1.ทำไมจึงต้องปรับปรุงกฎหมายควบคุมยาสูบ กฎหมายปัจจุบันดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
ตอบ : พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และ พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพผู้ไม่สูบบุหรี่ใช้มา 23 ปีแล้ว ทำให้ล้าสมัยไม่ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ ๆ และไม่ทันกับกลยุทธ์การตลาดของบริษัทบุหรี่ อัตราการสูบบุหรี่ของชายไทยยังสูงถึง 40% และจำนวนผู้สูบบุหรี่ยังมีถึง 11.0 ล้านคน บุหรี่เป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนเวลาอันดับที่สองของคนไทย
2.กฎหมายนี้จะส่งผลดีต่อสุขภาพของคนไทยอย่างไร
ตอบ : ร่างกฎหมายใหม่เน้นการควบคุมการตลาดของบริษัทบุหรี่ สกัดการเข้าถึงบุหรี่ของเด็ก ๆ และป้องกันการแทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบโดยบริษัทบุหรี่ ประโยชน์โดยรวมของกฎหมายใหม่คือการลดจำนวนเด็กและเยาวชนที่จะเสพติดบุหรี่ ซึ่งปัจจุบันนี้มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ติดบุหรี่แล้ว 4 แสนคน ทั้งนี้สถิติพบว่าเด็กไทย 10 คนที่ติดบุหรี่ 7 คนจะเลิกไม่ได้จนตลอดชีวิต
3.กฎหมายนี้จะกระทบต่อร้านค้าปลีกหรือไม่
ตอบ : ผลกระทบต่อร้านค้าปลีกยาสูบแต่ละรายจะมีน้อยมาก เพราะบุหรี่เป็นเพียงหนึ่งในสินค้าหลากหลายชนิดที่ขายโดยร้านค้าปลีก ซึ่งรายได้จากการขายยาสูบคิดเป็นประมาณ หนึ่งในสิบของรายได้ของร้านค้าปลีก ดังนั้น หากรายได้จากการขายบุหรี่ลดลงบ้าง ก็จะไม่กระทบรายได้ของร้านค้าปลีกในภาพรวม
4.ประเด็นที่สมาคมการค้ายาสูบไทยที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของร้านค้าปลีก คัดค้านมากที่สุดคืออะไร
ตอบ : สมาคมการค้ายาสูบไทยคัดค้านการห้ามแบ่งซองขายบุหรี่เป็นรายมวน แต่ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องมีกฎหมายนี้ เนื่องจากการสำรวจพบว่า 88.3% ของเด็กไทยอายุ 15-17 ปี ที่สูบบุหรี่ ซื้อบุหรี่แบบเป็นรายมวน และในแต่ละวันมีเด็กอายุ 15-18 ปี 236,225 คนที่ซื้อบุหรี่แบบรายมวน การขายบุหรี่แบบรายมวนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กๆ ทดลองสูบจนเกิดการเสพติดบุหรี่ ซึ่ง 70% ของเด็กที่เริ่มสูบจะติดไปตลอดชีวิต ขณะที่มี 97 ประเทศทั่วโลกที่มีกฎหมายห้ามแบ่งซองขายบุหรี่เป็นรายมวนแล้ว รวมทั้งลาว เมียนมาร์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และบรูไน
5.กฎหมายนี้จะกระทบต่อชาวไร่ยาสูบหรือไม่
ตอบ : โดยบทบัญญัติของร่างกฎหมายใหม่ ไม่มีส่วนใดที่เกี่ยวกับการปลูก การบ่ม หรือการค้าใบยาสูบเลย
6.กฎหมายใหม่จะกระทบผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าบุหรี่อย่างไร
ตอบ : ขณะนี้โรงงานยาสูบไทยมีกำไรประมาณปีละ 6,000 ล้านบาท และบริษัทฟิลลิป มอร์ริสประเทศไทย มีกำไรประมาณปีละ 3,000 ล้านบาท สมมุติว่ากฎหมายใหม่มีประสิทธิภาพสูงสุดโดยทำให้ยอดจำหน่ายบุหรี่ซิกาแรตลดลง 10% ผลกระทบที่เกิดกับโรงงานยาสูบไทยคือกำไรลดลง 600 ล้านบาท และบริษัทฟิลลิป มอร์ริส กำไรลดลง 300 ล้านบาทต่อปี แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงมีกำไรรวมกันถึงปีละ 8,000 ล้านบาท นั่นหมายถึง ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบจะขาดทุนกำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
7.กฎหมายใหม่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศหรือไม่
ตอบ : เนื้อหาในกฎหมายใหม่ทั้งหมดนำมาจากอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก กรณีที่ฝ่ายที่คัดค้านอ้างว่า “อาจจะขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ” คือบทบัญญัติที่ให้อำนาจรัฐบาลในการออกกฎหมายซองบุหรี่แบบเรียบในอนาคต
ออสเตรเลียได้ใช้กฎหมายซองบุหรี่แบบเรียบตั้งแต่ พ.ศ.2555 ตามข้อกำหนดของอนุสัญญาควบคุมยาสูบฯ เพื่อลดความเย้ายวนของซองบุหรี่ต่อวัยรุ่น เพื่อทำให้เด็กๆ ติดบุหรี่น้อยลง
สหภาพยุโรปประกาศว่ากฎหมายซองบุหรี่แบบเรียบไม่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และขณะนี้ประเทศอังกฤษ ไอร์แลนด์ และฝรั่งเศสได้ออกกฎหมายซองบุหรี่แบบเรียบแล้ว ขณะที่สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ และนิวซีแลนด์อยู่ในระหว่างการพิจารณากฎหมายนี้
ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบจึงไม่มีข้อที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะหากยังไม่มีการออกกฎหมายลูกเกี่ยวกับมาตรการบังคับใช้ซองบุหรี่แบบเรียบ
***ข้อมูล: มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่***