซียแล้ว จะประสานงานกันอย่างไร พล.อ.อุดมเดช กล่าว เมื่อเขาหลบหนีออกจากประเทศเราไปแล้ว ประกอบกับพวกเขาก็ไม่ใช่คนไทยด้วย ตนไม่ทราบว่ามีจำนวนคนหลบหนีไปประเทศเพื่อนเท่าใด แต่ว่าตอนนี้เราสนใจว่าการแก้ไขปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ในอดีตมีความถูกผิดอย่างไร ซึ่งจะต้องสืบให้ได้ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าปัญหานี้น่าจะมีความเชื่อมโยงกันทั้ง 2 ฝั่ง เช่น ฝั่งนี้ส่งคนไป อีกฝั่งรับคนมา อีกทั้งตนเชื่อว่าไม่ใช่ขบวนการเล็กๆ เพราะมีการดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว
ส่วนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมออกหมายจับ เจ้าหน้าที่บางส่วนที่เกี่ยวข้อง พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ยังเปิดเผยราชชื่อได้ไม่ได้ตอนนี้ ซึ่งจากหลักฐาน และความเชื่อมโยงต่างๆ น่าจะมีความชัดเจนบ้าง ก็ขอให้ทราบตามนี้