นายกฤษณ์ ผาทอง นายกสมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูก และผู้ค้าใบยาสูบ จ.เชียงใหม่ และตัวแทนชาวไร่ยาสูบ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มได้รับข้อมูลเบื้องต้นว่า ร่างพ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอเข้าสู่วาระการพิจารณาของครม. ได้ถูกถูกสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ตีกลับไปยังกระทรวง เป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเห็นว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไขตามความเห็นของส่วนราชการต่างๆ และยังไม่ได้รับฟังความเห็นเพิ่มเติม จากภาคเกษตร-เอกชน ตามที่ได้มีคำแนะนำไป แต่ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข อ้างว่า ได้ดำเนินการไปแล้ว ทั้งการหารือกับทุกภาคส่วน หรือการทำประชามติ ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเกษตรกรขอขอบคุณ สลค. ที่รับฟังข้อกังวล และไม่เพิกเฉยต่อความเห็นจากภาคเกษตร
" ร่างกฎหมายนี้ถูกตีกลับไปเป็นครั้งที่ 2 สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ร่างกฎหมายดังกล่าว มีปัญหาทั้งด้านนโยบาย และด้านกฎหมาย มีความขัดแย้งกับส่วนราชการ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข กลับเพิกเฉยต่อความเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่กลับฟังความเห็นเฉพาะบรรดากลุ่มเอ็นจีโอ ที่ทำทุกรูปแบบเพื่อผ่านกฎหมายฉบับนี้ โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงของประชาชน" นายกฤษณ์ กล่าว
ด้าน นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการสมาคมการค้ายาสูบไทย กล่าวว่า ร้านค้าปลีก โดยเฉพาะร้านขนาดเล็กอย่างกลุ่มโชห่วย ที่ขายบุหรี่ จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากร่างกฎหมายนี้มากที่สุดกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากมีหลายมาตรการบังคับที่สุดโต่ง และไม่เกี่ยวข้องกับการปกป้องเยาวชนตามที่กล่าวอ้าง เช่น การห้ามแบ่งขายแบบมวน การห้ามแสดงสินค้าภายในร้าน การกำหนดสถานที่ห้ามขายในภายหลัง การให้ดุลยพินิจเจ้าหน้าที่ในการจับ ปรับร้านค้า มาตรการซองเรียบที่จะทำให้สินค้าทุกยี่ห้อมีหน้าตาเหมือนกันหมด การห้ามแสดงราคา การบังคับติดสื่อรณรงค์ในร้านค้า ฯลฯ
"การตีกลับร่างฯนี้ เป็นรอบที่ 2 แสดงให้เห็นว่า ร่างกฎหมายนี้มีข้อบกพร่องอย่างมาก กระทรวงสาธารณสุขต้องกลับไปทบทวนเนื้อหาในร่างกฎหมาย และก้าวผ่านแรงกดดันจากเอ็นจีโอบุหรี่ ที่คำนึงแต่สิ่งที่ตนเองต้องการ โดยไม่ฟังผู้อื่นไปให้ได้ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไม่รับพิจารณาร่างนี้ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด" นางวราภรณ์ ระบุ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเกษตรกรขอขอบคุณ สลค. ที่รับฟังข้อกังวล และไม่เพิกเฉยต่อความเห็นจากภาคเกษตร
" ร่างกฎหมายนี้ถูกตีกลับไปเป็นครั้งที่ 2 สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ร่างกฎหมายดังกล่าว มีปัญหาทั้งด้านนโยบาย และด้านกฎหมาย มีความขัดแย้งกับส่วนราชการ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข กลับเพิกเฉยต่อความเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่กลับฟังความเห็นเฉพาะบรรดากลุ่มเอ็นจีโอ ที่ทำทุกรูปแบบเพื่อผ่านกฎหมายฉบับนี้ โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงของประชาชน" นายกฤษณ์ กล่าว
ด้าน นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการสมาคมการค้ายาสูบไทย กล่าวว่า ร้านค้าปลีก โดยเฉพาะร้านขนาดเล็กอย่างกลุ่มโชห่วย ที่ขายบุหรี่ จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากร่างกฎหมายนี้มากที่สุดกลุ่มหนึ่ง เนื่องจากมีหลายมาตรการบังคับที่สุดโต่ง และไม่เกี่ยวข้องกับการปกป้องเยาวชนตามที่กล่าวอ้าง เช่น การห้ามแบ่งขายแบบมวน การห้ามแสดงสินค้าภายในร้าน การกำหนดสถานที่ห้ามขายในภายหลัง การให้ดุลยพินิจเจ้าหน้าที่ในการจับ ปรับร้านค้า มาตรการซองเรียบที่จะทำให้สินค้าทุกยี่ห้อมีหน้าตาเหมือนกันหมด การห้ามแสดงราคา การบังคับติดสื่อรณรงค์ในร้านค้า ฯลฯ
"การตีกลับร่างฯนี้ เป็นรอบที่ 2 แสดงให้เห็นว่า ร่างกฎหมายนี้มีข้อบกพร่องอย่างมาก กระทรวงสาธารณสุขต้องกลับไปทบทวนเนื้อหาในร่างกฎหมาย และก้าวผ่านแรงกดดันจากเอ็นจีโอบุหรี่ ที่คำนึงแต่สิ่งที่ตนเองต้องการ โดยไม่ฟังผู้อื่นไปให้ได้ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไม่รับพิจารณาร่างนี้ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด" นางวราภรณ์ ระบุ
